ASTVผู้จัดการรายวัน - ทรูวิชั่นส์เปิดศึกแมสสู้เคเบิลทีวี หั่นราคาทรูโนวเลจลงกว่าครึ่งเหลือ 299 บาท หวังชิงฐานคนดูกลุ่มเสาก้างปลา มั่นใจเพิ่มลูกค้าแมสอีก 30%ในสิ้นปีนี้ พร้อมอัดงบกว่า 6,500 ล้านบาท สู่ยุทธศาสตร์ใหม่หลังวืดพรีเมียร์ลีก มุ่งเพิ่มคอนเทนต์ ปรับแพกเกจพรีเมี่ยมใหม่ ขยายเพิ่มช่องเอชดี หวังยึดฐานลูกค้าระดับบนไม่ให้หลุดมือ
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทรูวิชั่นส์ได้วางแผนยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ ภายหลังจากที่ไม่มีคอนเทนต์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกแล้ว ซึ่งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกที่บริษทฯถือลิขสิทธิ์อยู่นั้นจะจบลงเดือน พ.ค.นี้ ดังนั้นหนึ่งในแผนยุทธ์ศาสตร์ของปีนี้ คือ การมุ่งเพิ่มคอนเทนต์ที่ดีมีคุณภาพมากกว่าเดิมมาทดแทนพรีเมียร์ลีกที่หลุดไป ภายใต้งบการซื้อคอนเทนต์ใหม่ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท จากเดิมในปีก่อนๆจะใช้ราว 5,000 กว่าล้านบาท ซึ่งปีนี้จะใช้เพิ่มมากขึ้นในการหาคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศมาเสริมทัพ
โดยขณะนี้ได้ทำการสำรวจสมาชิกว่าต้องการคอนเทนต์อะไรเพิ่มหากไม่มีพรีเมียร์ลีก ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ต้องการให้เพิ่มช่องรายการภาพยนตร์ รวมถึงช่องเอชดีให้มีมากขึ้น ดังนั้นภายหลังจากเดือน พ.ค.นี้ สำหรับลูกค้าระดับพรีเมี่ยม แพกเกจ จะได้เห็นการปรับรูปแบบรายการใหม่ แต่จะไม่มีการปรับลดราคาลงมา
“แผนสำหรับพรีเมี่ยม แพกเกจ จะมุ่งหาคอนเทนต์รายการดีๆมานำเสนอมากขึ้น ทั้งภาพยนตร์ กีฬาอื่นๆมาเสริมทัพ เช่น วอลเล่ย์บอล อเมริกันกีฬา กีฬาเอาท์ดอร์ และกอล์ฟ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทฯยังเตรียมงบประมาณอีกส่วนหนึ่งกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งไม่เกี่ยวกับงบซื้อคอนเทนต์ 6,000 ล้านบาท สำหรับพัฒนารูปแบบการออกอากาศในระบบเอชดีมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกที่ต้องการให้มีช่องเอชดีมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วกว่า 17 ช่อง ส่วนจะเพิ่มอีกกี่ช่องนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแผน”
อย่างไรก็ตามปีนี้ทางบริษัทฯจะให้ความสำคัญทั้งลูกค้าระดับพรีเมียมและกลุ่มแมสมากขึ้นด้วย ล่าสุดในกลุ่มแมสนั้น ได้เปิดตัวแพกเกจใหม่ คือ ทรูโนว-เลจ แพกเกจ โดยการปรับราคาลงมาเป็น 299 บาทต่อเดือน จากเดิมราคาปกติ 495 บาทต่อเดือน พร้อมเพิ่มจำนวนช่องรายการจาก 78 ช่อง ให้ครบเป็น 90 ช่องภายในเดือนเม.ย.นี้ โดยแพกเกจใหม่นี้เจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่ 15 ม.ค.นี้เป็นต้นไป
ส่วนลูกค้าเดิมที่ใช้แพกเกจดังกล่าว บริษัทฯจะปรับแพกเกจใหม่ให้เป็น ซูเปอร์สปอร์ตแพ็ก ที่มีช่องรายการให้ชมกว่า 83 ช่อง พร้อมช่องเอชดีอีก 3 ช่อง โดยจะมีการเปลี่ยนกล่องให้เป็นกล่องเอชดีด้วย ในราคาเดิมที่ 495 บาทต่อเดือน จากปกติซูเปอร์สปอร์ตแพ็ก ราคา 650 บาทต่อเดือน ทั้งนี้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกในกลุ่มแมสเพิ่มอีก 30%
จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกกลุ่มนี้กว่า 3.5 แสนรหัส
นายอาณัติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันฐานสมาชิกของทรูวิชั่นส์รวมแล้วมีกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน โดยกว่า 40% เป็นกลุ่มแมส และอีก 60% เป็นกลุ่มพรีเมี่ยมและมิดเทียร์ อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะให้ความสำคัญในตลาดแมสมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่พบว่ากลุ่มแมสที่ยังรับชมผ่านเสาก้างปลาและดาวเทียมยังมีอยู่กว่า 10 ล้านครัวเรือน ดังนั้นการเปิดตัวแพกเกจทรูโนวเลจในราคา299 บาทต่อเดือนครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการสมาชิกจากฐาน 10 ล้านครัวเรือนนี้นั่นเอง ขณะนี้รายได้จากกลุ่มแมสนั้น ปัจจุบันยังอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมด โดยมองว่าการมารุกตลาดแมสครั้งนี้ จะสามารถเพิ่มรายได้จากกลุ่มแมสเป็น 20%ได้ หรือมีลูกค้ากลุ่มแมสเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในอนาคต
