ASTVผู้จัดการรายวัน - ซีอีโอเครือ ASTVผู้จัดการ เผย “พานทองแท้” คือไอ้โม่งสั่งช่อง 3 ถอดละคร “เหนือเมฆ 2” ชี้พาดพิงครอบครัวถือว่ามัดตัวเอง ปูดได้ข่าวบินฮ่องกงร่วมกับ “มาลีนนท์” แถมมีคนเห็นเข้าไปในช่อง 3 ก่อนละครถูกถอดแบบอธิบายไม่ได้ เผยสงสาร “ฉัตรชัย-สินจัย” แว่วถูกถอดผู้จัด ด้าน"โอ๊คแอ๊บแมน " โพสต์เรียกร้องให้ช่อง 3 ออนแอร์ละคร "เหนือเมฆ 2" ที่เหลือจนจบ แจงละเอียดกว่าช่อง3 ฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้สด ช่อง3แจงเหตุปลดละครไม่เคลียร์ ชิ่งหนีไม่เข้าร่วมเสวนา “กสทช.”ลอยตัวหนีปัญหาอีกแล้ว สังคมออนไลน์รวมตัวประท้วงช่อง 3 อาทิตย์นี้
จากกรณีที่ช่อง 3 ได้ถอดละครเรื่อง เหนือเมฆ2 ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที โดยเฉพาะการพุ่งประเด็นที่ว่ารัฐบาลคือคนสั่งช่อง3เนื่องจากเนื้อหาของละครไปทิ่มแทงเสียดสีกับรัฐบาลและตระกูลชินวัตร
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. วานนี้ ( 8 ม.ค.) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
"ผมอยากให้ช่อง 3 อนุญาตให้ละคร เหนือเมฆ ออกอากาศตอนที่เหลือจนจบ" คือความเห็นพานทองแท้ ต่อ ปรากฏการณ์ "เหนือเมฆ" ในวงการมายาของเมืองไทยครับ
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนครับว่า ไม่เคยดูละครเรื่องนี้ และไม่เคยคิดที่จะเอาเนื้อหาของละคร ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมาวิจารณ์เลย เพราะในชีวิตจริง แค่ดูละครการเมืองเรื่อง"ประชาธิปัตย์" เพียงอย่างเดียว ก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วครับ
ผมต้องขอยกเอาคำพูดของ Voltaire นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ที่ได้พูดไว้เมื่อ 3 ร้อยปีที่แล้ว มาเป็นกรอบในการวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นดังนี้...
"Though I disagree with everything you say, I will defend to the death your right to say it."
แปลเป็นไทยว่า"ถึงแม้ฉันจะไม่เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่คุณพูด, แต่ฉันก็จะปกป้องด้วยชีวิต ในสิทธิของคุณ ที่จะพูดถึงมัน"
ถึงแม้ผมจะไม่เคยได้ดูละครเรื่องนี้ แต่เท่าที่ให้ทีมงานตรวจสอบดูในเบื้องต้นพบว่า.... (ถ้าไม่ตรง100% ต้องกราบขออภัยนะครับ เป็นการสรุปเนื้อเรื่องทั้งสิบกว่าตอน ไม่มีเวลาได้ดูเองครับ )
