ASTVผู้จัดการรายวัน -“ เนเชอร์เวิร์คส์” รอนโยบายรัฐส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพทั้งในรูปเงินช่วยเหลือ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและภาษี ก่อนตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานการผลิตพลาสติกชีวภาพแห่งที่ 2 แย้มคู่แข่งอย่างมาเลเซียเสนอเงื่อนไขหวังดูดการลงทุนนี้ คาดว่าตัดสินใจปลายปี 56
นายวิบูลย์ พึงประเสริฐ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชียแปซิฟิก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนตั้งโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพชนิดPLA ในไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอการตัดสินใจชี้ขาดจากผู้บริหารเนเชอร์เวิร์คส์ที่สหรัฐฯ และนโยบายการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพจากรัฐบาลไทยทั้งในรูปแบบเงินช่วยเหลือ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และสิทธิประโยชน์ทางภาษี (บีโอไอ) โดยยอมรับว่ารัฐบาลมาเลเซียสนใจที่จะให้โครงการนี้ไปตั้งในประเทศมาเลเซีย โดยมีการเสนอเงื่อนไขที่น่าจูงใจ อาทิ การให้เงินช่วยเหลือด้านวัตถุดิบและราคาพลังงาน ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา 10 ปี เป็นต้น
โดยเชื่อว่ารัฐบาลไทยน่าจะส่งเสริมและความสำคัญกับโครงการดังกล่าวเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลาสติกชีวภาพครบวงจรในภูมิภาคนี้ (ไบโอพลาสติก ฮับ) เนื่องจากไทยมีความพร้อมด้านวัตถุดิบ คือน้ำตาลจากอ้อยและมันสำปะหลัง อุตสาหกรรมพลาสติกต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะตัดสินใจการลงทุนโรงงานดังกล่าวได้ในปลายปี 2556 และจะใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปีแล้วเสร็จในปี 2558
การลงทุนในเฟสแรกจะตั้งโรงงานขนาดกำลังผลิต 7.5 หมื่นตัน ใช้เงินลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท และเฟส 2 จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัว ใช้เงินลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท โดยจะตั้งอยู่ในนิคมฯเอเชีย จ.ระยอง โดยวัตถุดิบจะใช้น้ำตาลจากอ้อย ซึ่งผลศึกษาพบว่าให้ผลตอบแทนดีกว่าการใช้น้ำตาลจากข้าวโพด
นายวิบูลย์ กล่าวว่า พลาสติกชีวภาพทั่วโลกมีการใช้อยู่ 7 แสนตัน หรือคิดเป็น 0.1%ของการใช้พลาสติกทั่วไป แต่ในปี 2558 ความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.7 ล้านตันหรือเป็น 1%ของการใช้พลาสติก ซึ่งนับว่าพลาสติกชีวภาพมีการเติบโตสูงมากเฉลี่ยปีละ 20-30%
ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดพลาสติกชีวภาพในสหรัฐฯ 45% เอเชีย 30% และอียู 25% ซึ่งการตั้งสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯครั้งนี้ เพื่อต้องการทำตลาดพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดียและตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันยังไม่เคยมีการทำตลาดมาเลย โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2556 ในภูมิภาคนี้ไว้ที่ 1 หมื่นตัน หลังจากมีโรงงานแห่งที่ 2 ส่วนแบ่งตลาดในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเป็น 50%
นายวิบูลย์ พึงประเสริฐ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชียแปซิฟิก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนตั้งโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพชนิดPLA ในไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอการตัดสินใจชี้ขาดจากผู้บริหารเนเชอร์เวิร์คส์ที่สหรัฐฯ และนโยบายการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพจากรัฐบาลไทยทั้งในรูปแบบเงินช่วยเหลือ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และสิทธิประโยชน์ทางภาษี (บีโอไอ) โดยยอมรับว่ารัฐบาลมาเลเซียสนใจที่จะให้โครงการนี้ไปตั้งในประเทศมาเลเซีย โดยมีการเสนอเงื่อนไขที่น่าจูงใจ อาทิ การให้เงินช่วยเหลือด้านวัตถุดิบและราคาพลังงาน ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา 10 ปี เป็นต้น
โดยเชื่อว่ารัฐบาลไทยน่าจะส่งเสริมและความสำคัญกับโครงการดังกล่าวเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลาสติกชีวภาพครบวงจรในภูมิภาคนี้ (ไบโอพลาสติก ฮับ) เนื่องจากไทยมีความพร้อมด้านวัตถุดิบ คือน้ำตาลจากอ้อยและมันสำปะหลัง อุตสาหกรรมพลาสติกต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะตัดสินใจการลงทุนโรงงานดังกล่าวได้ในปลายปี 2556 และจะใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปีแล้วเสร็จในปี 2558
การลงทุนในเฟสแรกจะตั้งโรงงานขนาดกำลังผลิต 7.5 หมื่นตัน ใช้เงินลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท และเฟส 2 จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัว ใช้เงินลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท โดยจะตั้งอยู่ในนิคมฯเอเชีย จ.ระยอง โดยวัตถุดิบจะใช้น้ำตาลจากอ้อย ซึ่งผลศึกษาพบว่าให้ผลตอบแทนดีกว่าการใช้น้ำตาลจากข้าวโพด
นายวิบูลย์ กล่าวว่า พลาสติกชีวภาพทั่วโลกมีการใช้อยู่ 7 แสนตัน หรือคิดเป็น 0.1%ของการใช้พลาสติกทั่วไป แต่ในปี 2558 ความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.7 ล้านตันหรือเป็น 1%ของการใช้พลาสติก ซึ่งนับว่าพลาสติกชีวภาพมีการเติบโตสูงมากเฉลี่ยปีละ 20-30%
ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดพลาสติกชีวภาพในสหรัฐฯ 45% เอเชีย 30% และอียู 25% ซึ่งการตั้งสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯครั้งนี้ เพื่อต้องการทำตลาดพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดียและตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันยังไม่เคยมีการทำตลาดมาเลย โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2556 ในภูมิภาคนี้ไว้ที่ 1 หมื่นตัน หลังจากมีโรงงานแห่งที่ 2 ส่วนแบ่งตลาดในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเป็น 50%