เป็นประเด็นร้อนระดับโลก ที่ทุกฝ่ายและนานาประเทศต่างจับตามองกรณีเขาพระวิหารที่กัมพูชา เพื่อนบ้านอาเซียนกำลังดำเนินการต่อศาลโลก เพื่อสร้างความชอบธรรม โดยกล่าวอ้างหลักฐานสำคัญตั้งแต่พวกฝรั่งเศสเข้ามาขีดแผนที่ให้กับประชาชาติในแถบภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ จนเกิดมีกรณีพิพาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมอยู่ด้วย
นี่มิใช่ประเด็นทางการเมืองภายในและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการสั่นสะเทือนความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ ซึ่งเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชากำลังใช้ยุทธวิธี “ได้คืบจะเอาศอก” กับเพื่อนบ้านน้ำใจอารีอย่างไทย ที่ไม่ได้รุกรานใครก่อน แม้ว่าผู้เขียนมิได้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ในฐานะประชาชนชายขอบ ผู้ดำรงชีพอยู่ในรอยต่อของประเทศ อันมีจุดเชื่อมต่อชายแดนระหว่างกับเพื่อนบ้านทางภาคใต้ ย่อมประเมินสถานการณ์ได้ด้วยสมมติฐานอย่างง่ายว่า แม้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ไข่แดง แต่ผู้คนไม่ยอมถอนตัวออกจากพื้นที่ ย่อมแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความรักและหวงแหนมาตุภูมิเพียงใด ถึงจะสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงสถานการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมแก้ปัญหาด้วย แต่นี่คงมิใช่กรณีเปรียบเทียบกับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งรัฐบาลปัจจุบัน และผู้เกี่ยวข้องในงานการต่างประเทศ ได้เผยท่าทีอ่อนข้อและเปรยเป็นนัยให้ทำใจ ว่า หากศาลโลกวินิจฉัยเป็นอย่างไร คงจะต้องยอมรับสภาพ โดยนัยแห่งความหมายนี้ คือ การยอมแพ้ ตั้งแต่ยังไม่ลงมือสู้
ไม่ต้องกล่าวถึงสิทธิและหน้าที่อันชอบธรรมในรัฐธรรมนูญที่ผู้มีอำนาจรัฐบางส่วนพยายามจะแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนและพวกพ้องนั้น ผู้เขียนคิดเห็นว่า ประชาชนทุกคนในประเทศนี้ ย่อมมีสิทธิจะปกป้องรักษาผืนแผ่นดินแห่งชาติของตน ทั้งโดยนัยแห่งพฤติกรรม ความคิด การกระทำ และการมีส่วนร่วมต่อเหตุการณ์ทางใดทางหนึ่ง หากจะมีข้อสังเกตว่า รัฐควรจะพยายามรณรงค์เพื่อให้ประชาชนในประเทศ ได้มีส่วนร่วมในการรักษาอธิปไตยในแผ่นดินอย่างแท้จริง รัฐบาลนั้น ควรเปิดเผยท่าที ข้อมูลจำเป็นที่แสดงได้ และเจตนารมณ์อย่างจริงใจที่ป้องกันผลกระทบอันจะเกิดขึ้นแก่ประเทศ เพราะการมีส่วนร่วมในการป้องกันรักษาประเทศนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของบุคคลในประเทศด้วย แม้สถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ประชาชนมักเป็นผู้เสียหายโดยได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งสูญเสียการรับรู้สถานการณ์ต่างๆ อย่างแท้จริง ซึ่งจะรับรู้อีกครั้งในภายหลังจากรัฐ ได้จัดการและได้ดำเนินการไปแล้ว ด้วยลักษณะ “คิดแทน” ประชาชน โดยใช้คำกล่าวอ้างที่ว่า เราเป็นผู้แทนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จึงจะอ้างสิทธิเป็นผู้จัดการ แต่ถึงกระนั้น ผู้เขียนมองว่า รัฐยังมิใช่เจ้าของชีวิตและผู้กุมชะตากรรมของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศอย่างที่เป็นอยู่
การมีส่วนร่วมอย่างบริสุทธิ์ใจ ในกรณีศาลโลกกับเขาพระวิหาร ผู้เขียนขอใช้สิทธิในฐานะพลเมืองของประเทศนี้ ในมาตรา 70 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ และมาตรา 71 บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย โดยขอใช้เสียงแห่งสิทธิ เพื่อแสดงความคิดเห็นและขอร่วมคัดค้านกรณีในคำวินิจฉัยใดๆ ที่จะเกิดหรือมีขึ้นจากศาลโลก อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศและอธิปไตย ซึ่งเวทีนั้นเพื่อนบ้านกัมพูชากำลังใช้เป็นฐานซักฟอกความชอบธรรมในการครอบครองพื้นที่ทับซ้อนอันเป็นปัญหาเรื้อรัง รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยกัน แสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ รวมทั้งพฤติการณ์ความเคลื่อนไหวอันน่าเคลือบแคลงที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต่อภาคประชาสังคมเพื่อร่วมกันระดมแนวทาง วางแผน และคาดการณ์ผลกระทบที่คาดว่าจะบังเกิดขึ้นต่อคู่กรณี
เพราะผู้เขียนมีความเชื่อมั่นอย่างบริสุทธิ์ว่า หน้าที่ของชนชาวไทย ในหมวด 4 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น ส่งเสริมให้บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และกระทำหน้าที่ของพลเมืองอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้บุคคลเห็นว่าสิทธิและหน้าที่ จะถูกจำกัดอยู่เป็นเพียงตัวหนังสือเท่านั้น โดยเฉพาะสิทธิอันชอบธรรมที่จะแสดงความรักและความประสงค์จะป้องกันรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน
นี่มิใช่ประเด็นทางการเมืองภายในและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการสั่นสะเทือนความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ ซึ่งเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชากำลังใช้ยุทธวิธี “ได้คืบจะเอาศอก” กับเพื่อนบ้านน้ำใจอารีอย่างไทย ที่ไม่ได้รุกรานใครก่อน แม้ว่าผู้เขียนมิได้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ในฐานะประชาชนชายขอบ ผู้ดำรงชีพอยู่ในรอยต่อของประเทศ อันมีจุดเชื่อมต่อชายแดนระหว่างกับเพื่อนบ้านทางภาคใต้ ย่อมประเมินสถานการณ์ได้ด้วยสมมติฐานอย่างง่ายว่า แม้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ไข่แดง แต่ผู้คนไม่ยอมถอนตัวออกจากพื้นที่ ย่อมแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความรักและหวงแหนมาตุภูมิเพียงใด ถึงจะสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงสถานการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมแก้ปัญหาด้วย แต่นี่คงมิใช่กรณีเปรียบเทียบกับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งรัฐบาลปัจจุบัน และผู้เกี่ยวข้องในงานการต่างประเทศ ได้เผยท่าทีอ่อนข้อและเปรยเป็นนัยให้ทำใจ ว่า หากศาลโลกวินิจฉัยเป็นอย่างไร คงจะต้องยอมรับสภาพ โดยนัยแห่งความหมายนี้ คือ การยอมแพ้ ตั้งแต่ยังไม่ลงมือสู้
ไม่ต้องกล่าวถึงสิทธิและหน้าที่อันชอบธรรมในรัฐธรรมนูญที่ผู้มีอำนาจรัฐบางส่วนพยายามจะแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนและพวกพ้องนั้น ผู้เขียนคิดเห็นว่า ประชาชนทุกคนในประเทศนี้ ย่อมมีสิทธิจะปกป้องรักษาผืนแผ่นดินแห่งชาติของตน ทั้งโดยนัยแห่งพฤติกรรม ความคิด การกระทำ และการมีส่วนร่วมต่อเหตุการณ์ทางใดทางหนึ่ง หากจะมีข้อสังเกตว่า รัฐควรจะพยายามรณรงค์เพื่อให้ประชาชนในประเทศ ได้มีส่วนร่วมในการรักษาอธิปไตยในแผ่นดินอย่างแท้จริง รัฐบาลนั้น ควรเปิดเผยท่าที ข้อมูลจำเป็นที่แสดงได้ และเจตนารมณ์อย่างจริงใจที่ป้องกันผลกระทบอันจะเกิดขึ้นแก่ประเทศ เพราะการมีส่วนร่วมในการป้องกันรักษาประเทศนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของบุคคลในประเทศด้วย แม้สถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ประชาชนมักเป็นผู้เสียหายโดยได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งสูญเสียการรับรู้สถานการณ์ต่างๆ อย่างแท้จริง ซึ่งจะรับรู้อีกครั้งในภายหลังจากรัฐ ได้จัดการและได้ดำเนินการไปแล้ว ด้วยลักษณะ “คิดแทน” ประชาชน โดยใช้คำกล่าวอ้างที่ว่า เราเป็นผู้แทนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จึงจะอ้างสิทธิเป็นผู้จัดการ แต่ถึงกระนั้น ผู้เขียนมองว่า รัฐยังมิใช่เจ้าของชีวิตและผู้กุมชะตากรรมของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศอย่างที่เป็นอยู่
การมีส่วนร่วมอย่างบริสุทธิ์ใจ ในกรณีศาลโลกกับเขาพระวิหาร ผู้เขียนขอใช้สิทธิในฐานะพลเมืองของประเทศนี้ ในมาตรา 70 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ และมาตรา 71 บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมาย โดยขอใช้เสียงแห่งสิทธิ เพื่อแสดงความคิดเห็นและขอร่วมคัดค้านกรณีในคำวินิจฉัยใดๆ ที่จะเกิดหรือมีขึ้นจากศาลโลก อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศและอธิปไตย ซึ่งเวทีนั้นเพื่อนบ้านกัมพูชากำลังใช้เป็นฐานซักฟอกความชอบธรรมในการครอบครองพื้นที่ทับซ้อนอันเป็นปัญหาเรื้อรัง รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยกัน แสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ รวมทั้งพฤติการณ์ความเคลื่อนไหวอันน่าเคลือบแคลงที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต่อภาคประชาสังคมเพื่อร่วมกันระดมแนวทาง วางแผน และคาดการณ์ผลกระทบที่คาดว่าจะบังเกิดขึ้นต่อคู่กรณี
เพราะผู้เขียนมีความเชื่อมั่นอย่างบริสุทธิ์ว่า หน้าที่ของชนชาวไทย ในหมวด 4 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น ส่งเสริมให้บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และกระทำหน้าที่ของพลเมืองอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้บุคคลเห็นว่าสิทธิและหน้าที่ จะถูกจำกัดอยู่เป็นเพียงตัวหนังสือเท่านั้น โดยเฉพาะสิทธิอันชอบธรรมที่จะแสดงความรักและความประสงค์จะป้องกันรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน