ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ฉลองปีใหม่ต้อนรับศักราชใหม่ปี 56 กันได้เพียง 2 วัน คนไทยทั้งประเทศก็ต้องช็อก! กับคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ! น่าหวาดกลัวในพฤติกรรมอันโหดร้ายของ นายไพโรจน์ หรือ “ไอ้แบงค์” นันทตันติ อายุ 22 ปี ฆาตกรโหด ฆ่าปาดคอ - ตัดหู - เฉือนอวัยวะเพศและเผา น.ส.อัจฉราณี หรือ “แอ๋ม” รักเชื้อ อายุ 22 ปี พริตตี้แฟนสาว ที่ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงบ่ายแก่ ๆ วันที่ 3 มกราคม 2556
ภายหลังร.ต.ต.วิชิต ผังดี พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรมและจุดไฟเผาอำพรางศพเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 200/166 ชั้น 6 คอนโดมิเนียมเดอะคิทท์ ตึกเอ ม.6 ถ.แจ้งวัฒนะ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงรายงาน พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติ สุขสมภักดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.นฤนาท พุทไทสง ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.โสวัชร์ ไชยสงคราม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผกก.ปป รุดไปตรวจสอบที่เกิดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
บริเวณห้องนอนซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบร่องรอยการถูกไฟไหม้เสียหายทั้งห้อง โดยเฉพาะที่เตียงนอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ถึงกับต้องผงะ! เพราะภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นมีศพหญิงสาวอยู่ในสภาพเปลือยกายอ้าซ่า เริ่มขึ้นอืด เมื่อตรวจสอบสภาพศพพบมีบาดแผลถูกปาดคอเป็นแผลลึกจนเห็นหลอดลม
มิหนำซ้ำ! คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุยังมีพฤติการณ์ที่โหดร้ายด้วยการตัดใบหูซ้ายของผู้เสียชีวิตจนขาด และเฉือนอวัยวะเพศ ขณะที่บริเวณแขนซ้ายถูกคนร้ายกระหน่ำฟันอีกนับสิบแผล
นอกจากนี้คนร้ายยังทิ้งปริศนาทางคดีให้ชวนฉงน?! ด้วยการเขียนข้อความด้วยปากกาเมจิกสีดำว่า “สำเริง สุวรรณพงศ์” ซึ่งไปคล้ายคลึงกับชื่อของ พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ รองผบช.น. ฝ่ายกิจการพิเศษ และที่น่องขาซ้ายเขียนว่า ไอ้เปิ้ล ท่าทราย น่องขาขวาเขียนว่าโอบามะ ตั้งแต่ศีรษะถึงลำตัวมีร่องรอยถูกไฟไหม้ คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 1-2 วัน ใกล้กันพบศพแมวที่ผู้ตายเลี้ยงไว้ถูกปาดคอนอนตายอยู่ข้างเตียงด้วย
พฤติกรรมทั้งหมดสะท้อนความเหี้ยมโหดของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้เป็นอย่างดี!!!
นายชัชรินทร์ รักเชื้อ อายุ 21 ปี น้องชายผู้ตายเปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุวันที่ 31 ธ.ค.55 ตนพร้อมแฟนสาวพร้อมพี่สาว (ผู้ตาย)และนายแบงค์ได้นัดกันออกไปกินข้าวและฉลองปีใหม่กัน แต่นายแบงค์และพี่สาวตนทะเลาะกันอย่างหนักเรื่องความหึงหวงจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน จนกระทั่งเวลา 03.00 น. วันที่ 1 ม.ค.56 นายแบงค์ได้กลับมาที่บ้านตนและพยายามจะจุดไฟเผาแต่ตนถือมีดดาบลงมาด้วยจึงทำให้นายแบงค์หนีไปจนกระทั่งต่อมาจึงรู้ว่าพี่สาวได้ถูกฆ่าตายแล้วเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือนายแบงค์อย่างแน่นอน
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสืบเสาะหาเบาะแสล่าตัว นายแบงค์ มาลงโทษตามกฎหมายอย่างหนัก! โดยสามารถจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่จังหวัดราชบุรีหลังจากนั้นก็ไม่สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ของคนร้ายได้อีกจึงลงพื้นที่กดดันทางญาติให้ติดต่อคนร้ายให้มอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โดยดีแต่ก็ไม่เป็นผล ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายกำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ
จนกระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 7 ม.ค. มีรายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมตัวนายไพโรจน์ หรือแบงค์ นันทตันติ อายุ 22 ปี พร้อมกับนายอดิศักดิ์ เครือเอม อายุ 61ปีเจ้าของธุรกิจรถเช่า ซึ่งเคยทำธุรกิจร่วมกันกับนายไพโรจน์และเป็นคนพาหลบหนีได้แล้วบริเวณตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ดอยสามเส้าใหญ่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขณะที่ทั้งคู่หลบหนีไปบวชพระและสามเณรที่วัดเขาถ้ำ ในจังหวัดราชบุรีเพื่อเป็นการอำ พรางเจ้าหน้าที่ว่าเป็นพระและเณรที่ออกธุดงค์มาบนริเวณแนวตะเข็บชายแดนเพื่อจะได้หลบหนีไปประเทศพม่าได้ง่ายขึ้น
ภายหลังถูกจับกุมนายแบงค์ ให้การรับสารภาพว่า คบหากับ น.ส.อัจฉราณี มาเป็นเวลากว่า 1 ปี โดยรู้จักกับแอ้มแฟนสาวเพราะตนเคยเปิดร้านเหล้า “ชื่อเหล้าปี่” ย่านม.ธุรกิจบัณฑิต ส่วนแฟนสาวเป็นพีอาร์อยู่ที่ร้านมิ้ลค์ ได้คบหาอยู่กินกันมาเป็นปี ปกติตนกับแฟนสาวมักทะเลาะกันบ่อยเป็นประจำอยู่แล้วเนื่องจากฝ่ายสาวมีอารมณ์โมโหร้ายชอบดุด่าตนในที่สาธารณะชน เช่นไปตามห้างก็ด่าเสียงดังเป็นประจำแต่ตนก็นิ่งเฉยยิ้ม นอกจากเวลาที่ดื่มเหล้าและเมาตนถึงจะลงมือทำร้ายบ้าง ส่วนสาเหตุในการลงมือก่อเหตุนั้นได้มีปากเสียงกันเนื่องจากผู้ตายได้ด่าทอถึงบุพการี จนทนไม่ไหว ประกอบกับได้ดื่มเบียร์และเหล้าตั้งแต่บ่ายจนมืดกระทั่งเมามากจนขาดสติ ได้ด่าทอถึงมารดาตนจึงหยิบมีดโกนกรีดที่หน้าไปหนึ่งครั้ง ตามด้วยใบหู ท้อง อวัยวะเพศ ขณะที่ลงมือนั้นตนหลับตาทำจึงไม่รู้ว่าโดนส่วนใดบ้าง จนกระทั่งเสียชีวิต ก่อนจุดไฟเผาอำพรางคดี
“ส่วนรายชื่อที่เขียนไว้ตามตัวนั้นตนไม่ทราบว่าเขียนไปเพราะอะไร ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันขาดสติมาก แต่ยันยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวหรือหึงหวงเพราะแอ๋มก็ไม่มีคนอื่น เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานใครจะฆ่าเมียตัวเองได้ ถ้าไม่เมาจนขาดสติ และผมยอมรับว่าถ้าเมา ผมก็เหมือนสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง หลังจากก่อเหตุแล้วเกิดอาการหลอนกับสิ่งที่ทำไปเพราะรู้สึกช็อกและเสียใจมันรวดเร็วมาก จึงได้หลบหนีไปบวชที่ จ.ราชบุรี และเตรียมหลบหนีออกประเทศเพื่อนบ้านแต่ถูกจับกุมได้เสียก่อน และที่คิดหลบหนีก็เพราะผมเองนั้นมีคดีค้างเก่าหลายคดีตั้งแต่ปี 2552 เพราะคิดว่ายังไงมาโดนซ้ำอีกก็คงไม่รอด และผมก็อยากกล่าวความรู้สึกว่า รู้สึกเสียใจและขอโทษพ่อต๋อง รักพ่อต๋องพ่อของแอ๋มมาก เพราะพ่อกับแอ๋มรักแบงค์มากเวลาลำบากก็ไม่เคยทอดทิ้งแบงค์ แต่ก็ได้ทำลงไปแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรหลังจากนี้ก็จะแผ่เมตตาให้แอ๋ม และยอมรับความจริงต่อไป”นายแบงค์ ฆาตกรโหดเปิดใจ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายไพโรจน์ มีหมายจับอีก 7 คดี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธปืน และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต (สน.พระราชวัง) โดยได้ร่วมกับพนักงานธนาคารกรุงไทย สาขาพระราชวัง ฉ้อโกงเงินจำนวน 21 ล้านบาท เมื่อปี 2552 อีกด้วย
ปิดฉากคดีฆาตกรรมโหดสยองขวัญ คดีแรกของปีมะเส็ง 56 ด้วยดี ทิ้งไว้เพียงปริศนา?! “สำเริง สุวรรณพงศ์” ไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในคดีนี้ได้อย่างไร??!! แม้ฆาตกรโหดจะปิดปากเงียบยืนยันไม่รู้เขียนไปได้อย่างไร ? แต่ในสภาพความเป็นจริงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า “สำเริง สุวรรณพงศ์”น่าจะเป็นชนวนการฆาตกรรมพิศวาสแรงหึงในคดีนี้ไม่มากก็น้อย
และแน่นอนว่า ผู้ที่รู้ดีที่สุดก็คือ “นายแบงค์”ฆาตกรโหดผู้นี้