ในเนื้อของละครเป็นเรื่องเกี่ยวกับ นักธุรกิจที่เติบโตมาจากการสัมปทานดาวเทียม เมื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ก็มีเรื่องทุจริต โกงกิน ในที่สุดก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการถูก M79 ยิงตาย ขณะที่มางานเปิดสถานีสื่อสารมวลชน ที่ลูกของตนเป็นเจ้าของ ตัวละครก็มีทั้งชื่อ เพชร.."แท้" ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีฯ "แพร"..ไพลิน ซึ่งเป็นลูกสาวของนักธุรกิจเครือข่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่ของไทย ขาดก็แต่ ถ้าพลอตเรื่องมีชื่อ "พิณ......." อะไรซักอย่าง มาดูแลธุรกิจอสังหาฯ ของตระกูลบ้านทรายทอง ก็คงไม่ต้องเดากันว่า จะสื่อถึงใคร ประทับตราว่า "สำเนาถูกต้อง" ให้ได้เลยครับว่า นี่คือ "ตาดูดาว เท้าติดดิน ภาคพิสดาร" เพื่อทดแทนภาคแรก ที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่โดนเผด็จการแบนละครแบบถาวร ไม่ยอมให้ฉายจนถึงปัจจุบันนี้
การที่ผมโยงให้เห็นแบบนี้ ถ้าเป็นการโต้กันทางโวหาร ของนักการเมืองประเภทน้ำเน่า ก็จะต้องถูกแดกดันว่า ร้อนตัว , กินปูนร้อนท้อง , แสดงว่าโกงจึงร้อนตัว ฯลฯ แต่ผมถือว่าครั้งนี้ ผมมิได้ตอบโต้ทางการเมืองกับพรรคใด เป็นการสื่อสาร กับปัญญาชนที่เป็นคนของประชาชน ซึ่งผมชื่นชมและศรัทธาในผลงานทางการแสดงของพี่ๆ ทุกท่านมาตั้งแต่เด็ก และยืนยันว่า "ผมแยกแยะ และไม่เคยมีอคติต่อผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองเลย" แต่ก็ต้องขออนุญาตพูดให้เห็นก็เพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม ว่าการเขียนบทโดยเอาความมีอคติทางการเมือง มาเล่นสนุกกันจนล้ำเส้นแบบนี้ เป็นแง่มุมที่ผมบอกว่า "ผมไม่เห็นด้วย" ครับ
ถ้ายังมองไม่ออกว่าล้ำเส้นอย่างไร ผมยกตัวอย่างให้ก็ได้ครับว่า มันจะเป็นธรรมไหม ถ้ามีผู้จัดละครที่ชอบการเมืองอีกขั้วหนึ่ง จะทำละครเกี่ยวกับ ชีวิตของเด็กในตระกูลอำมาตย์คนหนึ่ง ถูกส่งไปเรียนนอกแต่เด็ก ถือสองสัญชาติ แต่อยากเป็นนายกฯ เรียนจบกลับมาก็หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ภาพลักษณ์ดี แต่ไฟเขียวให้เพื่อนสนิทไปรีดไถเงินจากการแต่งตั้งโยกย้าย จนปลดหนี้ครอบครัวหลายร้อยล้านบาทได้ สนับสนุนให้พรรคพวกที่เป็นนายทุนฮุบที่ดินของเกษตรกร มาเป็นสมบัติตัวเอง ปราบปรามประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ ด้วยความรุนแรง จนมีคนตายนับร้อยศพ ในที่สุดก็ถูกพิพากษาประหารชีวิต !!
ความเห็นผม ถ้ามีใครเขียนพลอตเรื่องแบบนี้ ผมจะพูด "ตรงข้าม" กับปรัชญาของ Voltaire เลยครับ ผมจะบอกว่า
"ถึงแม้ฉันจะชอบและเห็นด้วยในสิ่งที่คุณพูดมากแค่ไหน, แต่ฉันก็จะคัดค้านไม่ให้คุณสร้างละครเรื่องนี้ เพราะบางส่วนมันไปพ้องกับคนบางคน ซึ่งจะทำให้เขาเสียหายอย่างไม่เป็นธรรม"
ส่วนที่ผมบอกว่า ผมจะปกป้องสิทธิที่คุณจะพูดถึงมันนั้น ถึงแม้จะไม่ถึงกับปกป้องด้วยชีวิต เช่นในปรัชญา แต่ก็อยากที่จะขอให้ช่อง 3 อนุญาตให้ละคร"เหนือเมฆ" ได้ออนแอร์ต่อไปจนจบครับ เรื่องมันปาเข้าไปสิบกว่าตอนแล้ว เหลืออีกแค่ 1-2 ตอน ปล่อยให้จบไปก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ผมมองว่าการที่ช่อง 3 ทำแแบบนี้ ดูแล้วมันคล้ายกับการ "กิน 3 ต่อเข้าฮอส " มากกว่า
