“ประวิทย์ มาลีนนท์” ยันช่อง 3 ปลด “เหนือเมฆ 2” เอง เพราะเนื้อหาพาดพิงการเมือง ลั่นสาบานไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ถามถ้าฉายแล้วเสียหายใครจะรับผิดชอบ ด้านนักกฎหมายปูดมีคนจ้องทำลายเทปละครตอนที่เหลือ
ยังคงเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์กันมาอย่างต่อเนื่องถึงกรณีที่ช่อง 3 ได้ทำการถอดละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ออก พร้อมให้เหตุผลว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมขณะที่หลายคนมองว่าเรื่องนี้อาจจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากเนื้อหาของละครนั้นเกี่ยวกับการตีแผ่เรื่องราวการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองเลวๆ นั่นเอง
ล่าสุด เมื่อวันวานที่ผ่านมา (22) ก็เป็นทางด้านของ นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ตนยืนยันว่า การระงับการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ 2 อย่างกะทันหันนั้น ก็เพราะไปมีเนื้อหาพาดพิงเรื่องราวทางการเมือง แต่การแบนครั้งนี้หาได้มีทางฝ่ายรัฐบาลเข้ามาสั่งการแต่อย่างใด
โดยอดีตกรรมการผู้จัดการช่อง 3 ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมา ทางสถานีได้มีกระบวนการตรวจสอบรายการที่จะออกอากาศอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนกรณีรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ที่ออกอากาศไป ก่อนจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายนั้น ทางช่องเองก็มีการตรวจสอบ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นก็ยอมรับว่าเจ็บตัว
“หน้าที่ในการเซ็นเซอร์รายการเป็นของเรา เขามอบหน้าที่ให้เป็นของเรา เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดความเสียหายเราก็ต้องดูแล ส่วนถามว่าความไม่เหมาะสมอยู่ตรงไหน ต้องบอกว่า จริงๆ กฎหมายที่ควบคุมเราเยอะมากเลย ถ้าพูดก็จะโดนฟ้องอีก เราก็มีเหตุผล แต่ทางรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องครับ”
ทั้งนี้ เมื่อถูกถามว่า มีโอกาสที่คนทั่วไปจะได้ชมตอนจบของละครเรื่องนี้อย่างที่มีกลุ่มคนบางส่วนออกมาเรียกร้องหรือไม่ นายประวิทย์ ยืนยันว่า ไม่มี พร้อมกับถามกลับว่า หากเกิดความเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ส่วนเรื่องคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ จะเรียกช่อง 3 เข้าไปคุยในวันที่ 23 ม.ค.นั้น ทาง นายประวิทย์ เผยว่า อาจจะให้ นายประสาน มาลีนนท์ หรือ นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ไป เพราะตนไม่ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบตรงนี้แล้ว
ขณะที่ในส่วนของความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีที่ นายรุจิระ บุนนาค นักกฎหมายชื่อดังที่ได้ยื่นเรื่องฟ้องแพ่งต่อช่อง 3 บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในฐานะผู้บริโภคเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท รวมถึงให้ศาลมีคำสั่งให้นำละครเรื่องเหนือเมฆ 2 อีก 3 ตอนที่เหลือกลับมาฉายอีกครั้งนั้น
มีรายงานจาก สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ล่าสุด ทาง นายรุจิระ ได้นำเอาสำนวนการฟ้องมาเผยแพร่ผ่าน TWITTER และ FACEBOOK ที่ใช้ชื่อว่า “Rujira Bunnag” โดยส่วนหนึ่งเจ้าตัวได้ระบุกล่าวอ้างทำนองว่า ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามที่จะทำลายเทปละครเรื่องเหนือเมฆ 2 ที่เหลือ 3 ตอนทิ้งไป ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าตัว นายรุจิระ ได้เผยว่า ตนรับทราบเรื่องดังกล่าวจากคนๆ หนึ่ง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้
นอกจากนี้ ทางสำนักข่าวอิศรายังได้นำเอาหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่ทาง นายรุจิระ ได้ยื่นฟ้องทางช่อง 3 มาเปิดเผยด้วย โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้...