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทรูวิชั่นส์ได้วางแผนยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ ภายหลังจากที่ไม่มีคอนเทนต์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกแล้ว ซึ่งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกที่บริษทฯถือลิขสิทธิ์อยู่นั้นจะจบลงเดือน พ.ค.นี้ ดังนั้นหนึ่งในแผนยุทธ์ศาสตร์ของปีนี้ คือ การมุ่งเพิ่มคอนเทนต์ที่ดีมีคุณภาพมากกว่าเดิมมาทดแทนพรีเมียร์ลีกที่หลุดไป ภายใต้งบการซื้อคอนเทนต์ใหม่ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท จากเดิมในปีก่อนๆจะใช้ราว 5,000 กว่าล้านบาท ซึ่งปีนี้จะใช้เพิ่มมากขึ้นในการหาคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศมาเสริมทัพ
โดยขณะนี้ได้ทำการสำรวจสมาชิกว่าต้องการคอนเทนต์อะไรเพิ่มหากไม่มีพรีเมียร์ลีก ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ต้องการให้เพิ่มช่องรายการภาพยนตร์ รวมถึงช่องเอชดีให้มีมากขึ้น ดังนั้นภายหลังจากเดือน พ.ค.นี้ สำหรับลูกค้าระดับพรีเมี่ยม แพกเกจ จะได้เห็นการปรับรูปแบบรายการใหม่ แต่จะไม่มีการปรับลดราคาลงมา
“แผนสำหรับพรีเมี่ยม แพกเกจ จะมุ่งหาคอนเทนต์รายการดีๆมานำเสนอมากขึ้น ทั้งภาพยนตร์ กีฬาอื่นๆมาเสริมทัพ เช่น วอลเล่ย์บอล อเมริกันกีฬา กีฬาเอาท์ดอร์ และกอล์ฟ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทฯยังเตรียมงบประมาณอีกส่วนหนึ่งกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งไม่เกี่ยวกับงบซื้อคอนเทนต์ 6,000 ล้านบาท สำหรับพัฒนารูปแบบการออกอากาศในระบบเอชดีมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกที่ต้องการให้มีช่องเอชดีมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วกว่า 17 ช่อง ส่วนจะเพิ่มอีกกี่ช่องนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแผน”
อย่างไรก็ตามปีนี้ทางบริษัทฯจะให้ความสำคัญทั้งลูกค้าระดับพรีเมียมและกลุ่มแมสมากขึ้นด้วย ล่าสุดในกลุ่มแมสนั้น ได้เปิดตัวแพกเกจใหม่ คือ ทรูโนว-เลจ แพกเกจ โดยการปรับราคาลงมาเป็น 299 บาทต่อเดือน จากเดิมราคาปกติ 495 บาทต่อเดือน พร้อมเพิ่มจำนวนช่องรายการจาก 78 ช่อง ให้ครบเป็น 90 ช่องภายในเดือนเม.ย.นี้ โดยแพกเกจใหม่นี้เจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่ 15 ม.ค.นี้เป็นต้นไป
ส่วนลูกค้าเดิมที่ใช้แพกเกจดังกล่าว บริษัทฯจะปรับแพกเกจใหม่ให้เป็น ซูเปอร์สปอร์ตแพ็ก ที่มีช่องรายการให้ชมกว่า 83 ช่อง พร้อมช่องเอชดีอีก 3 ช่อง โดยจะมีการเปลี่ยนกล่องให้เป็นกล่องเอชดีด้วย ในราคาเดิมที่ 495 บาทต่อเดือน จากปกติซูเปอร์สปอร์ตแพ็ก ราคา 650 บาทต่อเดือน ทั้งนี้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกในกลุ่มแมสเพิ่มอีก 30%
จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกกลุ่มนี้กว่า 3.5 แสนรหัส
นายอาณัติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันฐานสมาชิกของทรูวิชั่นส์รวมแล้วมีกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน โดยกว่า 40% เป็นกลุ่มแมส และอีก 60% เป็นกลุ่มพรีเมี่ยมและมิดเทียร์ อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะให้ความสำคัญในตลาดแมสมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่พบว่ากลุ่มแมสที่ยังรับชมผ่านเสาก้างปลาและดาวเทียมยังมีอยู่กว่า 10 ล้านครัวเรือน ดังนั้นการเปิดตัวแพกเกจทรูโนวเลจในราคา299 บาทต่อเดือนครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการสมาชิกจากฐาน 10 ล้านครัวเรือนนี้นั่นเอง ขณะนี้รายได้จากกลุ่มแมสนั้น ปัจจุบันยังอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมด โดยมองว่าการมารุกตลาดแมสครั้งนี้ จะสามารถเพิ่มรายได้จากกลุ่มแมสเป็น 20%ได้ หรือมีลูกค้ากลุ่มแมสเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในอนาคต