นนทบุรี-ตำรวจนำตัว “ไอ้แบงค์” ฝากขังศาล จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาขอโทษพ่อแฟนสาวผ่านสื่อ สารภาพถูก “ผีแอ้ม” ตามหลอน ขณะหลบหนีบวชเป็นพระ เผยประวัติครอบครัวแตกแยกหนีออกจากบ้านตั้งแต่ 10 ขวบ เจอเกย์หนุ่มทำงานแบงก์ชุบเลี้ยง นำเงินมาทำธุรกิจ จนเจอกับผู้ตาย พร้อมไขปริศนา "สำเริง" เป็นชื่อที่ผู้ตายมักอ้างถึงบ่อยๆ ว่าสามารถช่วยเหลือธุรกิจผิดกฎหมายได้
วานนี้ (9 ม.ค.) พ.ต.ท.มานะ เทียนเมืองปัก รอง ผกก.หัวหน้างานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้นำตัวนายไพโรจน์ หรือแบงค์ นันทตันติ ผู้ต้องหาฆ่าโหด น.ส.อัฉราณี รักษ์เชื้อ พริตตี้แฟนสาว เข้าสอบปากคำอีกครั้ง หลังจากที่ทำแผนประกอบคำสารภาพไปแล้ว
พ.ต.ท.มานะกล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และจากการตรวจค้นหลักฐานพบมีดโกน กรรไกร และหลักฐานอื่นๆ ครบหมด และยังพบว่า ผู้ต้องหายังมีหมายจับอีกหลายคดี ส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกายและคดีเกี่ยวกับรถ ส่วนในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว และได้มีการสอบพยานจนครบแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาฝากขังไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป ส่วนข้อหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้ คือ ฆ่าผู้อื่นด้วยการกระทำทารุณ และวางเพลิงเผาทรัพย์ มีโทษประหารชีวิต
ด้านนายไพโรจน์ หรือแบงค์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าโหดเผาสาวพริตตี้ กล่าวว่า ตนหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ขณะกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนวัดพระงาม จ.นครปฐม เนื่องจากมีปัญหาครอบครัว เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารดัง หลังจากนั้น ได้รู้จักเจ้าหน้าที่ธนาคารที่เป็นเกย์ ตนสามารถยืมเงินมาจากเจ้าหน้าที่ธนาคารได้กว่า 20 ล้านบาท จึงใช้เงินดังกล่าวซื้อบ้านและเริ่มทำธุรกิจ เคยมีภรรยาและมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่เลิกรากันไป จนมาเปิดร้านอาหาร ชื่อ “เล่าปี่” อยู่ประชาชื่น ซอย 8/1 และได้รู้จักกับ น.ส.อัฉราณี รักษ์เชื้อ ผู้ตาย ซึ่งทำงานเป็นพีอาร์อยู่ร้านตรงข้าม จึงได้ดึงตัวมาทำงานด้วยและอยู่กินกันแบบสามีภรรยามาเป็นเวลาเกือบปี แต่เนื่องจากธุรกิจที่ทำมีหลายอย่าง รวมทั้งธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ จนมาเกิดเหตุดังกล่าว สาเหตุเกิดจากตนและผู้ตายเมาจนมีปากเสียงกันรุนแรง โดยผู้ตายได้ด่าคำหยาบคายถึงพ่อแม่ของตน ทำให้ตนโมโหเป็นอย่างมากจนทำให้ลงมือฆ่าผู้ตาย
ส่วนปริศนาชื่อที่เขียนไว้ เป็นชื่อของบุคคลที่เคยร่วมทำธุรกิจด้วยกัน และตนถูกโกงไป เลยแค้นและระบายออก อีกชื่อที่เขียนไว้ด้านหลัง คือ สำเริง สุวรรณพงศ์ ตนไม่เคยพบและไม่รู้จัก แต่เป็นชื่อที่ผู้ตายมักอ้างถึงบ่อยๆ ว่าสามารถช่วยเหลือผู้ตายได้เนื่องจากทำธุรกิจผิดกฎหมาย ส่วนที่ตัดอวัยวะเพราะแค้นที่ผู้ตายด่าไม่หยุดถึงพ่อแม่ของตน ประกอบกับเมาด้วยกันทั้งคู่และคุมสติไม่อยู่
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุตนได้หนีไปบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายและหลบหนีออกนอกประเทศ ระหว่างที่บวชอยู่นั้น ตนได้นอนในห้องพระที่วัด ช่วงที่ตนนอนใกล้จะหลับได้กลิ่นน้ำหอมของผู้ตายและเห็นเงาดำมายืนตรงปลายเท้า เหมือนผู้ตายพูดกับตนว่า “ไหนสัญญาว่าจะตายด้วยกัน” ตนกลัวมากเรียกให้คนช่วยแล้ว จู่ๆ จีวรได้ถูกกระตุก อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอโทษพ่อของน้องแอ้มด้วย เพราะพ่อของน้องแอ้มเป็นคนดีมากและฝากน้องแอ้มให้ตนดูแล แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนขอยอมชดใช้กรรมถ้าตัดสินโทษประหารชีวิตก็จะขออุทธรณ์ ถ้าไม่ได้ก็จะยอมถูกประหารชีวิต เพราะตนทำชั่วมาเยอะแล้ว
