00 ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์แก้ปัญหาชายแดนใต้ ถึงไม่ยอมลงไปในพื้นที่สักที หรือว่าไม่กล้าเหยียบ “ตาปลา” ในเขตทหาร เนื่องจากรู้กันดีว่าแถบนั้นทหารเขาคุมอยู่เต็มพื้นที่ ที่ผ่านมารับรู้กันมานานแล้ว เหลิม เขาแหยงสีเขียวมาแต่ไหนแต่ไร อาจเป็นเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบที่ว่านี้ก็ได้ที่ทำให้ไม่ยอมลงไปสักที ถึงลงไปก็แอ๊กอาร์ตไม่ได้ ไม่เหมือนเวลาโชว์จับยาบ้ากับพวกตำรวจแบบนั้นมันของตาย หากินได้ตลอด
00 เดินทางไปมาเลย์เมื่อวันก่อนของเฉลิม ดูฉาบฉวยเหมือนกับได้น้ำได้เนื้อ แต่พิจารณาให้ดีมันก็ไม่มีอะไรใหม่ ที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้กันหลายครั้งแล้ว พูดไปก็เหมือนกับขัดคอ การแก้ปัญหาสำคัญที่สุดต้องเกิดขึ้นในพื้นที่เป็นหลัก และที่สำคัญอย่าแก้ปัญหาชายแดนใต้ “แบบตำรวจ” เพราะประเภทโชว์ออฟ ฉาบฉวย นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังเติมเชื้อไฟให้ลุกลามออกไปอีก เหมือนกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยไปทำเลวเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ และในฐานะ “ขี้ข้า” ก็อย่าไปซ้ำรอยก็แล้วกัน อ้อ เกือบลืมไป คราวก่อนเห็นบอกว่าโจรใต้มีกี่คนรู้หมด อยู่ที่ไหน ก็ไปลากคอมาโชว์หน่อยสิ อย่าดีแต่ปาก ขอร้อง
00 พูดถึงชายแดนใต้ก็ต้องให้ครบวงจร อดไม่ได้ที่ต้องพูดถึงฝ่ายทหารด้วย ถ้าบอกว่าการแก้ปัญหาล้มเหลวฝ่ายทหารก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาสูงสุดลงมาคือ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้อำนาจเต็มในโครงสร้าง กอ.รมน. ผ่านมาหลายปีต่อเนื่องกัน เมื่อยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นก็ต้องโดนด้วย ประเภทที่บอกว่าการแก้ปัญหาต้องใช้เวลา ก็ต้องถามว่า “ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่” นี่กลายเป็นว่าชายแดนใต้ก็มั่ว ชายแดนเขมรก็ไม่น่าเกรงขาม ฝ่ายตรงข้ามไม่ยำเกรง มันหมายความว่าอย่างไร
00 ขณะที่ปัญหาชายแดนตะวันออกนับจากนี้ไปถือว่าจะเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่วิกฤติมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีแนวโน้มต้องสูญเสียดินแดนสูงยิ่ง หากยังไม่ยอมถอนตัว ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกโดยทันที หากยังใช้วิธีเดินหน้าสู้คดีต่อไปมันก็ไม่ต่างจากการเล่นละคร “สมยอมกับฮุนเซน” เพื่อแลกผลประโยชน์ทางธุรกิจกับ “นายใหญ่” ซึ่งแน่นอนว่า สายตาย่อมชี้หน้าสงสัยไปที่ ทักษิณ ชินวัตร แน่นอน
00 ปัญหาเรื่องเสียดินแดนรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกม.หรือประมาณ 3 พันไร่นั่นมันมีแนวโน้มสูงที่ต้องตกไปอยู่กับเขมรในอนาคตอันใกล้ แต่ยังมีอีกนับล้านไร่ที่รอถูกเขมือบ เนื่องจากมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า นั่นคือพื้นที่ในทะเลอ่าวไทยไงล่ะ ที่มีพลังงานมหาศาล หากลากเส้นใหม่ตามสัดส่วน 1 ต่อ 2 แสน มันก็กินเข้ามาเป็นของเขมรราวสามในสี่ รวมถึง “เกาะกูด” ที่ต้องหลุดมือไปด้วย นี่คือว่าความจงใจ เพราะถ้าคุยกับ ฮุนเซน แน่นอนว่ามันง่ายกว่าเรื่อง “แบ่งปันกันใต้โต๊ะ” ทุด !!
00 วกมาที่การแก้ไข รธน.ล่าสุด แม้ว่ามติพรรคเพื่อไทยจะยื้อออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากดูกระแสอารมณ์สังคมแล้วดันทุรังไปไม่ไหวแน่ จึงต้องถอยออกมาชั่วคราวก่อน เพราะถ้าพลาดเที่ยวนี้ก็พลาดเลย โดยโยนให้สถาบันการศึกษาไปดูแลในรายละเอียด ซื้อเวลาสร้างภาพไปก่อน แต่ที่น่าจับตาก็คือข้อสรุปของอนุกรรมการของพรรคชุดหนึ่งที่มี โสภณ พูดสว่าง เอ้ย เพชรสว่าง ส่งสัญญาณจะให้ยุบศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง จำกัดบทบาทศาลรธน. ลิดรอนอำนาจป.ป.ช.รวมไปถึงองค์กรอิสระฝ่ายตรวจสอบจนแทบเหี้ยน ขอโทษ ขอด่าหน่อยนะไอ้ทุเรศ ถามสักคำว่าถ้าจะให้ยุบศาล ยุบองค์กรอิสระ กับยุบนักการเมืองห่วยๆ กระจอกๆอย่างพวกเอ็ง สมควรจะเอาแบบไหนมากกว่ากัน ทุด !!
00 เดินทางไปมาเลย์เมื่อวันก่อนของเฉลิม ดูฉาบฉวยเหมือนกับได้น้ำได้เนื้อ แต่พิจารณาให้ดีมันก็ไม่มีอะไรใหม่ ที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้กันหลายครั้งแล้ว พูดไปก็เหมือนกับขัดคอ การแก้ปัญหาสำคัญที่สุดต้องเกิดขึ้นในพื้นที่เป็นหลัก และที่สำคัญอย่าแก้ปัญหาชายแดนใต้ “แบบตำรวจ” เพราะประเภทโชว์ออฟ ฉาบฉวย นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังเติมเชื้อไฟให้ลุกลามออกไปอีก เหมือนกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยไปทำเลวเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ และในฐานะ “ขี้ข้า” ก็อย่าไปซ้ำรอยก็แล้วกัน อ้อ เกือบลืมไป คราวก่อนเห็นบอกว่าโจรใต้มีกี่คนรู้หมด อยู่ที่ไหน ก็ไปลากคอมาโชว์หน่อยสิ อย่าดีแต่ปาก ขอร้อง
00 พูดถึงชายแดนใต้ก็ต้องให้ครบวงจร อดไม่ได้ที่ต้องพูดถึงฝ่ายทหารด้วย ถ้าบอกว่าการแก้ปัญหาล้มเหลวฝ่ายทหารก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาสูงสุดลงมาคือ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้อำนาจเต็มในโครงสร้าง กอ.รมน. ผ่านมาหลายปีต่อเนื่องกัน เมื่อยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นก็ต้องโดนด้วย ประเภทที่บอกว่าการแก้ปัญหาต้องใช้เวลา ก็ต้องถามว่า “ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่” นี่กลายเป็นว่าชายแดนใต้ก็มั่ว ชายแดนเขมรก็ไม่น่าเกรงขาม ฝ่ายตรงข้ามไม่ยำเกรง มันหมายความว่าอย่างไร
00 ขณะที่ปัญหาชายแดนตะวันออกนับจากนี้ไปถือว่าจะเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่วิกฤติมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีแนวโน้มต้องสูญเสียดินแดนสูงยิ่ง หากยังไม่ยอมถอนตัว ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกโดยทันที หากยังใช้วิธีเดินหน้าสู้คดีต่อไปมันก็ไม่ต่างจากการเล่นละคร “สมยอมกับฮุนเซน” เพื่อแลกผลประโยชน์ทางธุรกิจกับ “นายใหญ่” ซึ่งแน่นอนว่า สายตาย่อมชี้หน้าสงสัยไปที่ ทักษิณ ชินวัตร แน่นอน
00 ปัญหาเรื่องเสียดินแดนรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกม.หรือประมาณ 3 พันไร่นั่นมันมีแนวโน้มสูงที่ต้องตกไปอยู่กับเขมรในอนาคตอันใกล้ แต่ยังมีอีกนับล้านไร่ที่รอถูกเขมือบ เนื่องจากมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า นั่นคือพื้นที่ในทะเลอ่าวไทยไงล่ะ ที่มีพลังงานมหาศาล หากลากเส้นใหม่ตามสัดส่วน 1 ต่อ 2 แสน มันก็กินเข้ามาเป็นของเขมรราวสามในสี่ รวมถึง “เกาะกูด” ที่ต้องหลุดมือไปด้วย นี่คือว่าความจงใจ เพราะถ้าคุยกับ ฮุนเซน แน่นอนว่ามันง่ายกว่าเรื่อง “แบ่งปันกันใต้โต๊ะ” ทุด !!
00 วกมาที่การแก้ไข รธน.ล่าสุด แม้ว่ามติพรรคเพื่อไทยจะยื้อออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากดูกระแสอารมณ์สังคมแล้วดันทุรังไปไม่ไหวแน่ จึงต้องถอยออกมาชั่วคราวก่อน เพราะถ้าพลาดเที่ยวนี้ก็พลาดเลย โดยโยนให้สถาบันการศึกษาไปดูแลในรายละเอียด ซื้อเวลาสร้างภาพไปก่อน แต่ที่น่าจับตาก็คือข้อสรุปของอนุกรรมการของพรรคชุดหนึ่งที่มี โสภณ พูดสว่าง เอ้ย เพชรสว่าง ส่งสัญญาณจะให้ยุบศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง จำกัดบทบาทศาลรธน. ลิดรอนอำนาจป.ป.ช.รวมไปถึงองค์กรอิสระฝ่ายตรวจสอบจนแทบเหี้ยน ขอโทษ ขอด่าหน่อยนะไอ้ทุเรศ ถามสักคำว่าถ้าจะให้ยุบศาล ยุบองค์กรอิสระ กับยุบนักการเมืองห่วยๆ กระจอกๆอย่างพวกเอ็ง สมควรจะเอาแบบไหนมากกว่ากัน ทุด !!