xs
xsm
sm
md
lg

ศาลรธน.เปิดหลักสูตรนปธ. ไม่รับนักการเมืองขยาดแจกกล้วย-วางมวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 10 ม.ค.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีการเปิดโครงการอบรมหลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย หรือ นธป. รุ่นที่ 1 โดยหลักสูตรดังกล่าวจะมีข้าราชการ และผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระและนักวิชาการ เข้ารับการอบรม ซึ่งจะเน้นการให้ความรู้ในเรื่องหลักนิติธรรม การเมือง การปกครอง ที่รุ่นแรกมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมรวม 51 คน ล้วนต่างเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งบริหารในองค์กร และมีชื่อเสียงในสังคม อาทิ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางผานิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ กรรมการสิทธิมุนษยชนแห่งชาติ น.ส.สาลี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เป็นต้น แต่ทั้งนี้หลักสูตรดังกล่าว จะไม่มีนักการเมืองเข้าร่วมอบรม
นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดการอบรมฯว่า พวกตนเข้าสู่ตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเดือน มิ.ย. 51 มาตามรัฐธรรมนูญปี 50 โดยการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 51 ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่พูดอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ ส่วนตัว ในคมช. รู้จักคนเดียวคือ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีต ผบ.สส. เพราะเป็นรุ่นพี่สวนกุหลาบวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยกัน
ส่วนที่มาของหลักสูตรนี้ เดิมมีโครงการมาตั้งแต่ปี 51 แต่มาจริงจังเมื่อปีเศษที่ผ่านมา เห็นพ้องกันว่าควรมีหลักสูตรอะไรเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีงาม สำหรับคนทั่วๆไป เพื่อให้หลักกฎหมาย หรือศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นเรื่องเข้าใจยาก ไกลตัว กลายมาเป็นเรื่องเข้าใจง่าย และถูกนำไปใช้ในหน้าที่การงาน หรือบ้านเมือง โดยที่ผ่านมาศาลฯ พยายามที่จะใช้หลักนี้ในการอธิบาย แม้แต่ในคำสั่งและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะใช้ข้อความง่ายๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกัน บางทีคนเราก็โง่จริง หรือแกล้งโง่ ใครที่แกล้งโง่ ก็ขอให้โง่จริงต่อไป
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า หลักสูตรนี้จะไม่เน้นยัดเยียดความรู้ให้กับผู้เข้าอบรม แต่จะเน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะผู้เข้ารับการอบรมส่วนใหญ่ ก็เป็นผู้บริหาร ผ่านการทำงานมามากซึ่งในบางครั้งผู้เข้ารับการอบรมก็จะผันตัวขึ้นมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ ซึ่งตุลาการเอง ก็จะได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันยิ่งขึ้น
“การแลกเปลี่ยนพวกท่านจะได้รู้ว่า เราถูกด่ามากแค่ไหน แต่ที่เราภูมิใจ ก็คือศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้จะถูกด่าว่าอะไรก็ตาม ก็ยังไม่มีการครหาว่ารับสินบน หรือตุกติกรับประโยชน์อย่างอื่น อาจเพราะพวกผมส่วนใหญ่มีชีวิต ในศาลยุติธรรมมา ทำให้มีกิเลสน้อยหน่อย และเลวน้อยหน่อย”
นายวสันต์ กล่าวว่า เมื่อวัตถุประสงค์ของหลักสูตรมีเช่นนี้ จึงทำให้แตกต่างจากหลักสูตรอื่นที่เห็นได้ชัดคือจะไม่มีนักการเมืองเข้าร่วมอบรมเลย เพราะเกรงว่าถ้าเอานักการเมืองมาเรียน จากที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ ก็อาจจะเป็นสนามแลกหมัด แลกศอก แลกเข่า หรืออาจจะเป็นสนามมวยก็ได้ เพราะจะมีทั้งสัตว์ทั้งหลาย หรืออาจจะมีผลไม้บางอย่าง เช่น กล้วย การขว้างปากัน การแย่งชิงเก้าอี้กันก็ได้ ซึ่งไม่อยากให้มีบรรยากาศเช่นนั้น และเมื่อผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมดเป็นรุ่นที่ 1 มีความพอใจหรือไม่พอใจในหลักสูตร ก็วิจารณ์ได้อย่างตรงไปตรงมา
" เรื่องถูกด่า พวกผมทนกันมาเยอะ และชินชา ทำไมคนกันเองจะด่าไม่ได้ ท่านสามารถด่าได้ ตำหนิได้ เพื่อให้เรานำไปปรับปรุงในรุ่นต่อๆไป ที่ยังไม่แน่ว่าจะมีหรือไม่ เพราะอย่างที่เห็น คำหนึ่งก็บอกว่าจะยุบ สองคำก็ยุบ ไม่ทราบว่าอาจารย์กรรมฐานที่ไหนสอน เขามีแต่ยุบหนอ พองหนอ นี่มันยุบขาเดียว ก็รอดูว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ถ้าไม่สำเร็จ ก็รอให้ตายแล้วชาติหน้าเกิดใหม่ก็คงทำสำเร็จ สุดแล้วแต่วาสนา ถ้ามีโอกาสต่อๆไป ศาลรัฐธรรมนูญจะทำตรงนี้เพื่อความเข้าใจอันดีต่อไป เพราะคิดว่าเราควรบริหารความแตกต่างกันได้ โดยไม่ต้องแตกแยก”
จากนั้นนายวสันต์ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม กรณีหลักสูตรดังกล่าวถูกมองว่า แม้จะไม่มีนักการเมือง แต่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการอบรมก็เป็นตัวเชื่อมโยงกับนักการเมืองได้ ว่า เป็นเรื่องของเขา จะมีพรรคมีพวกอะไรก็แล้วแต่ อย่างตนก็รู้จักนักการเมืองเยอะแยะ แต่ก็เห็นว่าหลักสูตรนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเชิญนักการเมืองมาร่วม อีกทั้งยังเป็นเรื่องของคณะกรรมการหลักสูตร ตนไม่เกี่ยว ซึ่งหากคิดแบบนั้นก็คงไม่สามารถจะจัดกิจกรรมอะไรได้
ส่วนที่มีการมองว่าศาลควรวางตัวเป็นกลาง ไม่ควรมีการจัดหลักสูตรอบรมนั้น นายวสันต์ เห็นว่า เป็นเพียงแนวคิดอย่างหนึ่งในอดีต แต่ปัจจุบันนี้คงจะทำลำบาก เพราะความเข้าใจที่ดีน่าจะสำคัญกว่าสำหรับที่มีกระแสข่าวว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยุบศาลรัฐธรรมนูญไปเป็นแผนกหนึ่งในศาลฎีกา เห็นว่าคงต้องถามศาลฎีกาว่ารับไหมหรือไม่ แต่ถ้าให้ไปรวมอยู่กับศาลฎีกาก็คงดี เพราะหากใครมาด่าศาลแบบนี้ก็ติดคุกสถานเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น