17,000 กว่าคะแนนที่พี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลา เทให้กับคุณสมศักดิ์ ตันติเศรณี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 มกรามคม ที่ผ่านมา ทำให้เขาได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกเทศบาลนครสงขลาแทนคุณพีระฯ คุณสมศักดิ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณพีระ ตันติเศรณี นายกเทศบาลนครสงขลาที่ถูกฆ่ากลางเมืองสงขลาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ในช่วงที่คุณพีระฯ เป็นนายกฯ เขาดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ชัยชนะจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทำให้ภาระอันหนักอึ้งที่เขาและทีมงานประกาศต่อสาธารณะว่าจะสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพีระฯ ซึ่งสอดคล้องกับอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการของคนส่วนใหญ่ในเขตเทศบาลนครสงขลา ภาระอันหนักอึ้งจึงตกอยู่บนบ่าของคุณสมศักดิ์และทีมงาน
นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของประเทศในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ สื่อทุกสำนักเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แสดงให้เห็นว่าท้องถิ่นเป็นหัวใจของการปกครองที่ได้รับการยอมรับกันมากขึ้น ว่าถ้าหากผู้ปกครองท้องถิ่นมีความคิดความอ่านที่ชัดเจนที่จะกำหนดทิศทางและเป้าหมายของการพัฒนาได้อย่างมีอัตลักษณ์ มีรูปธรรมซึ่งทุกเมืองที่เป็นท้องถิ่นของประเทศล้วนมีเอกลักษณ์ที่จะให้พัฒนาไปหรือมีปัญหาที่หมักหมมจากระบบการเมืองแบบเก่าๆ ให้ต้องรื้อฟื้นปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง โดยอาศัยวิชาการ อาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในท้องถิ่นนั้นๆ แต่ก็มีท้องถิ่นไม่มากนักที่จะแหวกกรอบและวงล้อมของการเมืองในรูปแบบเก่าไปได้ง่ายๆ รูปแบบการเมืองแบบเก่าๆ ที่นักการเมืองใช้ตำแหน่งหน้าที่และอำนาจมาเป็นอาชีพในการทำมาหากินกันในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง การพยายามแหวกออกจากกรอบดังกล่าวมีแรงเสียดทานที่สูงลิ่ว จนพีระ ตันติเศรณีต้องสังเวยด้วยชีวิตอย่างที่ทราบๆ กัน
การประกาศสืบทอดสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพีระ ตันติเศรณี จึงนับเป็นความกล้าหาญของคุณสมศักดิ์ ตันติเศรณี และทีมงานเป็นอย่างยิ่ง และคนในเขตเทศบาลนครสงขลาก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว จึงเทคะแนนให้พวกเขาอย่างท่วมท้น พวกเขาจึงควรที่จะได้รับความชื่นชมในความกล้าหาญและควรจะได้รับกำลังใจ เพราะสิ่งที่พวกเขาจะต้องเจอในการบริหารเทศบาลนครสงขลาในอนาคตก็คือ แรงเสียดทานทางการเมืองที่ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้งที่หมักหมมมายาวนาน การเข้าไปแตะในบางเรื่อง บางประเด็นอันเป็นแหล่งผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองเก่าที่เกาะกินกันมายาวนานเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความตั้งใจและความซื่อสัตย์สุจริตเท่านั้นถึงจะจัดการกับปัญหาต่างๆให้จบลงได้
ถึงวันนี้ก็อยากให้กำลังใจทีมงานและคุณสมศักดิ์ฯ ในการทำงานเพื่อทำให้เทศบาลนครสงขลาเป็นเมืองที่พัฒนาไปอย่างมีรากฐานที่อิงอยู่กับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็นเมืองที่สร้างความสงบสุขให้กับผู้คน ทั้งในเขตเทศบาลนครหรือผู้คนที่ผ่านเข้ามาในเมืองแห่งนี้ ว่ามาที่นี่แล้วรู้สึกสุขสงบร่มเย็น ปลอดภัยในการใช้ชีวิตฯลฯ เทศบาลนครสงขลาเป็นเมืองที่มีต้นทุนทั้งในแง่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันสวยงามที่ไม่มีเมืองไหนมีมากเท่า มีเมืองเก่าที่มีชีวิตชีวา มีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์
วิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาและกำหนดแผนการพัฒนาของคุณพีระฯ มีเป็นตัวอย่างให้เห็น ไม่ว่าการนำหลักวิชาการในการแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งด้วยการใช้โครงสร้างอ่อน ทำให้สามารถรักษาหาดชลาทัศน์เอาไว้ได้ การกำหนดให้ป่าสนสันทรายชายหาดที่แหลมสนอ่อนให้เป็นพื้นที่สีเขียวและปอดของเมือง คือสิ่งที่คนสงขลาชื่นชมและเห็นด้วยว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ควรจะถูกแทนที่ด้วยสิ่งก่อสร้างที่ไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ การประกาศขัดขวางโครงการสร้างกระเช้าลอยฟ้าข้ามฝั่งสงขลาไปยังฝั่งหัวเขาแดง นับเป็นความกล้าหาญที่คุณพีระฯ ได้แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง และเป็นชนวนเหตุที่สำคัญที่ทำให้เขาต้องเอาชีวิตไปสังเวย ซึ่งในความเป็นจริงคุณพีระฯ ไม่ได้ขัดขวางแบบไร้เหตุผล แต่เขาได้นำเสนอในสิ่งที่สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวที่กลมกลืนและไม่ทำลาย เขาเสนอใช้พื้นที่ดังกล่าวทำโครงการ “เฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช อุทยานธรรมชาติป่าสนสมิหลาแหลมสนอ่อนนครสงขลา ( Samira Beach Tine Forest Park Soson Cape Songkhla City) อย่างที่ทราบกัน ซึ่งโครงการดังกล่าวก็ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและได้ผ่านการอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาให้ดำเนินโครงการดังกล่าว ด้วยงบประมาณขั้นต้นจำนวน 15 ล้านบาท เรื่องนี้ทีมงานคุณสมศักดิ์ฯสามารถสานต่อได้โดยไม่ยาก
แต่ที่ต้องให้กำลังใจทีมบริหารเทศบาลนครสงขลาที่คิดจะสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพีระฯ อย่างน้อยๆ 2 เรื่องที่ต้องใช้ทั้งความรู้ เจตนาและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นอย่างสูงถึงจะบรรลุเจตนารมณ์ของคุณพีระฯ ได้นั่นก็คือ
1. การทำให้เมืองสงขลาปราศจากมลพิษที่จะกระทบต่อชีวิตของผู้คน กรณีสถานที่เก็บสารกัมมันตภาพรังสีกลางเมือง คือสิ่งที่ยังคาราคาซังและยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะต้องย้ายออกไปจากเมืองเมื่อไหร่ และเอาไปจัดเก็บที่ไหนที่ให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่จะไม่ให้เป็นอันตรายกับชีวิตของผู้คน ทั้งคนในเมืองและนอกเมือง นี่คือหนึ่งในความตั้งใจของคุณพีระฯ ที่แลกเปลี่ยนกับผู้เขียนหลายครั้ง
2. การขุดเจาะน้ำมันที่เตรียมขยายพื้นที่ต่อเนื่องมาใกล้ฝั่งสงขลาของบริษัทนิวคอสตอล (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซี อี ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (สาขาประเทศไทย) ซึ่งจะทำเวทีรับฟังความคิดเห็นแปลงสำรวจหมายเลข G5/43 ในวงเล็กๆ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 9 มกรา ที่โรงแรมบีพีสมิหรา การประชุมครั้งแรกคุณพีระฯ ประกาศไม่เห็นด้วย เพราะไม่สามารถหามาตรการดูแลอาชีพประมงที่ล่มสลายในคาบสมุทรสทิงพระได้ ในขณะเดียวกันเขาก็เชื่อมโยงถึงปัญหาของประเทศที่ยังตกเป็นเบี้ยล่างของบริษัทต่างชาติในเรื่องพลังงาน หากเขายังมีชีวิตอยู่เขาจะเดินหน้าคัดค้านโครงการนี้จนถึงที่สุด คำถามจึงมีว่าเจตนารมณ์ในข้อนี้ของทีมบริหารเทศบาลนครสงขลาชุดใหม่จะหาญกล้าต่อกรกับบริษัทต่างชาตินี้หรือไม่?
อย่างไรก็แล้วแต่ ก็ขอให้กำลังใจคุณสมศักดิ์ ตันติเศรณี และทีมงานทุกๆ คน ความกล้าหาญของพวกท่านที่กล้าประกาศสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพีระ ตันติเศรณีนับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และวันนี้คนในเขตเทศบาลนครสงขลาก็เชื่อใจและให้โอกาสพวกท่าน และคิดว่าพวกท่านต้องทำงานหนักแน่นอน เพราะเจตนารมณ์ของคุณพีระ ตันติเศรณีเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เป็นการคิดที่เรียกกันว่า Think Globally Act Locally ที่ยากนักที่นักการเมืองต่างๆ จะทำได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ ขอให้เอาผลประโยชน์ของสังคมและประชาชนเป็นตัวตั้งแล้วท่านจะไม่โดดเดี่ยวในการเดินไปข้างหน้าอย่างแน่นอน.