ต่อที่ 1 สิ่งที่ท่านอยากจะสื่อทางการเมืองผ่านละคร ท่านก็ได้ทำเสร็จไป 90 %แล้วครับ ตอนจบก็คงไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือส่งผลกระทบต่อผู้ใดมากกว่าตอนที่แล้วๆ
ต่อที่ 2 รัฐบาลตกเป็นจำเลยของคนดูไปเลยครับ คนดูอุตส่าห์ดูละครมาเป็นสิบตอน ใครๆ ก็รอดูตอนจบกันทั้งนั้น ดันมาสั่งให้ช่อง 3 ตัดตอนจบออก แหม...เสียอารมณ์!! คราวหน้าไม่เลือกแล้วพรรคฯนี้
ต่อที่ 3 ละครมาดังก็ตอนที่ช่อง 3ไปสั่งยกเลิกเขานี่แหละครับ รับรองว่าเอากลับมาออนแอร์เมื่อไหร่ เรทติ้งละครช่อง 3 กระฉูดราวกับ "กังนัมสไตล์" ในยูทูป เลยครับ
คืนความชอบธรรมให้กับละคร ด้วยการให้ออนแอร์ต่อเถอะครับ ถ้าช่อง 3 อนุญาต ผมเองจะรอดูตอนจบของละครด้วยตัวเอง และขอยินดีล่วงหน้ากับ การทำสถิติใหม่ ในเรทติ้งของละครช่อง 3 ด้วยครับ
*** ฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้สด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามสด ถามรัฐบาล เรื่องการใช้อำนาจเผด็จการแทรกแซงสื่อ แม้แต่ละครก็ไม่เว้น ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการับรู้ของประชาชน สะท้อนบุคลิกของผู้มีอำนาจ อย่างเช่น การจัดการกับละคร เหนือเมฆ 2 เมื่อทำเรื่องนี้ได้ ต่อไปก็จัดการกับเรื่องอื่นได้
*** ช่อง3แจงไม่เคลียร์
นายบริสุทธิ์ บูรณะสัมฤทธิ์” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ไทยทีวีสีช่อง 3
ชี้เหตุแบน “เหนือเมฆ 2” ว่า ที่งดออกอากาศไปเลยเพราะฝ่ายรายการมองว่าเนื้อหา 3 ตอนที่เหลือมันสุ่มเสี่ยง แต่ตัวเราเองก็ไม่ได้ดูว่ามันเสี่ยงยังไง เพราะทุกอย่างทั้งรายการ ละคร จะต้องผ่านฝ่ายรายการแล้วไปฝ่ายเซ็นเซอร์ แต่เราจะไม่มีการชี้แจงครับ เพราะใช้คำว่าไม่เหมาะสมไปแล้ว”
“ไม่มีเบื้องหลังครับ เพราะฝ่ายรายการจะมีเจ้าหน้าที่พิจารณาทุกอย่างแล้ว ถ้าเคสนี้เห็นว่าไม่เหมาะสมก็ควรออกอากาศ เรื่องเซ็นเซอร์ราเคยทำเป็นประจำ ไม่ใช่ไม่เคยทำ เรื่องกินเหล้า เอาปืนจ่อหัว เราก็ต้องตรวจสอบ ถือเป็นมาตรการ ไม่เกี่ยวการเมืองคนชอบโยงไปแบบนั้น อย่าเอาไปโยงสิ”
นายบริสุทธิ์กล่าวด้วยว่า 3 ตอนที่เหลือก็จะไม่มีการนำมาออกอากาศอีกครับ ไม่มีทั้งยูทิวบ์ ไม่ต้องรอดู ไม่ลงแผ่น เพราะลิขสิทธิ์ตอนนี้เป็นของเรา ไม่ใช่คุณฉัตรชัย
**ช่อง 3 ชิ่งเสวนา "เหนือเมฆ 2"
บ่ายวานนี้ ที่หอประชุมนิเทศศาสตร์ อาคารมงกุฎสมมติวงศ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดงานเสวนาเรื่อง "บอกความจริง เรื่อง เหนือเมฆ 2 : สงสารช่อง 3 หรือประชาชนดี" ขึ้น แต่ตัวแทนช่อง 3 อย่างนายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการ รวมไปถึงนายนนทรีย์ นิมิบุตร ในฐานะผู้กำกับละครเรื่องดังกล่าวซึ่งมีรายชื่อในการเสวนาไม่ได้มาเข้าร่วมแต่อย่างใด
