xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทบ.ค้านตั้งศูนย์โรฮิงญาเพิ่ม สว.แนะรัฐยกเป็นวาระแห่งชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(21 ม.ค.56) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา หารือต่อที่ประชุมว่า ชาวโรฮิงญาที่อพยพหนีการสู้รบจากประเทศพม่า เข้ามายังประเทศไทยมากในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีการปะทะระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในแคว้นยะไข่ การอพยพจึงมากขึ้น จึงขอเสนอแนะไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1.ขอให้นายกรัฐมนตรียกเรื่องการหนีจากการสู้รบเป็นวาระแห่งชาติ โดยเจรจากับประเทศที่เกี่ยวข้อง ทั้งพม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ 2.ประเทศไทยอาจต้องตั้งศุนย์อพยพชั่วคราวแม้ไม่อยากทำ เพราะการอพยพไปประเทศที่ 3 เป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลา แม้ประเทศไทยจะมีประสบการณ์ที่เลวร้ายจากศูนย์ดูแล ม้ง ลาว กะเหรี่ยง เพราะที่ผ่านมาการตั้งศุนยชั่วคราว แต่ก็อยู่กันนานถึง 20 ปี และมีปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้มีชาวพม่าที่อพยพหนีการสู้รบถึง 1.3 แสนคน
3.ปัญหาที่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างมนุษยชนและความมั่นคง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหารือกัน โดยกระทรวงการต่างประเทศต้องเป็นเจ้าภาพ ต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม เพราะขณะนี้สังคมโลกจ้องมองไทยอยู่ เพราะที่ผ่านมาเราถือว่าการอพยพของคนพม่าเป็นการหนีจากการสู้รบมาโดยตลอด แต่ต้องระวังจะถูกโยงเป็นเรื่องการค้ามนุษย์โดยเฉพาะ จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจจะส่งผลถึงการกีดกันทางการค้า 4. รัฐบาลไทยต้องหารือกับ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(ไอโอเอ็ม ) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ ) กาชาดสากล 4.ต้องเร่งดำเนินการส่งชาวโรฮิงญาไปประเทศที่ 3 ที่เป็นประเทศมุสลิมให้เร็วที่สุด
“สรุปแล้วเราต้องรับชาวโรฮิงญาไว้ตามหลักมนุษยธรรม แต่ต้องรีบดำเนินการส่งต่อประเทศที่ 3 ป้องกันการหลบหนีเข้ามาเพื่ม และต้องมีการกวาดล้าง ปราบปรามนายหน้าค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด " นพ.เจตน์ กล่าว
ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ทุกปีจะมีการลักลอบเข้าประมาณ 200-300 คน โดยเดินทางเข้ามาบริเวณชายฝั่งเพื่อลัดเลาะไปยังประเทศอื่น ซึ่งไทยไม่ได้เป็นประเทศปลายทาง แต่เมื่อเข้ามาแล้วทางไทยก็จะให้การดูแลเรื่องมนุษยธรรม เพราะตามหลักการกลุ่มบุคคลดังกล่าวอยู่ในสถานะผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ใช่หลบหนีภัยจากการสู้รบ ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายไทยมีความชัดเจน หากกลุ่มชาวโรฮิงญาขึ้นฝั่งไทยแล้วจะต้องถูกดำเนินคดีก่อนที่จะส่งตัวกลับประเทศต้นทาง โดยมีการกำหนดชัดเจนตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายออกแนวคิดจัดตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาเพิ่มขึ้นว่า หากจะตั้งก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมระหว่างรัฐบาลกับหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่ตนมีความเห็นว่าจะต้องดูแลไปสักระยะก่อนที่จะมีการผลักดันไปประเทศต้นทางและประเทศที่สาม แต่ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ว่าไทยจะเป็นม้าอารี เราเป็นประเทศพุทธที่ดูแลทุกคน แต่หากอะไรที่เป็นปัญหาระยะยาวเราไม่สอนให้คนไทยรังเกียจ ดังนั้นอย่าไปรังเกียจเขา เขาเป็นคนที่น่าสงสาร แต่เราจะดูแลเขาอย่างไรทุกคนต้องช่วยกัน รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงก็ลำบากใจ แต่ประเทศไทยต้องยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก โดยเราจะต้องหาทางออกที่ไม่เป็นปัญหากับเราในอนาคต แต่ต้องให้เขายอมรับด้วย เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่มีมนุษยธรรม อย่างไรก็ตามขอให้ใจเย็น เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าไปเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์กับชาวโรฮิงญา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีทุกองค์กร แต่ตนก็ไม่อยากกล่าวถึงองค์กรอื่นๆ แต่ในส่วนของทหารเมื่อไปทำงานกับเรื่องพวกนี้ จริงๆแล้วทหารไม่ได้ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เมื่อไปทำงานแล้วจึงเกิดความใกล้ชิดจนบางทีก็มีถูกชักจูง แต่ตนได้บอกแล้วว่าอย่าไปหลงประโยชน์ ถ้าถูกจับกุมและพิสูจน์ว่าเขาไปเกี่ยวข้องจริงก็จะเสียอนาคต พร้อมทั้งถูกดำเนินคดีอาญา แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่กอ.รมน.เข้าไปเกี่ยวข้องก็เชื่อว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของกอ.รมน.ภาค 4 เพราะรับผิดชอบในพื้นที่ ทำงานร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ และทหาร ทั้งนี้ตนต้องการให้สังคมแยกแยะถ้าทหารคนใดทำไม่ดีก็ขอให้พิจารณาเป็นรายบุคคล แต่ส่วนใหญ่ตนเชื่อว่าเป็นคนดี เพราะทหารมี 2.5 แสนนาย หากไม่ดี 2 คน จะมารวมทหารที่เหลืออยู่ว่าเลวทั้งหมดคงไม่ใช่ ทหารก็เหมือนประชาชนทั่วไปเมื่อทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ แต่เป็นทหารก็ถูกดำเนินการหนักกว่าคนทั่วไป
ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.ยุติธรรมเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนนั่นคือการหาทางออกอย่างยั่งยืน นั่นคือการให้รัฐบาล และกระทวงการต่างประเทศพูดคุย เจรจากับประเทศพม่า รวมถึงประเทศโลกมุสลิม ในการช่วยเหลือร่วมกันกับประเทศไทยขณะนี้
สำหรับมุสลิมโรฮิงญา กลุ่มนี้จากการติดตามข้อมูลเชิงลึกพบว่าถูกขบวนการค้ามนุษย์ล่อลวงเพื่อส่งต่อไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีค่าหัวรายละ5,000บาท ดังนั้นการหาทางออกคือต้องแก้ปัญหาสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีโรฮิงญาจำนวนมากที่หนีตายมาจากพม่าจะทะลักเข้ามา โดยหวังจะมาให้ถึงประเทศไทย เพื่อรอให้มีการช่วยเหลือไปประเทศที่สาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ที่ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ย้ายด่วนชาวโรฮิงยา จำนวน 8 คน จากศูนย์พักพิงชั่วคราวภายในมัสยิดญามิอุนมิตตากีน ของบ้านฉลุง หมู่ 7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และนำไปควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ทุ่งตำเสา เพื่อความปลอดภัย หลังจากมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 5 คน ซึ่งเป็นคนไทยขับรถกระบะและรถยนต์มาติดต่อ นายกิตติ พิทักษ์คุมพล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 และโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิด เพื่อขอรับตัวชาวโรฮิงยาทั้ง 8 คน กลับไปยัง จ.สตูล โดยอ้างว่ามีผู้นำศาสนาคนหนึ่งใน จ.สตูล ให้มารับ แต่เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง ทางผู้ใหญ่บ้านและโต๊ะอิหม่าม รวมทั้งชาวบ้านปฏิเสธที่จะให้นำตัวกลับไป เพราะชาวโรฮิงญาทั้ง 8 คน อยู่ในอำนาจของตำรวจเพียงแต่ขอใช้สถานที่มัสยิดประจำหมู่บ้าน เป็นที่พักพิงชั่วคราวเท่านั้น
ล่าสุดชาวโรฮิงญาทั้ง 8 คน ยังคงอยู่ในห้องควบคุมของ สภ.ทุ่งตำเสา ร่วมกับเพื่อนชาวโรฮิงยาอีก4 คน ที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ และเตรียมนำตัวทั้งหมดส่งต่อไปควบคุมที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา ตามกระบวนการของกฎหมายกรณีหลบหนีเข้าเมือง ขณะที่ยังมีชาวบ้านใน ต.ฉลุง มาเยี่ยมและนำอาหารมาเลี้ยงดูอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่โรฮิงญา ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ และสถานีตำรวจ โดยในส่วนของสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ได้มีการแต่งตั้ง นายทินหม่องวิน อามิด อามีน ล่ามภาษาและแปลภาษา ซึ่งมีความชำนาญในการสื่อสารได้ 10 ภาษา โดยเฉพาะภาษาอาลาการ ที่เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวโรฮิงญา
กำลังโหลดความคิดเห็น