ASTVผู้จัดการรายวัน - ซีทีเอชเพิ่มทุนเป็น 25,000 ล้านบาทลุยเคเบิลทีวี จากเดิมวางไว้ 20,000 ล้านบาท คาดคุ้มทุน 3 ปี พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 58 ด้วยรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เคาะ 3 แพกเกจรับคอนเทนต์พรีเมียร์ลีก มั่นใจสิ้นปีมีกำไร หลังปีก่อนขาดทุน 300 ล้านบาท
นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH เปิดเผยว่า จากเดิมบริษัทฯได้คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท สำหรับการวางโครงข่ายและซื้อคอนเทนต์ในการพัฒนาธุรกิจเคเบิลทีวีท้องถิ่น อย่างไรก็ตามคาดว่างบประมาณดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอ ส่าสุดจึงได้ปรับแผนใหม่ด้วยการเพิ่มทุนหรือใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้
ทั้งนี้เริ่มจากเฟสแรกได้ทางธนาคาร กรุงเทพ จำกัด
(มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. พัฒนาโครงข่าย 3,000 ล้านบาท 2.เงินทุนสำหรับใช้ในการดำเนินงานทั่วไป 1,000 ล้านบาท และ 3. เงินทุน 10,000 ล้านบาท ในการซื้อคอนเทนต์ รวมถึงค่าลิขสิทธิ์ประจำปีของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก(EPL) ที่ได้มา โดยทยอยจ่ายแบบรายปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ตามจำนวนเวลาลิขสิทธิ์
โดยบริษัทฯจะเริ่มดำเนินการลงทุนต่อเนื่องในเฟสที่ 2 ภายในปลายปีนี้ โดยจะยังคงจับมือกับธนาคารกรุงเทพ เพียงรายเดียวที่จะเข้ามาสนับสนุนทางด้านการเงิน ซึ่งการลงทุนในเฟส2นี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุนอีกราว 10,000 กว่าล้านบาท สำหรับมุ่งขยายเน็ตเวิร์ค ไฟเบอร์ออฟติก ในรูปแบบไฟเบอร์ทูโฮม รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีบรอดแบนด์ โดยมองว่าจะสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2558 จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีเดียวกัน
ในส่วนของการเชื่อมต่อสัญญาณไฟเบอร์ออฟฟิกนั้น ขณะนี้เชื่อมต่อได้แล้วกว่า 50% จากจำนวนผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศ 350 ราย หรือคิดเป็นจำนวนสมาชิกที่รับชมได้ประมาณ 2 ล้านครัวเรือน ภายในเดือนก.พ.-มี.ค. น่าจะมีสมาชิกเป็น 3 ล้านครัวเรือน และภายในสิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านครัวเรือน และเป็น 7 ล้านครัวเรือนในอีก 3 ปีตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้
ส่วนแพกเกจการรับชมเคเบิลทีวีท้องถิ่นนั้น ขณะนี้วางไว้ 3 แพกเกจหลัก คือ 1. แพกเกจปกติไม่รวมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก EPL ราคา 399 บาทต่อเดือน 2.แพกเกจปกติ +EPL(พรีเมียร์ลีกทุกแมทช์) วางไว้ไม่เกิน 1,000 บาท และ 3. แพกเกจปกติ +EPL (พรีเมียร์ลีกทุกแมทช์)+อินเทอร์เน็ตปลายปี (ยังไม่ได้เคาะราคา) โดยเชื่อว่าหลังให้บริการEPL แพกเกจตั้งแต่เดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป จากฐานสมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือน จะซื้อEPLแพกเกจราว 2 ล้านครัวเรือน
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ภายในเดือนก.พ.นี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมปรับโลโก้ CTH ใหม่ โดยการเปิดตัวครั้งนี้จะได้เห็นแนวทางการดำเนินงานของซีทีเอช รวมถึงเป้ารายได้ของสิ้นปีนี้ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่สามารถกล่าวได้เพียงว่า ปีนี้ซีทีเอชจะมีรายได้ดีกว่าปีก่อนพร้อมมีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 300 ล้านบาท
สำหรับรายได้ของซีทีเอชนั้น จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1.โปรฟิตแชร์ริ่งจากสมาชิกที่รับชม 20% 2.จากEPL 80% โดยเฉพาะรายได้จากEPLนั้น ขณะนี้ได้เริ่มมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและเขมรแล้ว กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับเพย์ทีวี ส่วนแนวทางในการลงทุนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมมือกันในรูปแบบใด
อย่างไรก็ตามในส่วนของหุ้น 20% ของซีทีเอชที่ยังเหลืออยู่นั้น นายวิชัยกล่าวด้วยว่า ยังไม่ต้องรีบร้อนหาผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด โดยยังคงพร้อมเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเจรจา ซึ่งผู้ถือหุ้นใหม่ครั้งนี้ ต้องการกลุ่มธุรกิจที่สามารถผนึกกำลังกับธุรกิจเดิมให้ดียิ่งขึ้น โดยอาจจะมีมากกว่า 1 รายก็เป็นได้ เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปได้พร้อมกับการเซ็นสัญญากับทางEPL ภายในเดือนก.พ.นี้ หรืออาจจะล่าช้าออกไปเล็กน้อย
นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH เปิดเผยว่า จากเดิมบริษัทฯได้คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท สำหรับการวางโครงข่ายและซื้อคอนเทนต์ในการพัฒนาธุรกิจเคเบิลทีวีท้องถิ่น อย่างไรก็ตามคาดว่างบประมาณดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอ ส่าสุดจึงได้ปรับแผนใหม่ด้วยการเพิ่มทุนหรือใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้
ทั้งนี้เริ่มจากเฟสแรกได้ทางธนาคาร กรุงเทพ จำกัด
(มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. พัฒนาโครงข่าย 3,000 ล้านบาท 2.เงินทุนสำหรับใช้ในการดำเนินงานทั่วไป 1,000 ล้านบาท และ 3. เงินทุน 10,000 ล้านบาท ในการซื้อคอนเทนต์ รวมถึงค่าลิขสิทธิ์ประจำปีของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก(EPL) ที่ได้มา โดยทยอยจ่ายแบบรายปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ตามจำนวนเวลาลิขสิทธิ์
โดยบริษัทฯจะเริ่มดำเนินการลงทุนต่อเนื่องในเฟสที่ 2 ภายในปลายปีนี้ โดยจะยังคงจับมือกับธนาคารกรุงเทพ เพียงรายเดียวที่จะเข้ามาสนับสนุนทางด้านการเงิน ซึ่งการลงทุนในเฟส2นี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุนอีกราว 10,000 กว่าล้านบาท สำหรับมุ่งขยายเน็ตเวิร์ค ไฟเบอร์ออฟติก ในรูปแบบไฟเบอร์ทูโฮม รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีบรอดแบนด์ โดยมองว่าจะสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2558 จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีเดียวกัน
ในส่วนของการเชื่อมต่อสัญญาณไฟเบอร์ออฟฟิกนั้น ขณะนี้เชื่อมต่อได้แล้วกว่า 50% จากจำนวนผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศ 350 ราย หรือคิดเป็นจำนวนสมาชิกที่รับชมได้ประมาณ 2 ล้านครัวเรือน ภายในเดือนก.พ.-มี.ค. น่าจะมีสมาชิกเป็น 3 ล้านครัวเรือน และภายในสิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านครัวเรือน และเป็น 7 ล้านครัวเรือนในอีก 3 ปีตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้
ส่วนแพกเกจการรับชมเคเบิลทีวีท้องถิ่นนั้น ขณะนี้วางไว้ 3 แพกเกจหลัก คือ 1. แพกเกจปกติไม่รวมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก EPL ราคา 399 บาทต่อเดือน 2.แพกเกจปกติ +EPL(พรีเมียร์ลีกทุกแมทช์) วางไว้ไม่เกิน 1,000 บาท และ 3. แพกเกจปกติ +EPL (พรีเมียร์ลีกทุกแมทช์)+อินเทอร์เน็ตปลายปี (ยังไม่ได้เคาะราคา) โดยเชื่อว่าหลังให้บริการEPL แพกเกจตั้งแต่เดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป จากฐานสมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือน จะซื้อEPLแพกเกจราว 2 ล้านครัวเรือน
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ภายในเดือนก.พ.นี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมปรับโลโก้ CTH ใหม่ โดยการเปิดตัวครั้งนี้จะได้เห็นแนวทางการดำเนินงานของซีทีเอช รวมถึงเป้ารายได้ของสิ้นปีนี้ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่สามารถกล่าวได้เพียงว่า ปีนี้ซีทีเอชจะมีรายได้ดีกว่าปีก่อนพร้อมมีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 300 ล้านบาท
สำหรับรายได้ของซีทีเอชนั้น จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1.โปรฟิตแชร์ริ่งจากสมาชิกที่รับชม 20% 2.จากEPL 80% โดยเฉพาะรายได้จากEPLนั้น ขณะนี้ได้เริ่มมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและเขมรแล้ว กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับเพย์ทีวี ส่วนแนวทางในการลงทุนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมมือกันในรูปแบบใด
อย่างไรก็ตามในส่วนของหุ้น 20% ของซีทีเอชที่ยังเหลืออยู่นั้น นายวิชัยกล่าวด้วยว่า ยังไม่ต้องรีบร้อนหาผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด โดยยังคงพร้อมเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเจรจา ซึ่งผู้ถือหุ้นใหม่ครั้งนี้ ต้องการกลุ่มธุรกิจที่สามารถผนึกกำลังกับธุรกิจเดิมให้ดียิ่งขึ้น โดยอาจจะมีมากกว่า 1 รายก็เป็นได้ เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปได้พร้อมกับการเซ็นสัญญากับทางEPL ภายในเดือนก.พ.นี้ หรืออาจจะล่าช้าออกไปเล็กน้อย