xs
xsm
sm
md
lg

“มาลีนนท์” ขนพันล้านเพิ่มทุน จ่อฮุบ “เอ็นพาร์ค”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชา มาลีนนท์
จับตา “ประชา มาลีนนท์” เข้าถือหุ้นใหญ่ “เอ็นพาร์ค” หลังได้รับการจัดสรรจองหุ้นเพิ่มทุน 29,500 ล้านหุ้น คิดเป็น 24.50% ของทุนที่เรียกชำระ คาดใช้เงินเกือบ 1,000 ล้านบาทเข้าซื้อ ขณะที่รุ่นลูกประวิทย์ ไล่ซื้อโรงแรมจุลดิศเขาใหญ่ รับการท่องเที่ยวบูม คนในวงการชี้ไม่ง่าย หัวใจหลักอยู่ที่นักบริหารมืออาชีพ เผยโปรเจกต์เมืองประชายังฝืด!
 

นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ “N-PARK” กล่าวว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ทำการเพิ่มทุนโดยออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 60,430,920,000 หุ้น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.02 บาท ปรากฏว่า เมื่อครบกำหนดวันจองซื้อ และรับชาระเงินค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมในระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค.55 ไปแล้ว ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทได้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่ครบตามจำนวนที่บริษัทได้นำออกเสนอขาย โดยมีหุ้นสามัญเหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 53,936 ,699,412 หุ้น (มีการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนไปประมาณ 6,494.22 ล้านหุ้น ได้รับเงินประมาณ 130 ล้านบาท)

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 13/2555 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 จึงมีมติอนุมัติให้จัดสรร และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือดังกล่าว ให้แก่บุคคลในวงจากัด (Private Placement) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 0.029 บาท โดยเป็นราคาไม่ต่ำกว่าราคาที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท และไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดของหุ้นบริษัท ซึ่งคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของการซื้อขายหุ้นของบริษัทในระหว่าง 7 วันทำการก่อนวันแรกที่เสนอขายหุ้นต่อนักลงทุน (ราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของการซื้อขายหุ้นของบริษัทระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2555) ซึ่งราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของการซื้อขายหุ้นของบริษัทเท่ากับ 0.032 บาท


ทั้งนี้ บริษัทเสนอขายให้แก่ นายประชา มาลีนนท์ และ/หรือบริษัทที่นายประชา มาลีนนท์ เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 29,500 ล้านหุ้น คิดเป็น 24.50% ของทุนจดทะเบียนที่จะเรียกชำระ

นายศานติ ประนิช และ/หรือบริษัทที่นายศานติ ประนิช เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 จำนวน 12,000 ล้านหุ้น ร้อยละ 9.96 และ นายฟิลิปวีระ บุนนาค และ/หรือบริษัทที่นายฟิลิปวีระ บุนนาค เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 12,000 ล้านหุ้น หรือ 9.96% โดยจะต้องชำระเงินค่าหุ้นให้เสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 25 เม.ย.2556 มิฉะนั้น สิทธิที่ได้รับเป็นอันสิ้นสุดลงทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสนอขายหุ้นเฉพาะเจาะจงให้แก่นายประชา มาลีนนท์ ดังกล่าว นั่นหมายถึง นายประชา จะเข้ามาถือหุ้นในบริษัท แนเชอรัล พาร์คฯ ในสัดส่วนที่มาก หรือกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งนี้ จำนวนเงินที่คาดว่านายประชา หรือกลุ่มนายประชา จะเข้าซื้อหุ้นตามที่ได้รับจัดสรรมา จะประมาณ 944 ล้านบาท (นำจำนวนหุ้น 29,500 ล้านหุ้น คูณกับราคาหุ้นถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 0.032 บาท)

สำหรับราคาหุ้น บวกรับข่าวดี ล่าสุด วานนี้ (11 ธ.ค.) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังรับทราบข่าวการเข้ามาซื้อหุ้นของกลุ่มนายประชา มาลีนนท์ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.04 บาท ก่อนจะปรับตัวลดลงช่วงท้ายตลาดปิดที่ 0.03 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดครั้งก่อน ปริมาณการซื้อขายรวม 373,969,209 หุ้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 13.74 ล้านบาท