หนึ่งในผู้เข้าร่วมเสวนา อย่าง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของการจัดการเสวนาว่าเป็นเพราะมีหลายคนเข้าใจว่าทาง กสทช. นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากทางช่อง 3 เองได้มีการอ้างว่าเหตุที่ต้องแบนละครเรื่องนี้เป็นเพราะมีเนื้อหาที่อาจจะเข้าข่ายที่จะผิดกฏหมาย กสทช. มาตรา 37 นั่นเอง
ขณะที่ช่อง 3 ส่งจดหมายชี้แจงมาแล้ว แต่ตนอยากให้อีกฝ่ายเข้ามาพูดด้วยตนเองมากกว่า พร้อมยืนยันจะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะเกรงว่าหลายคนจะเข้าใจกฏหมายมาตราที่ 37 ในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาทางกสทช.เองก็ไม่เคยนำเอากฏหมายมาตราที่ว่านี้ไปแบนอะไร เพียงแต่ใช้เตือน อย่างช่อง 3 เองก็โดนกรณีรายการไทยแลนด์ ก็อตทาเลนท์ โดนปรับไป 5 แสนบาท รวมถึงช่อง 11 ที่เอาเวลาไปถ่ายทอดสดการแข่งชกมวยเพื่อเปิดโอกาสให้อดีตนายก "ทักษิณ ชินวัตร" ออกทีวี
*** "กสทช." โยนสังคมตัดสิน
หนึ่งในคณะกรรมการกสทช. ยังยอมรับด้วยว่าเรื่องนี้คงไม่มีบทลงโทษอะไรหากพิจารณาแล้วละคร "เหนือเมฆ 2" ไม่เข้าข่ายที่จะผิดมาตรา 37 ตามที่ช่อง 3 กล่าวอ้าง รวมถึงไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับให้ทางช่องนำกลับไปออกอากาศได้หากช่อง 3 ยังคงยืนกรานว่ากระทำไปด้วยตนเองไร้การเมืองเข้าแทรกแซงซึ่งทั้งหมดคงต้องให้สังคมตัดสินกันเอาเอง ก่อนบอกถึงทางแก้ไขระยะยาวคือทำให้กฏหมายมาตรา 37 ให้ชัดเจนและเป็นแนวปฏิบัติได้
**ชาวเน็ตนัดรวมตัวประท้วงหน้าตึกมาลีนนท์
กลุ่มพลังส่งเสริมคนดี ออกชักชวนประชาชนผ่านสังคมออนไลน์ประท้วงสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ด้วยการสวมเสื้อสีขาวและใส่หน้ากากแบบภาพยนตร์เรื่อง V For Vendetta (เพชฌฆาตหน้ากากพญายม) ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ที่หน้าอาคารมาลีนนท์ ถนนพระราม 4
โดยแกนนำการรวมพลังมวลชนในครั้งนี้ใช้ชื่อว่า กลุ่มพลังส่งเสริมคนดี มีแกนนำจากผู้ใช้นามในโปรไฟล์ว่า "ใบชา" - "ปีเตอร์" - "ธนูปักเข่าไอ้เขี้ยวเงิน" และ "แคนไท"
กลุ่มคนเหล่านี้เริ่มเผยแพร่ข้อความชักชวนให้ชาวโซเชียลมีเดีย เข้าร่วมการประท้วงเชิงสัญญลักษณ์ครั้งนี้แล้วในเช้าของวันนี้และตั้งเป้าไว้ 500 คน โดยข้อความประกาศเชิญชวนมีดังนี้
"ขออนุญาตฝากข่าวค่ะในวันอาทิตย์ที่13มกราคม2556 เวลา 10.00 - 11.00 น.หน้าอาคารมาลีนนท์ ช่อง3 ถนนพระราม4 ใกล้BIGC (บิ๊กซี) พระราม4 ร่วมกันใส่ "เสื้อสีขาว&หน้ากากสีขาว (ถ้ามี) " เพื่อแสดงถึง "ศรัทธา พลังแห่งความดี" โดยถือป้ายกำลังใจทีมงาน "เหนือเมฆ2" พร้อมร่วมกันอธิษฐานแบบบทละครให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคนดีและเรียกร้องให้นำกลับมาออกอากาศอีกครั้ง
