xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กช่อง3รับแบน"เหนือเมฆ" กมธ.ย้ำ"สรยุทธ"ต้องหยุดจ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“สมรักษ์”ยืนยันต่อที่ประชุมกมธ. สภาฯ สั่งแบน "เหนือเมฆ" เอง ไร้ใบสั่งการเมือง ชี้ช่อง3 มีอำนาจ หวั่นมีปัญหาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม กสทช. รับลูกขอตรวจสอบอีก 3 ตอนที่เหลือ ก่อนบอกได้จะจัดการช่อง 3 อย่างไร ด้านกมธ. สื่อฯ ส่งรายงานสรุปคดี "ไร่ส้ม" แล้ว ย้ำ "สรยุทธ" ต้องยุติปฎิบัติหน้าที่

วานนี้ (23 ม.ค.) เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้มีการพิจารณากรณีช่อง3 สั่งระงับการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ ตอนมือปรายจอมขมังค์เวทย์ โดยเชิญนายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เข้าชี้แจง

นายสมรักษ์กล่าวว่า ยืนยันการสั่งระงับการออกอากาศละครเรื่องนี้ เป็นอำนาจการตัดสินใจของตน ในฐานะผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการ และตามระเบียบการเซ็นเซอร์รายการก่อนออกอากาศหรือระหว่างการออกอากาศนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการเซ็นเซอร์ของสถานี ไม่มีใบสั่งหรือคำสั่งใดนอกเหนือจากนี้ โดยเหตุผลที่ตัดสินใจ เพราะได้รับกระแสตอบรับภายหลังออกอากาศไปแล้วว่าหากปล่อยให้มีการฉายออกไปต่อ อาจสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม ผู้ชมสามารถตีความได้ต่างๆ นานา อีกทั้งช่อง3เคยมีบทเรียนมาแล้ว เมื่อครั้งพิจารณาเนื้อหารายการไทยแลนด์ ก็อททาเลนท์ ที่คณะกรรมการสถานีพิจารณาแล้วว่าออกอากาศได้ แต่สุดท้ายก็นำไปสู่ข้อถกเถียงและการลงโทษ ทำให้การพิจารณามีความเข้มข้นขึ้น

ส่วนกรณีที่ไม่มีการแถลงข่าวชี้แจง เพราะช่อง3 ไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติ และตามระเบียบขั้นตอนการยกเลิกรายการมีเพียงการขึ้นตัววิ่งชี้แจง และชี้แจงกับตัวแทนเอเจนซี่ ซึ่งเร็วๆ นี้ ช่อง3ก็เคยสั่งยกเลิกรายการ “ตัดหางปล่อยวัด” มาแล้ว และทำตามขั้นตอนดังกล่าว แต่ก็ไม่มีกระแสสังคมเหมือนกับละครเหนือเมฆ

ทั้งนี้ นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหารบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทน เมนต์ จำกัด ผู้ดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ระบุแล้วว่า เรื่องนี้ไม่มีอำนาจนอกระเบียบมาบงการแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องชี้แจงอีก และยืนยันว่าจะไม่มีการนำเอาตอนที่เหลือไปเผยแพร่ที่ใด ไม่ว่าจะเป็นซีดี หรือเว็ปไซต์ยูทูป หากใครดำเนินการถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะลิขสิทธิ์ละครทั้งหมดถือเป็นทรัพย์สินของสถานี และตามปกติละครของช่อง3 จะเป็นระบบที่ถ่ายทำเสร็จก่อนแล้วค่อยออกอากาศ หรือระบบสต๊อก แต่ในเรื่องนี้จะมีการถ่ายทำไว้ 70-80% แล้วออกอากาศไปด้วย เมื่อถูกสั่งระงับการออกอากาศ ก็ได้แจ้งไปยังผู้จัดละคร ซึ่งกรณีได้แจ้งไปยังผู้จัด คือ ครอบครัวของนายฉัตรชัยและนางสินจัย เปล่งพานิช แต่ได้เดินทางไปต่างประเทศตามกำหนดการล่วงหน้า จึงดูเหมือนไม่ได้ประสานงานกัน

