xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เป็ดเหลิม-เสธ.แมว” ใครเมาไวน์แก้ปัญหาใต้?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เวลานี้ เชื่อว่า ทั้ง “เน วัดดาว” และ “น้องเนยรักษ์โลก” คงต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับไปตามๆ กันกับมหาอำมาตย์ใหญ่แห่งบางบอน “ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจาก “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้สำแดงสติปัญญาอันสูงส่งด้วยการฟันธงกรณี “กล้องวงจรปิด” หรือ “ซีซีทีวี(Closed Circuit Television)”จังหวัดยะลา ถูกเผาทำลายพร้อมกัน 43 จุดใน 7 อำเภอ รวม 76 ตัวว่า เป็นฝีมือของพวกที่อกหักในการประมูลซีซีทีวี

“เจ้าหน้าที่รายงานและยืนยันมาว่า งบประมาณเมื่อปีที่แล้ว ในส่วนของกล้องซีซีทีวี ซึ่งมีการประมูลและแข่งขันกันสูง ดังนั้นฝ่ายที่ไม่ได้ก็พยายามที่จะก่อกวน ซึ่งไม่ใช่ประเด็นทางอื่น เป็นประเด็นทางธุรกิจ ยืนยันว่าไม่ใช่คดีที่เกิดจากความมั่นคง”

คำให้สัมภาษณ์ของรองนายกฯ ถือเป็นข้อมูลระดับตำนานที่ผู้ติดตามสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ต้องกลับหลังหันจนคอแทบหัก เพราะข้อมูลจากปากเป็ดเหลิมเป็นข้อเท็จจริง “ใหม่” ที่น่าสนใจ

หนักไปกว่านั้นคือ ร.ต.อ.เฉลิมยังได้ออกคำสั่งให้ บิ๊กอู๋-พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกประชุมใหญ่ และได้สั่งให้คดีนี้เพ่งเล็งไปยังคนที่คิดว่าเป็นคู่กรณี

ทว่า ภูมิปัญญาในการสืบคดีของเชอร์ล็อกเหลิมก็มีอันต้องหน้าแตกกระทั่งหมอไม่รับเย็บ เนื่องจากในวันเดียวกัน “เสธ.แมว” พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องกลับมิได้มีคำตอบเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

พล.ท.ภราดรระบุชัดเจนว่า “เป็นยุทธวิธีปกติของผู้ก่อความไม่สงบ เพราะสถานการณ์ขณะนี้การกำหนดต่อบุคคลเป้าหมายเริ่มมีข้อจำกัด จึงไปดำเนินการต่อกับเครื่องมือ ขณะเดียวกันทางรัฐได้เร่งมือในการแก้ไขและเพิ่มมาตรการในการลาดตระเวนมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณชั้นต้นระดับหนึ่ง โดยทางเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาได้เชิญฝ่ายความมั่นคงมาประชุมหารือและวางมาตรการแล้ว โดยได้เพิ่มกำลังในการเฝ้าระวังและลาดตระเวนมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ถือเป็นกลุ่มเดิมที่เป็นกระบวนการหัวรุนแรง โดยตอนนี้เขาจะปฏิบัติการแบบเคลื่อนพื้นที่ไป เพราะมีกำลังจำนวนไม่มาก"

เดชะบุญที่เสธ.แมวยังไหวตัวทันเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิมด้วยการออกตัวให้ว่า “ก็มีส่วนด้วย เพราะกระบวนการภัยแทรกซ้อนจะสัมพันธ์และสอดคล้องกัน เพราะได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน”

นอกจากนี้ ถ้าชุดข้อมูลของ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นจริง ทำไม “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงไม่รับลูกอย่างฉับพลันทันที หากแต่ออกตัวในทำนองว่า ต้องตรวจสอบข้อมูลเสียก่อน

คำถามมีอยู่ว่า ทำไมผู้มากความสามารถอย่าง ร.ต.อ.เฉลิมจึงระบุว่า ไม่ใช่ฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบ

และคำถามมีอยู่ว่า ใครคือผู้ที่นำข้อมูลดังกล่าวกรอกหู ร.ต.อ.เฉลิม

หรือเป็นเพราะ ร.ต.อ.เฉลิมยังคงเมาไวน์ 8 ขวดที่บรรจงละเลียดอย่างเมามันในระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ณ ประเทศมาเลเซีย

กระนั้นก็ดี สมมติว่าถ้าชุดข้อมูลของ ร.ต.อ.เฉลิมชี้แจงแถลงไขเป็นเรื่องจริง คำถามก็จะย้อนกลับไปสู่ พล.ท.ภราดรว่า ทำไมถึงมีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน เพราะแม้ เสธ.แมวจะออกตัวว่า มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญและน้ำหนัก แล้ว ต้องบอกว่า พุ่งเป้าไปที่ผู้ก่อความไม่สงบมากกว่า