จะขอพิจารณาจำนวนผู้เข้าร่วมถึงเย็นวันพฤหัสที่10มกราคม2556เวลา23:59 น.หากจำนวนผู้เข้าร่วมแบบ "ไปร่วมแน่นอน" มีจำนวนไม่เกิน 500 คน ทางเพจฯ จะยุติการจัดกิจกรรมนี้”
**แฉไอ้โม่งโอ๊คสั่งถอดเหนือเมฆ
วานนี้ (8 ม.ค.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือ ASTVผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เฟซบุ๊กนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน กล่าวตำหนิผู้จัดละคร “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่ามีเนื้อหาเสียดสีครอบครัวชินวัตร และเรียกร้องให้ช่อง 3 ออนแอร์ละครต่อโดยอ้างว่ารัฐบาลตกเป็นจำเลยของสังคม ระบุว่า จากที่ตนได้ติดตามข่าวและตั้งข้อสังเกต ในที่สุดนายพานทองแท้ก็ให้ข่าวเรื่องละครเหนือเมฆที่พาดพิงครอบครัวตัวเอง เท่ากับเป็นการมัดมือตัวเองว่าแท้จริงแล้วตัวเองอยู่เบื้องหลังในการถอดละครเรื่องเหนือเมฆ ออกจากช่อง 3
ทั้งนี้ สังเกตได้จากช่อง 3 สั่งถอดละครเรื่องเหนือเมฆออกกะทันหัน อ้างว่าผิดต่อกฎหมาย มาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเนื้อหาในละครไม่มีความเหมาะสมตรงไหน พูดอยู่แค่คำเดียวว่า ไม่เหมาะสม ผู้บริหารไม่สามารถตอบคำถามได้เลยว่าไม่เหมาะสมตรงไหน แต่ในขณะที่นายพานทองแท้ที่ออกมาให้ข่าว สามารถบรรยายตัวละครในเรื่องเหนือเมฆที่มีความเทียบเคียงคล้ายคลึงกับครอบครัวของตนได้อย่างละเอียด ตรงกับครอบครัวของตนออกมาเลย
“การเปรียบเทียบของนายพานทองแท้ชัดเจนมากกว่าที่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กเขาเปรียบเทียบกันอีก นั่นก็แสดงว่านายพานทองแท้เป็นคนที่ติดตามหาข้อมูลในเรื่องละครเรื่องนี้มาตลอด ประกอบกับผมได้ข่าวมาแต่ผมไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า มีข่าวว่าช่วงที่ละครเหนือเมฆฉายใหม่ๆ นายพานทองแท้ได้ไปฮ่องกงกับผู้บริหารตระกูลมาลีนนท์ของช่อง 3 ซึ่งโอเคเขาอาจจะมีความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกัน แต่ก็เป็นการชี้ให้เห็นว่านายพานทองแท้สามารถต่อสายภายในกับผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 ได้ทันที แล้วที่ชัดเจนยิ่งกว่านั้นก็คือว่า ล่าสุดก่อนที่ละครเหนือเมฆจะโดนถอดกลางอากาศ มีคนเห็นนายพานทองแท้เข้าไปในช่อง 3 ไม่ทราบว่าไปทำอะไรอยู่ในช่อง 3 แล้วหลังจากนั้นไม่นานละครเหนือเมฆก็โดนถอดออกไป โดยที่ผู้บริหารช่อง 3 ไม่สามารถอธิบายอะไรต่อสังคมได้ แถมบอกว่าให้เห็นใจครอบครัวของตนด้วย” นายจิตตนาถ กล่าว
นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า ถ้าดูกันให้ดี วันนี้นายพานทองแท้มีอิทธิพลสูงมากในแวดวงผู้ใหญ่ไทย ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ซึ่งเป็นถึง รมว.กลาโหม เคยถูกนายพานทองแท้สอนมวยมาแล้วกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณยกเลิกไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพลถึงกับไปไม่เป็นเลย ขนาดรัฐมนตรีกลาโหมยังเงียบจ๋อย ก็แสดงว่านายพานทองแท้มีอิทธิพลล้นฟ้าจริงๆ ไม่ต่างจากทายาทจอมขมังเวทย์ในเรื่องเหนือเมฆเลย นับประสาอะไรกับตระกูลมาลีนนท์ จะไม่อยู่ภายใต้อุ้งเท้าของนายพานทองแท้ ชินวัตร
“ฉะนั้น การออกมาโต้ตอบทางเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ ทั้งๆ ที่เขาหายไปนาน มันเป็นเพราะเขาไม่คิดว่ากระแสสังคมจะแรงขนาดนี้ เพราะคิดว่าการที่ช่อง 3 ไม่นำเสนอข่าว เพราะช่อง 3 ถือเป็นสื่อหลัก และอีกอย่างละครเหนือเมฆเรตติ้งมันไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ก็คิดว่าพอเรื่องนี้เงียบๆ ไปคนก็ไม่สนใจ แต่ปรากฏว่าวันนี้เขาคิดผิด ทุกอย่างมันก็พุ่งเป้าไปที่ครอบครัวเขาและรัฐบาล ปรากฎว่ากลายเป็นตัวเขาเองออกมาคอนเฟิร์มให้การลิงก์เนื้อหาในละครกับตัวเขา ที่คนแทบจะไม่สนใจอยู่แล้วชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ฉะนั้นในฐานะของนักสื่อสารมวลชน ผมสามารถฟันธงได้เลยว่า นายพานทองแท้นี่แหละคือเบื้องหลังคนที่ถอดละครเรื่องเหนือเมฆตัวจริง ส่วนทีมวอร์รูมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนายสุรนันทน์ (เวชชาชีวะ) หรือว่า นางสาวศันสนีย์ (นาคพงศ์) มันเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน มันไม่มีอิทธิพลที่จะทำขนาดนั้นหรอก” นายจิตตนาถ กล่าว
ในตอนหนึ่ง นายจิตตนาถ กล่าวถึงประโยคในเฟซบุ๊กนายพานทองแท้ ที่กล่าวหาว่า ทำไมไม่เห็นมีใครทำหนังเรื่องที่เกี่ยวกับลูกอำมาตย์หนีทหาร ถามว่าที่ผ่านมาเคยมีภาพยนตร์ที่ประชดประชันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ตนไม่ได้ฝักใฝ่สี ไม่ได้ฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย แต่ตนดูภาพยนตร์เรื่องอินทรีย์แดง ของนายวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เท่าที่ทราบนายวิศิษฏ์เป็นเสื้อแดงโดยตรง ตนเคยดูเนื้อหาเรื่องอินทรีย์แดง จงใจว่านายอภิสิทธิ์โดยตรง ตรงกับที่เราเห็นว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ภาพลักษณ์ดี แต่หน้าไหว้หลังหลอก และหนังเรื่องนี้สร้างในยุคสมัยของนายอภิสิทธิ์ด้วย ถ้าใครที่ไปดูจะเห็นว่าคาแรกเตอร์ของนายกคนนี้สะท้อนนายอภิสิทธิ์ออกมาเต็มๆ อีกอย่างอินทรีย์แดงก็เป็นสัญลักษณ์ของภาคประชาชนที่ต่อสู้ เขาพยายามหมายถึงพวกเสื้อแดงที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมของอำนาจรัฐ ก็คืออำนาจอำมาตย์ เท่าที่นายพานทองแท้บอกว่าไม่เคยมีใครสร้างละคร ไม่จริง อย่างน้อยหนังเรื่องอินทรีย์แดงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า นายอภิสิทธิ์เคยโดนด่าแบบนี้ไปแล้วถ้าใครจะมอง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวอยากจะเรียกร้องอะไรกับช่อง 3 เหมือนกับที่นายพานทองแท้เรียกร้องให้ออนแอร์ละครเรื่องเหนือเมฆที่เหลือหรือไม่ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ถ้าตนจะเรียกร้อง ก็เรียกร้องอยากที่จะให้ตระกูลมาลีนนท์คืนสัมปทานช่อง 3 ดีกว่า แล้วให้มีการประมูลสัมปทานช่อง 3 ใหม่ เพราะว่าจริงๆ แล้วช่อง 3 เป็นคลื่นสาธารณะ ไม่ใช่คลื่นของตระกูลใดตระกูลหนึ่งหรือกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ช่อง 3 เป็นคลื่นของประชาชน ฉะนั้นถ้ามาทำช่อง 3 อุ้มฝ่ายข่าวที่สนองการเมือง แต่ไปกดดันฝ่ายละครซึ่งไม่ได้ไปทำเรื่องที่มันเสียหาย แต่เชิดชูจริยธรรมความดีให้เกิดขึ้นในสังคม แต่กลับไปแบนเขา กำลังทำหายนะให้เกิดขึ้นในฟรีทีวีสาธารณะ ฉะนั้นตระกูลมาลีนนท์ไม่มีคุณสมบัติที่จะบริหารช่อง 3 ต่อไป
“ตระกูลมาลีนนท์อยากจะไปทำทีวีดาวเทียม อยากจะไปช่วยนายพานทองแท้ทำวอยซ์ ทีวี ก็ไปทำ คือพูดง่ายๆ คืนสัมปทานช่อง 3 ไปเถอะ แล้วไปช่วยนายพานทองแท้บริหารวอยซ์ ทีวี เอาให้เหมือนช่อง 3 เลยดีกว่า ยกทีมครอบครัวข่าวทั้งหมดไปเลย แล้วก็เลือกผู้จัดละครที่มันพร้อมที่จะเลียตัวเองไปเลย สิ่งที่ผมกังวลที่สุด ผมสงสารทางคุณนก-ฉัตรชัย และคุณนก-สินจัย (เปล่งพานิช) และดาราในเรื่องเหนือเมฆมากกว่า เพราะงานนี้นายพานทองแท้ไม่พอใจบุคคลเหล่านี้มาก แว่วมาเลยว่าคุณนก สินจัย และคุณนก ฉัตรชัย น่าจะโดนถอดจากผู้จัด ผมว่าอนาคตในการเป็นนักแสดงของช่อง 3 ก็ค่อยๆ มืดลงไปด้วย เพราะว่าตอนนี้อิทธิพลเขาล้นฟ้าเหลือเกิน สังเกตได้จากทุกเรื่องของนายพานทองแท้ และตระกูลมาลีนนท์นี่ก็รับใช้แบบไม่เกรงใจแบบหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว” นายจิตตนาถ กล่าว
นายจิตตนาถ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนฝากกำลังใจให้กับทีมดารา นักแสดงช่องนี้ อยากที่จะให้มีมาตรการโซเชียล แซงชั่น ให้มันรุนแรงมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในโซเชียล เน็ตเวิร์ก การออกมาแสดงพลังกันในเรื่องของการถอดโฆษณา และอยากจะเห็น กสทช. ไม่ใช่เป็นแค่องค์กรที่ทำหน้าที่รับใช้กลุ่มทุนและการเมืองเท่านั้น ตนเห็นว่า กสทช. วันนี้ใช้ไม่ได้ นี่ก็คือสิ่งที่ตนอยากจะเห็น แต่บอกได้เลยว่านายพานทองแท้นี่แหละคือไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่คนอื่น