ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับกุม “ไอ้แบงค์” ฆาตกรฆ่าสาวพริตตี้อย่างเหี้ยมโหด สารภาพโกรธแค้นที่ผู้ตายด่าแม่ และดื่มเหล้าจนขาดสติจึงลงมือก่อเหตุ คุมตัวทำแผนแล้ว พบมีหมายจับคดีค้างเก่าอีก 7 คดี ประวัติสุดแสบ! ยักยอกเงิน ธ.กรุงไทย 21 ล้าน
วันนี้ (8 ม.ค.) เวลา 10.00 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ต.ทวิชาติ พละศักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง ผกก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ภ.1 ภ.จว.นนทบุรี และสภ.ปากเกร็ด แถลงการจับกุมนายไพโรจน์ หรือแบงค์ นันทตันติ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 4/2556 ลง 3 ม.ค.56 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ดอยสามเส้าใหญ่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขณะหลบหนีไปบวชเป็นสามเณร
พล.ต.ท.นเรศ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา นายไพโรจน์ หรือแบงค์ ได้ก่อเหตุ ฆ่าโหด และเผาอำพราง น.ส.อัจฉราณี หรือแอ๋ม รักษ์เชื้อ อายุ 22 ปี พริตตี้ซึ่งเป็นแฟนสาว ภายในห้องพักเลขที่ 200/166 ชั้น 6 ตึกเอ อาคารชุดเดอะคิทท์คอนโดมิเนียม ท้องที่ สภ.ปากเกร็ด แล้วหลบหนี ซึ่งหลังก่อเหตุ นายไพโรจน์ ได้หนีไปบวช ที่วัดถ้ำเขาชุมดง จ.ราชบุรี ก่อนจะเดินทางไปบริเวณตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ดอยสามเส้าใหญ่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่เพื่อเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมตัวนายไพโรจน์ได้ พร้อมกับนายอดิศักดิ์ เครือเอม อายุ 61ปีเจ้าของธุรกิจรถเช่า ซึ่งเคยทำธุรกิจร่วมกันกับนายไพโรจน์และได้เป็นคนพาหลบหนี
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนติดตามจับกุมของทาง จ.นนทบุรี หลังจากดูภาพกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลจากญาติผู้ตายก็ทราบว่า นายไพโรจน์เป็นคนก่อเหตุ จึงได้นำภาพถ่ายทั้งรูปจริงและที่บวชเป็นพระ ประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ ภาค 7 สตม. ตชด. และเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมือง ทุกด่านให้สะกัดกั้นตามตะเข็บชายแดนทั้งหมดเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมตัวไว้ได้ขณะกำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อนบ้าน
จากการสอบสวน นายไพโรจน์ ให้การรับสารภาพว่า คบหากับ น.ส.อัจฉราณี มาเป็นเวลากว่า 1 ปี โดยรู้จักกับแอ้มแฟนสาวเพราะตนเคยเปิดร้านเหล้า “ชื่อเหล้าปี่” ย่านม.ธุรกิจบัณฑิต ส่วนแฟนสาวเป็นพีอาร์อยู่ที่ร้านมิ้ลค์ ได้คบหาอยู่กินกันมาเป็นปี ปกติตนกับแฟนสาวมักทะเลาะกันบ่อยเป็นประจำอยู่แล้วเนื่องจากฝ่ายสาวมีอารมณ์โมโหร้ายชอบดุด่าตนในที่สาธารณะชน เช่นไปตามห้างก็ด่าเสียงดังเป็นประจำแต่ตนก็นิ่งเฉยยิ้ม นอกจากเวลาที่ดื่มเหล้าและเมาตนถึงจะลงมือทำร้ายบ้าง ส่วนสาเหตุในการลงมือก่อเหตุนั้นได้มีปากเสียงกันเนื่องจากผู้ตายได้ด่าทอถึงบุพการี จนทนไม่ไหว ประกอบกับได้ดื่มเบียร์และเหล้าตั้งแต่บ่ายจนมืดกระทั่งเมามากจนขาดสติ ได้ด่าทอถึงมารดาตนจึงหยิบมีดโกนกรีดที่หน้าไปหนึ่งครั้ง ตามด้วยใบหู ท้อง อวัยวะเพศ ขณะที่ลงมือนั้นตนหลับตาทำจึงไม่รู้ว่าโดนส่วนใดบ้าง จนกระทั่งเสียชีวิต ก่อนจุดไฟเผาอำพรางคดี
นายไพรโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนรายชื่อที่เขียนไว้ตามตัวนั้นตนไม่ทราบว่าเขียนไปเพราะอะไร ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันขาดสติมาก แต่ยันยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวหรือหึงหวงเพราะแอ๋มก็ไม่มีคนอื่น เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานใครจะฆ่าเมียตัวเองได้ ถ้าไม่เมาจนขาดสติ และผมยอมรับว่าถ้าเมา “ผมก็เหมือนสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง” หลังจากก่อเหตุแล้วเกิดอาการหลอนกับสิ่งที่ทำไปเพราะรู้สึกช็อคและเสียใจมันรวดเร็วมาก จึงได้หลบหนีไปบวชที่ จ.ราชบุรี และเตรียมหลบหนีออกประเทศเพื่อนบ้านแต่ถูกจับกุมได้เสียก่อน และที่คิดหลบหนีก็เพราะตนเองนั้นมีคดีค้างเก่าหลายคดีตั้งแต่ปี 2552 เพราะคิดว่ายังไงมาโดนซ้ำอีกก็คงไม่รอด และตนก็อยากกล่าวความรู้สึกว่า “รู้สึกเสียใจและขอโทษพ่อต๋อง รักพ่อต๋องพ่อของแอ๋มมาก เพราะพ่อกับแอ๋มรักแบงค์มากเวลาลำบากก็ไม่เคยทอดทิ้งแบงค์ แต่ก็ได้ทำลงไปแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรหลังจากนี้ก็จะแผ่เมตตาให้แอ๋ม และยอมรับความจริงต่อไป”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายไพโรจน์ มีหมายจับอีก 7คดี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธปืน และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต (สน.พระราชวัง) โดยได้ร่วมกับพนักงานธนาคารกรุงไทย สาขาพระราชวัง ฉ้อโกงเงินจำนวน 21 ล้านบาท เมื่อปี 2552 อีกด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำการขยายผลตรวจค้นบ้านพัก เพื่อยึดสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิด และนำตัวส่ง สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าวแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวน เตรียมคุมตัว นายไพโรจน์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในที่เกิดเหตุ