“ตามที่ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ได้งดออกอากาศแพร่ภาพละครชุด เรื่อง เหนือเมฆ 2 ตอนมือปรามจอมขมังเวทย์ ในตอนที่ 10, 11, 12 ซึ่งเป็นตอนจบ ทำให้ผู้ชมทั่วไปซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ติดตามละครเรื่องนี้ ได้รับความเสียหาย โดยได้รับความเสียใจทุกข์ใจ เศร้าใจ ทั้งที่เป็นละครที่มีเนื้อหาสาระที่ดี ปลูกความคิดของคนไทยให้ตื่นตัว และรู้เท่าทันกับตัวอย่างที่ไม่ดีของระบบการเมือง และนักการเมืองที่ไม่สุจริต และให้ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
แม้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะอ้างเหตุผล ในการงดออกอากาศละครดังกล่าว แต่ก็เป็นเหตุผลที่ กำกวม คลุมเครือ ไม่ชัดเจน และไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายให้เข้าใจ
ผมในฐานะผู้ชมละครเรื่องนี้ จึงมีความรู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจ เศร้าใจ เช่นเดียวกับผู้ชมละครเรื่องนี้ทั่วประเทศ เพราะสูญเสียโอกาสที่จะได้ชมละครตอนจบ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของเรื่อง (Climax) ซึ่งที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น กรณีนี้เป็นความบันเทิงที่ไม่มีค่าใช้จ่าย (Free TV) แม้ว่าบริษัท บางกอกฯ ไม่ได้เก็บค่าบริการจากผู้ชมละครที่เป็นผู้บริโภค แต่บริษัท บางกอกฯ ก็ได้รับประโยชน์เป็นจำนวนมากจากการขายโฆษณาโดยอาศัยฐานจำนวนผู้ชมรายการเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผู้รับบริการหรือผู้บริโภค
กรณีที่บริษัท บางกอกฯ ได้โฆษณาว่าจะแพร่ภาพออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 ตอนมือปราบจอมขมังเวทย์ 2 ซึ่งเป็นละครชุด (Series) และได้แพร่ภาพออกอากาศละครดังกล่าว ถึงตอนที่ 9 และหยุดออกอากาศ ถือว่า เป็นการผิดคำมั่นที่ให้ต่อผู้บริโภค ที่จะได้รับชมละครจนจบ และ ยังเป็นการละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของผู้บริโภคอีกด้วย
การกระทำของบริษัท บางกอกฯ ถือว่า ประกอบธุรกิจไม่ระมัดระวังเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรม ไม่นำพาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค ฝ่าฝืนต่อความรับผิดชอบในฐานะผู้มีวิชาชีพสื่อสารมวลชนทางด้านกิจการโทรทัศน์
ผมจึงยื่นฟ้อง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ในคดีผู้บริโภค ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้นำละคร เรื่อง เหนือเมฆ 2 ตอนมือปรามจอมขมังเวทย์ ตอนที่งดออกอากาศกลับมาออกอากาศอีกครั้ง ตามวันเวลาเดิม โดยประกาศให้ทราบล่วงหน้าก่อน 7 วัน และหากไม่สามารถนำมาออกอากาศได้ โดยสาเหตุใดๆ ก็ตาม ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ต้องชดใช้ค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้น จากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริง เป็นเงินจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,000,000 บาท (สิบล้านบาท) โดยให้ชำระแก่ มูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส เป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) และให้แก่กองทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนที่ยากไร้ จำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) แทน โดยผมไม่ประสงค์จะเป็นผู้รับค่าเสียหายดังกล่าวเอง
การยื่นฟ้องคดีในวันนี้ ได้ขอคุ้มครองเพื่ออายัด โสตทัศนวัสดุที่บันทึกละครนี้ และขอห้ามจำหน่าย จ่ายโอน ลิขสิทธิ์ ละครนี้ด้วย”
ยังคงเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์กันมาอย่างต่อเนื่องถึงกรณีที่ช่อง 3 ได้ทำการถอดละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ออก พร้อมให้เหตุผลว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมขณะที่หลายคนมองว่าเรื่องนี้อาจจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากเนื้อหาของละครนั้นเกี่ยวกับการตีแผ่เรื่องราวการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองเลวๆ นั่นเอง
ล่าสุด เมื่อวันวานที่ผ่านมา (22) ก็เป็นทางด้านของ นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ตนยืนยันว่า การระงับการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ 2 อย่างกะทันหันนั้น ก็เพราะไปมีเนื้อหาพาดพิงเรื่องราวทางการเมือง แต่การแบนครั้งนี้หาได้มีทางฝ่ายรัฐบาลเข้ามาสั่งการแต่อย่างใด
โดยอดีตกรรมการผู้จัดการช่อง 3 ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมา ทางสถานีได้มีกระบวนการตรวจสอบรายการที่จะออกอากาศอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนกรณีรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ที่ออกอากาศไป ก่อนจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายนั้น ทางช่องเองก็มีการตรวจสอบ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นก็ยอมรับว่าเจ็บตัว
“หน้าที่ในการเซ็นเซอร์รายการเป็นของเรา เขามอบหน้าที่ให้เป็นของเรา เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดความเสียหายเราก็ต้องดูแล ส่วนถามว่าความไม่เหมาะสมอยู่ตรงไหน ต้องบอกว่า จริงๆ กฎหมายที่ควบคุมเราเยอะมากเลย ถ้าพูดก็จะโดนฟ้องอีก เราก็มีเหตุผล แต่ทางรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องครับ”
ทั้งนี้ เมื่อถูกถามว่า มีโอกาสที่คนทั่วไปจะได้ชมตอนจบของละครเรื่องนี้อย่างที่มีกลุ่มคนบางส่วนออกมาเรียกร้องหรือไม่ นายประวิทย์ ยืนยันว่า ไม่มี พร้อมกับถามกลับว่า หากเกิดความเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ส่วนเรื่องคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ จะเรียกช่อง 3 เข้าไปคุยในวันที่ 23 ม.ค.นั้น ทาง นายประวิทย์ เผยว่า อาจจะให้ นายประสาน มาลีนนท์ หรือ นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ไป เพราะตนไม่ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบตรงนี้แล้ว
ขณะที่ในส่วนของความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีที่ นายรุจิระ บุนนาค นักกฎหมายชื่อดังที่ได้ยื่นเรื่องฟ้องแพ่งต่อช่อง 3 บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในฐานะผู้บริโภคเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท รวมถึงให้ศาลมีคำสั่งให้นำละครเรื่องเหนือเมฆ 2 อีก 3 ตอนที่เหลือกลับมาฉายอีกครั้งนั้น
มีรายงานจาก สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ล่าสุด ทาง นายรุจิระ ได้นำเอาสำนวนการฟ้องมาเผยแพร่ผ่าน TWITTER และ FACEBOOK ที่ใช้ชื่อว่า “Rujira Bunnag” โดยส่วนหนึ่งเจ้าตัวได้ระบุกล่าวอ้างทำนองว่า ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามที่จะทำลายเทปละครเรื่องเหนือเมฆ 2 ที่เหลือ 3 ตอนทิ้งไป ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าตัว นายรุจิระ ได้เผยว่า ตนรับทราบเรื่องดังกล่าวจากคนๆ หนึ่ง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้
นอกจากนี้ ทางสำนักข่าวอิศรายังได้นำเอาหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่ทาง นายรุจิระ ได้ยื่นฟ้องทางช่อง 3 มาเปิดเผยด้วย โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้...