ในส่วนผู้ถือหุ้นอันดับต้นๆ ณ วันที่ 23/3/55 นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้น 4,604,259,759 สัดส่วน 7.62 นายธงชัย จิรอลงกรณ์ จำนวน 2,247,055,024 สัดส่วน 3.72 และ น.ส.สิทธินรี ลาภธนานุกูล จำนวน 1,991,806,775 สัดส่วน 3.30

หัวใจหลักอยู่ที่นักบริหารมืออาชีพ

แหล่งข่าวในวงการอสังหาทรัพย์ กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นมากนัก เพราะเรามองว่าบริษัทแนเชอรัล พาร์ค ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งทางออกที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า คงจะเป็นเรื่องของกลยุทธ์ทางการเงิน สิ่งแรกที่จะทำ คือ การลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม การดำเนินการขายทรัพย์สินไม่ดีออกไป ทำการเพิ่มทุน รวมถึงอาจจะมีการเอาสินทรัพย์ใหม่เข้ามาอยู่ในพอร์ต

“เรื่องที่นายประชา จะฮุบเอ็นพาร์ค ก็คิดว่าไม่น่าตื่นเต้น และคิดว่าเรื่องเงินคงไม่ใช่ปัญหา เพราะเป็นเศรษฐีที่มีเงินเยอะ แต่การจะบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโต และสำเร็จต้องมีมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเพื่อเข้ามาเสริมจุดอ่อน เราคงจำกันได้ โครงการเมืองประชา ของมาลีนนท์ ในยุคนั้น อสังหาริมทรัพย์บูมมากแต่โครงการก็ไม่ประสบความสำเร็จ” แหล่งข่าวกล่าว

'มาลีนนท์'ไล่ซื้อโรงแรมเขาใหญ่

อนึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มมาลีนนท์ โดยบุตรชายของนายประวิทย์ มาลีนนท์ ได้ร่วมกับเพื่อนทางธุรกิจจัดตั้งบริษัท บลิส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมา และได้เข้าซื้อโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ โรงแรมเก่าแก่ของเขาใหญ่ รวมทั้งได้ซื้อโครงการปาลิโอ ที่ติดกับจุลดิศไปก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ (MIPF) ภายใต้การบริหารจัดการกองของ บลจ.วรรณ จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2548 ปัจจุบัน มีมูลค่าสินทรัพย์ 2,171 ล้านบาท โดยลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานมาลีนนท์ ทาวเวอร์ กับอาคาร Production House เลขที่ 3199/1 ถนนพระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร สูง 12 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น) พื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 12,699.62 ตารางเมตร ลักษณะ และประเภทการใช้งานเป็น Production House ให้เช่า

โดยทำการจ่ายเงินปันผลไปทั้งสิ้น จำนวน 6 ครั้งตั้งแต่จัดตั้งกองทุน คือ ณ วันที่ 15 มี.ค.2553 จำนวน 0.40 บาท วันที่ 16 ก.ย.2553 0.47 บาท วันที่ 15 มี.ค.2554 จำนวน 0.45 บาท วันที่ 15 มี.ค.2555 จำนวน 0.46 บาท และล่าสุด วันที่ 14 ก.ย.2555 จำนวน 0.45 บาท ล่าสุด มีราคาหน่วยลงทุน ณ วันที่ 7 ธันวาคม 2555 อยู่ที่ 12.57 บาทต่อหน่วย

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย 1.บริษัทมาลีนนท์ ทาวเวอร์ จำกัด 63,000,000 หุ้น คิดเป็น 33.16% 2.นายกฤษฎิ์ ชวาลรัตน์ 35,127,500 หุ้น คิดเป็น 18.49% 3.นายณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ 35,000,000 หุ้น คิดเป็น 18.42% 4.นายประเสริฐ มหาวนิช 20,000,000 หุ้น คิดเป็น 10.53% 5.น.ส.โสภิตา ฉัตราภิรักษ์ 12,000,000 หุ้น คิดเป็น 6.32% 6.นายพยนต์ ฤทัยวิลาวัณย์ 10,000,000 หุ้น คิดเป็น 5.26% 7.นางสุวิมล หลีสุวรรณ 8,224,900 หุ้น คิดเป็น 4.33% 8.นายธวัฒน์ ศุภผลศิริ 4,005,700 หุ้น คิดเป็น 2.11% 9.นายไชยยันต์ ชาครกุล 1,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.53%
กำลังโหลดความคิดเห็น