กระนั้นก็ดี สิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมประกาศออกมาก็ใช่ว่าจะไม่มีน้ำหนักเสีย ทีเดียว เพียงแต่ ร.ต.อ.เฉลิมอาจปกปิดข้อมูลบางประการเอาไว้ เพราะโดยศักยภาพแล้วลำพังแก๊งทุจริตการประมูลซีซีทีวีคงไม่สามารถปฏิบัติการได้ถ้าไม่มี “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ให้ความร่วมมือหรือรู้เห็นเป็นใจ

ทั้งนี้ เนื่องเพราะแหล่งข่าวในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า บางจุดที่คนร้ายลอบวางเพลิงอยู่ในเขตชุมชน อยู่หน้าบ้านของชาวบ้านหรือบางแห่งก็อยู่ในเขตเทศบาล ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า อาจจะมีเหตุความขัดแย้งเรื่องของงบประมาณการจัดซื้อกล้องวงจรปิดหรือต้องการทำลายกล้องวงจรปิดที่เป็นกล้องหลอกหรือกล้องที่ไม่ตรงกับเสปกในการจัดซื้อเพื่อทำลายหลักฐานหรืออาจเป็นการทำลายเพื่อของบประมาณการจัดซื้อใหม่ โดยขณะนี้ในหลายพื้นที่มีการสำรวจและเขียนคำร้องขอจัดซื้อกล้องวงจรปิดเพื่อติดตั้งเพิ่มเติมในแต่ละพื้นที่

และต้องย้ำกันอีกครั้งว่า ลำพังแก๊งทุจริตการประมูลกล้องซีซีทีวีคงไม่ สามารถปฏิบัติการเองได้ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นเป็นใจ

ถ้าเป็นเช่นนั้น ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมและพล.ท.ภราดร ใครคนใดคนหนึ่งก็สมควรที่จะต้องพ้นจากความรับผิดชอบไป เพราะนี่คือความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างไม่น่าให้อภัย

กล่าวสำหรับกล้องซีซีทีวีนั้น ถ้าหากย้อนหลังข้อมูลในก่อนหน้านี้ก็จะพบว่า มีเงื่อนงำในระดับตำนานที่ไม่บันเบา และดูเหมือนตามแผนการติดตั้งอุปกรณ์ชนิดนี้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลที่ผ่านๆ มาจะตอกย้ำ ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะปรากฏว่าโครงการติดตั้ง CCTV ที่ดำเนินการไปแล้วในแทบจะทุกพื้นที่ต่างก็ยังไม่ครอบคลุม และอุปกรณ์ต่างๆ ก็ยังไม่เรียบร้อยจนสามารถใช้งานได้เช่นกัน หลายชุมชนที่ติดตั้ง CCTV ไปแล้วยังคงค้างคาด้วยข้อร้องเรียนถึงคุณภาพที่ไม่ตรงตามที่ระบุไว้ในสัญญา รวมถึงระบบการใช้งานและการดูแลรักษาที่ซับซ้อน ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่างร้องเรียนถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และแม้หน่วยงานในท้องถิ่นก็ร่วมติดตามหาคำตอบให้กับประชาชนแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าหนทางที่จะคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการนี้ดูจะตีบตันไปเสียหมด ด้วยผู้มีอำนาจนิ่งเงียบและยอมที่จะทนดูความสูญเสียของพี่น้องชายแดนใต้ได้ทุกวี่ทุกวัน

กระนั้นก็ดี สิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก็คือ การที่ ร.ต.อ.เฉลิมชี้นำประเด็นเผากล้อง CCTV ในจังหวัดยะลานั้น เป็นไปเพราะข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือเป็นเพราะต้องการเบี่ยงประเด็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ของรัฐบาล เนื่องจากกระทั่งถึงปัจจุบันทั้งกำลังคนและกำลังงบประมาณของประเทศชาติถูกใช้ไปเพื่อการณ์นี้หลายแสนล้านบาท แต่ก็ไม่สามารถช่วยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ดังจะเห็นได้จากข้อมูลตัวเลขของความรุนแรงที่ขยายวงออกไปจากในในปี พ.ศ.2554 ที่ เกิดเหตุขึ้น 1,085 ครั้ง ก็กลายเป็น 1,450 ครั้งในปี พ.ศ.2555 หรือ เพิ่มขึ้น 365 ครั้ง โดยมีผู้เสียชีวิต 395 คนและบาดเจ็บ 907 คน

หรือนั่นหมายความว่า นับวันสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ

และถ้าเหตุการณ์ยังดำเนินเช่นนี้ไปเรื่อยๆ โดยที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่สามารถหยุดยั้งได้ คำถามก็ย้อนกลับมาสู่รัฐบาลของคนเสื้อแดงว่า จริงใจและใส่ใจในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้มากน้อยแค่ไหน เพราะเพียงแค่ 2 บุคคลสำคัญในการแก้ไขสถานการณ์คือ ร.ต.อ.เฉลิมและ พล.ท.ภราดรก็ยังดำเนินไปคนละทิศละทาง


พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร
กำลังโหลดความคิดเห็น