“ตามที่ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ได้งดออกอากาศแพร่ภาพละครชุด เรื่อง เหนือเมฆ 2 ตอนมือปรามจอมขมังเวทย์ ในตอนที่ 10, 11, 12 ซึ่งเป็นตอนจบ ทำให้ผู้ชมทั่วไปซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ติดตามละครเรื่องนี้ ได้รับความเสียหาย โดยได้รับความเสียใจทุกข์ใจ เศร้าใจ ทั้งที่เป็นละครที่มีเนื้อหาสาระที่ดี ปลูกความคิดของคนไทยให้ตื่นตัว และรู้เท่าทันกับตัวอย่างที่ไม่ดีของระบบการเมือง และนักการเมืองที่ไม่สุจริต และให้ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
แม้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะอ้างเหตุผล ในการงดออกอากาศละครดังกล่าว แต่ก็เป็นเหตุผลที่ กำกวม คลุมเครือ ไม่ชัดเจน และไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายให้เข้าใจ
ผมในฐานะผู้ชมละครเรื่องนี้ จึงมีความรู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจ เศร้าใจ เช่นเดียวกับผู้ชมละครเรื่องนี้ทั่วประเทศ เพราะสูญเสียโอกาสที่จะได้ชมละครตอนจบ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของเรื่อง (Climax) ซึ่งที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น กรณีนี้เป็นความบันเทิงที่ไม่มีค่าใช้จ่าย (Free TV) แม้ว่าบริษัท บางกอกฯ ไม่ได้เก็บค่าบริการจากผู้ชมละครที่เป็นผู้บริโภค แต่บริษัท บางกอกฯ ก็ได้รับประโยชน์เป็นจำนวนมากจากการขายโฆษณาโดยอาศัยฐานจำนวนผู้ชมรายการเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผู้รับบริการหรือผู้บริโภค
กรณีที่บริษัท บางกอกฯ ได้โฆษณาว่าจะแพร่ภาพออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 ตอนมือปราบจอมขมังเวทย์ 2 ซึ่งเป็นละครชุด (Series) และได้แพร่ภาพออกอากาศละครดังกล่าว ถึงตอนที่ 9 และหยุดออกอากาศ ถือว่า เป็นการผิดคำมั่นที่ให้ต่อผู้บริโภค ที่จะได้รับชมละครจนจบ และ ยังเป็นการละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของผู้บริโภคอีกด้วย
การกระทำของบริษัท บางกอกฯ ถือว่า ประกอบธุรกิจไม่ระมัดระวังเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรม ไม่นำพาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค ฝ่าฝืนต่อความรับผิดชอบในฐานะผู้มีวิชาชีพสื่อสารมวลชนทางด้านกิจการโทรทัศน์
ผมจึงยื่นฟ้อง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ในคดีผู้บริโภค ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้นำละคร เรื่อง เหนือเมฆ 2 ตอนมือปรามจอมขมังเวทย์ ตอนที่งดออกอากาศกลับมาออกอากาศอีกครั้ง ตามวันเวลาเดิม โดยประกาศให้ทราบล่วงหน้าก่อน 7 วัน และหากไม่สามารถนำมาออกอากาศได้ โดยสาเหตุใดๆ ก็ตาม ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ต้องชดใช้ค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้น จากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริง เป็นเงินจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,000,000 บาท (สิบล้านบาท) โดยให้ชำระแก่ มูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส เป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) และให้แก่กองทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนที่ยากไร้ จำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) แทน โดยผมไม่ประสงค์จะเป็นผู้รับค่าเสียหายดังกล่าวเอง
การยื่นฟ้องคดีในวันนี้ ได้ขอคุ้มครองเพื่ออายัด โสตทัศนวัสดุที่บันทึกละครนี้ และขอห้ามจำหน่าย จ่ายโอน ลิขสิทธิ์ ละครนี้ด้วย”