ขณะที่นายธวัชชัย จิตภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กสทช. ได้ตรวจสอบเนื้อหาละครที่ออกอากาศในตอนที่ 1-9 แล้ว พบว่าไม่มีเนื้อหาในส่วนใดขัดต่อมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ 2551 ส่วนตอนที่ยังไม่มีการออกอากาศ คือ ตอนที่ 9-12นั้น ได้ให้ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 ส่งเนื้อหามาพิจารณาแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ หากเสร็จสิ้นแล้ว และพบว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมจริง ก็เป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมช่อง3 ที่กล้าเซ็นเซอร์ตัวเองก่อน แต่ถ้าทุกตอนเหมาะสม ตนคิดว่าต้องมีมาตรการกับช่อง3บ้าง แต่จะอยู่ที่ระดับไหนนั้น ไม่สามารถตอบได้

เพราะว่า กรณีนี้ต่างจากรายการไทยแลนด์ ก๊อททาเลนส์ ซึ่งมีการพิจารณาก่อนหน้านี้ เพราะรายการไทยแลนด์ฯ มีภาพที่เข้าข่ายลามกอนาจารอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากกรณีละครเหนือเมฆที่มีประเด็นถึงความเหมาะสมของการตัดสินใจระงับการออกอากาศ ซึ่งตีความได้หลายแง่มุม ส่วนกรณีการร้องเรียนของผู้บริโภคภายหลังการระงับการออกอากาศ ขณะนี้อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาเพื่อหามาตรการเยียวยาต่อไป

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และมีการส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้รับรองรายงานสรุปผลการพิจารณาศึกษามาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรมของสื่อมวลชน โดยศึกษาจากกรณีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ถูกชี้มูลความคิดอาญาฐานร่วมกันยักยอกเงินโฆษณาที่ได้รับเกินกว่าสัญญาที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ทำไว้กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทำให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหาย โดยกรณีดังกล่าวพิจารณาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2555 ถึงต้นปี 2556

รายงานดังกล่าวมีความยาวทั้งสิ้น 7 หน้ากระดาษ มีสาระสำคัญอยู่ในช่วงท้าย ที่ระบุว่า ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือนักการเมืองที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องโทษทางวินัยให้ออกจากราชการหรืออกจากตำแหน่งทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในขณะถูกชี้มูลไปก่อนผลคดีอาญาจะถึงที่สุด ในกรณีของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา (เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด) มิได้เป็นข้าราชการ พนักงานของรัฐ หรือนักการเมือง จึงไม่ต้องรับผิดทางด้านวินัย รวมถึงไม่มีมาตรการใดๆ ทางกฎหมายที่จะบังคับต่อนายสรยุทธให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้ แต่ในฐานะสื่อที่ประชาชนจำต้องพบเห็นการทำหน้าที่อยู่ทุกวัน จึงควรมีมาตรฐานทางด้านคุณธรรมจริยธรรมสูงกว่าบุคคลในอาชีพอื่น หรือให้เท่าเทียมกับอาชีพข้าราชการหรืออาชีพนักการเมือง ที่นายสรยุทธเคยตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเพื่อขจัดข้อเคลือบแคลงสงสัยในสังคมให้หมดสิ้นไป โดยไม่สร้างค่านิยมให้ผิดไปจากจารีตประเพณี

“นายสรยุทธจึงควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยุติบทบาทในหน้าที่สื่อมวลชนของตัวเองก่อนที่จะมีการดำเนินคดีในศาล อันเป็นมาตรการทางอาญา เพื่อเป็นบรรทัดฐานและเป็นตัวอย่างสื่อมวลชนที่ดีในสายตาของประชาชนต่อไป” รายงานดังกล่าวระบุ

นายศุภชัยกล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.มีมติให้ส่งรายดังกล่าวไปยังสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 รวมถึงบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รวมถึงรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การที่นายสรยุทธปฏิเสธที่จะชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการถึง 2 ครั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อความโปร่งใสต่อสังคม ด้วยข้ออ้างว่าคดีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลนั้น เป็นการไม่รับผิดชอบต่อสังคม อย่างไรก็ตาม ต้องการให้เกียรตินายสรยุทธ อีกทั้งคดียังอยู่ระหว่างศาล จึงไม่ก้าวล่วงศาล ทั้งนี้ รายงานสรุปดังกล่าวก็จะส่งให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเก็บเป็นบันทึกไว้ในสภาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น