เกาะกระแส
00 เริ่มละล้าละลังกันเห็นได้ชัดสำหรับการทำประชามติเพื่อเปิดช่องให้ ทักษิณ ชินวัตรพ้นผิด โดยรัฐบาลยังไม่กล้าเคาะวิธีการว่าจะทำแบบไหน หรือถามแบบไหน อีกทั้งยังมีเงื่อนไขทางด้านตัวเลขทางคณิตศาสตร์บังคับเอาไว้ด้วยว่าต้องใช้จำนวนผู้มาออกเสียงเป็นเท่าไหร่ถึงจะผ่าน มีทั้งด่านแรก ด่านที่สองรอดักหน้าอยู่ และที่สำคัญงานนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็น “ตัวแปร” เสียด้วย ท่าจะยุ่งตรงนี้แหละ
00 หากคิดจำนวนตัวเลขจากจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงหากนับจากฐานเสียงเดิมเมื่อการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.54 จำนวนกว่า 46 ล้านคน ครึ่งหนึ่งก็คือ 23 ล้านคน ในปัจจุบันอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปทำการบ้านมาบอกว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นอีก 8-9 แสนคนรวมเป็นประมาณ 49 ล้านคนดังนั้นตัวเลขกลมๆต้องได้เสียงเกิน 25 ล้านเสียง มันก็ไม่หมู และหากประชาธิปัตย์ที่การเลือกตั้งคราวที่แล้วได้เสียงบัญชีรายชื่อรวมกันประมาณ 11 ล้านเสียงและเริ่มประกาศท่าทีชัดแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการลงประชามติ รวมทั้งการประกาศของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าจะคว่ำประชามติโดยอาจรณรงค์ไม่ไปลงประชามติ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้มีการแก้ไข รธน.เพื่อคนๆเดียวคือ ทักษิณ ชินวัตร และสิ้นเปลืองงบประมาณตั้ง 2 พันล้าน น่าจะเอาไปทำประโยชน์เรื่องปากท้องมากกว่า เร่งด่วนกว่าการแก้ไข รธน.ที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร มันก็ฟังขึ้นเหมือนกัน
00 ด้วยตัวเลขของปชป. 11 ล้านเสียง รวมไปถึงกระแสสังคมที่นับวันเริ่มไม่ยินดียินร้ายกับการแก้ไขมากขึ้นเมื่อนำตัวเลขไปสมทบกัน มันก็ยิ่งทำให้จำนวนผู้ใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดถึง 25 ล้านคนมันถึงเป็นเรื่องยาก และนี่แหละว่าทำไมรัฐบาลถึงยังไม่ฟันธงว่าจะเอาแบบไหนซื้อเวลาไปก่อน มิหนำซ้ำถ้าไม่ผ่านมันก็มีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกด้วย อย่างที่ “เหลิม บางบอน” พูดนั่นแหละถูกต้อง เพียงแต่ว่าเหตุผลที่เหลิมไม่เห็นด้วยกับแนวทางประชามตินอกจากคิดว่าสำเร็จยากแล้ว วิธีการดังกล่าวทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ “ไม่ใช้บริการ”ของตัวเอง ที่ยังดึงดันจะใช้ พ.ร.บ.ปรองดอง เหมือนเดิม ซึ่งจะว่าไปแล้วน่าจะเสี่ยงต่อการนองเลือดมากกว่า
00 อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะมาไม้ไหนเชื่อว่า “ยาก” ทั้งนั้นแหละ เพราะชาวบ้านเขารู้ทัน และยิ่งนานไปยิ่งไม่เป็นผลดีกับ ทักษิณ และรัฐบาล ทุกอย่างจะประจานออกมาให้เห็นเรื่อยๆ บางครั้งการจะทำลายคนพวกนี้ต้องปล่อยให้ “สันดาน” ความชั่วค่อยๆโผล่ออกมาให้เห็น อย่าเที่ยวไปริปฏิวัติหรือไปตั้งความหวังกับทหาร หรือผู้นำกองทัพ เพราะเอาเข้าจริงไม่ใช่ดูถูกส่วนใหญ่ความคิด “ล้าหลัง” ทั้งนั้น และสาเหตุเพราะ “บังเละ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นั่นแหละที่ไปสร้างความเข้มแข็งให้ ทักษิณ ทำให้ใช้ “ยี่ห้อประชาธิปไตย”มาหลอกคนเสื้อแดงจนถึงวันนี้ ทั้งที่ “หน้าเหลี่ยม” ไม่เคยเชื่อมั่นในประชาธิปไตยสักนิด ที่ผ่านมาก็ทำมาหากินกับเผด็จการจนร่ำรวย
00 ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์จากฝีมือของรัฐบาลนอมินีของทักษิณ ชุดนี้ดูก็ได้ไล่ลงมาตั้งแต่ตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ ลงมาจนถึง รมต.แต่ละคนได้เรื่องได้ราวที่ไหน ล้วนแล้วแต่เป็นลูกน้องเด็กในบ้านในครอบครัวหรือเด็กในบริษัทของครอบครัวทั้งสิ้น ก็อย่าได้แปลกใจที่ผลงานออกไม่เอาอ่าวทั้งที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ และนี่แหละล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมถึงแก้ รธน.ล้างผิดให้ ทักษิณ ยากนัก และถ้าผลีผลามดีไม่ดีอาจได้ยกโขยงกันไปอยู่เมืองนอกพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวก็เป็นได้ !!