วานนี้ (9 ม.ค.) พ.ต.ท.มานะ เทียนเมืองปัก รอง ผกก.หัวหน้างานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้นำตัวนายไพโรจน์ หรือแบงค์ นันทตันติ ผู้ต้องหาฆ่าโหด น.ส.อัฉราณี รักษ์เชื้อ พริตตี้แฟนสาว เข้าสอบปากคำอีกครั้ง หลังจากที่ทำแผนประกอบคำสารภาพไปแล้ว
พ.ต.ท.มานะกล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และจากการตรวจค้นหลักฐานพบมีดโกน กรรไกร และหลักฐานอื่นๆ ครบหมด และยังพบว่า ผู้ต้องหายังมีหมายจับอีกหลายคดี ส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกายและคดีเกี่ยวกับรถ ส่วนในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว และได้มีการสอบพยานจนครบแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาฝากขังไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป ส่วนข้อหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้ คือ ฆ่าผู้อื่นด้วยการกระทำทารุณ และวางเพลิงเผาทรัพย์ มีโทษประหารชีวิต
ด้านนายไพโรจน์ หรือแบงค์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าโหดเผาสาวพริตตี้ กล่าวว่า ตนหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ขณะกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนวัดพระงาม จ.นครปฐม เนื่องจากมีปัญหาครอบครัว เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารดัง หลังจากนั้น ได้รู้จักเจ้าหน้าที่ธนาคารที่เป็นเกย์ ตนสามารถยืมเงินมาจากเจ้าหน้าที่ธนาคารได้กว่า 20 ล้านบาท จึงใช้เงินดังกล่าวซื้อบ้านและเริ่มทำธุรกิจ เคยมีภรรยาและมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่เลิกรากันไป จนมาเปิดร้านอาหาร ชื่อ “เล่าปี่” อยู่ประชาชื่น ซอย 8/1 และได้รู้จักกับ น.ส.อัฉราณี รักษ์เชื้อ ผู้ตาย ซึ่งทำงานเป็นพีอาร์อยู่ร้านตรงข้าม จึงได้ดึงตัวมาทำงานด้วยและอยู่กินกันแบบสามีภรรยามาเป็นเวลาเกือบปี แต่เนื่องจากธุรกิจที่ทำมีหลายอย่าง รวมทั้งธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ จนมาเกิดเหตุดังกล่าว สาเหตุเกิดจากตนและผู้ตายเมาจนมีปากเสียงกันรุนแรง โดยผู้ตายได้ด่าคำหยาบคายถึงพ่อแม่ของตน ทำให้ตนโมโหเป็นอย่างมากจนทำให้ลงมือฆ่าผู้ตาย
ส่วนปริศนาชื่อที่เขียนไว้ เป็นชื่อของบุคคลที่เคยร่วมทำธุรกิจด้วยกัน และตนถูกโกงไป เลยแค้นและระบายออก อีกชื่อที่เขียนไว้ด้านหลัง คือ สำเริง สุวรรณพงศ์ ตนไม่เคยพบและไม่รู้จัก แต่เป็นชื่อที่ผู้ตายมักอ้างถึงบ่อยๆ ว่าสามารถช่วยเหลือผู้ตายได้เนื่องจากทำธุรกิจผิดกฎหมาย ส่วนที่ตัดอวัยวะเพราะแค้นที่ผู้ตายด่าไม่หยุดถึงพ่อแม่ของตน ประกอบกับเมาด้วยกันทั้งคู่และคุมสติไม่อยู่
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุตนได้หนีไปบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายและหลบหนีออกนอกประเทศ ระหว่างที่บวชอยู่นั้น ตนได้นอนในห้องพระที่วัด ช่วงที่ตนนอนใกล้จะหลับได้กลิ่นน้ำหอมของผู้ตายและเห็นเงาดำมายืนตรงปลายเท้า เหมือนผู้ตายพูดกับตนว่า “ไหนสัญญาว่าจะตายด้วยกัน” ตนกลัวมากเรียกให้คนช่วยแล้ว จู่ๆ จีวรได้ถูกกระตุก อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอโทษพ่อของน้องแอ้มด้วย เพราะพ่อของน้องแอ้มเป็นคนดีมากและฝากน้องแอ้มให้ตนดูแล แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนขอยอมชดใช้กรรมถ้าตัดสินโทษประหารชีวิตก็จะขออุทธรณ์ ถ้าไม่ได้ก็จะยอมถูกประหารชีวิต เพราะตนทำชั่วมาเยอะแล้ว