ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" ยัน 1 สัปดาห์ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ลาออกแน่ "ปลัดฯกทม." ยันยังไม่ได้รับหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ ลั่นไม่หนักใจดีเอสไอฟ้อง 9 ม.ค.นี้ไปตามนัดแน่ ด้าน“มท.2”จ่อเบรกสัมปทานรถไฟฟ้า ด้าน "กรุงเทพธนาคม" เปิดโต๊ะเคลียร์ ปชป.ยังส่งคุณชายชัวร์-พท.เปิดสเปกผู้สมัคร
วานนี้ ( 3 ม.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกระแสข่าวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้วว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นปลัดฯกทม. ที่ต้องเป็นผู้รับหนังสือเป็นคนแรก ยังไม่เห็นหนังสือลาออกแต่อย่างใด และในวันนี้ทาง ผู้ว่าฯ กทม.และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยื่นหนังสือลาออกวันนี้
"ส่วนกรณีที่ดีเอสไอ จะเรียกตนเองเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา กรณีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมกับผู้ว่าฯกทม. และคนอื่นๆ ในวันที่ 9 ม.ค.นี้นั้น ตนเองไม่หนักใจ พร้อมที่จะไปรายงานตัวตามขั้นตอนของกฎหมายในวันเวลาดังกล่าว ซึ่งเหตุผลที่มีตนเองเข้าไปอยู่ร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วยทั้งที่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ปลัดฯกทม.ในช่วงนั้น เพราะได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักจราจรกทม. จึงต้องเป็นผู้ที่เข้าข่ายดังกล่าว"นางนินนาท กล่าว
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด(เคที) แถลงชี้แจงว่า บริษัทฯได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกกรณี โดยตระหนักและคำนึงถึงความขัดแย้งทางการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและกทม. ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านการตรวจสอบ จากที่ปรึกษากฎหมายทั้งของบริษัทฯและกทม.ถึงอำนาจหน้าที่กทม.ที่ได้ระบุตามกฎหมาย นอกจากนั้นยังได้ผ่านการพิจารณาคัดกรองจากสภากทม.ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากทั้งสองพรรคการเมือง ดังนั้นโครงการนี้จึงผ่านการคิดพิจารณา ทั้งจากนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกว่า 200 ท่านใช้เวลาพิจารณากว่า 3 ปี อย่างถี่ถ้วนในทุกประเด็น ทุกความเสี่ยงในการดำเนินการ
ประเด็นการปฏิบัติตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 (ปว.58) นั้นเป็นปฐมบทแห่งการเริ่มวิเคราะห์ความเสี่ยงโครงการด้านกฎหมาย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า โครงการนี้ไม่ขัดต่อปว.58 โดยสาระสำคัญคือ การให้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นที่ปรึกษากฎหมายของประเทศ ตามเรื่องเสร็จที่ 252/2525 ที่ให้ความเห็นว่า ปว. 58 มุ่งบังคับกับเอกชนไม่ใช่รัฐ โดยได้พิจารณาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสองแห่งคือ การไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวง ว่าการดำเนินการของทั้งสองหน่วยงานไม่ต้องปฏิบัติตามปว.58 เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานมีกฎหมายคือพระราชบัญญัติที่ให้อำนาจในการดำเนินกิจการของตนไว้แล้ว เช่นเดียวกับกทม. มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 มาตรา 89 (8) ให้ดำเนินกิจการขนส่งได้ นอกจากนั้นในปว.58 ข้อ 6 ได้ระบุไว้ด้วยว่า กรณีที่มีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยกิจการดังกล่าว ก็ให้ปฏิบัติไปตามกฎหมายว่าด้วยกิจการนั้น โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่กทม.ดำเนินการจึงสอดคล้องกับปว 58 ที่กทม.มีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการด้านการขนส่งในเขตพื้นที่ตนเอง
ในประเด็นที่สองการเข้าไปเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานของกระทรวงมหาดไทยนั้น ขอชี้แจงว่า สัญญาที่เกิดขึ้นทั้งจากกทม.และจากบีทีเอสซี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระใดๆในสัมปทานเดิมที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ทำไว้กับกระทรวงมหาดไทย นอกเหนือจากนั้นการทำสัญญาจ้างบีทีเอสซียังเป็นประโยชน์ ต่อประชาชนผู้เดินทาง เช่น การเพิ่มเติมประตูกั้นผู้โดยสารเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง การเพิ่มขบวนรถทำให้ผู้โดยสารได้ใช้รถไฟที่ใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนการจ้างบีทีเอสซีเดินรถต่อไปอีก 13 ปีเมื่อหมดสิทธิตามสัญญาสัมปทานนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสัญญาสัมปทานที่ให้ทรัพย์สินทั้งหมดในสัญญาสัมปทานตกเป็นของกทม. ไม่ได้ตกเป็นของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การใช้ทรัพย์สินเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน
“ขอย้ำว่า การที่บีทีเอสซีนำรถมาวิ่งรับผู้โดยสารในส่วนต่อขยายหรือการที่บีทีเอสซีมาเดินรถหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน เป็นเพียงผู้รับจ้างเดินรถและได้รับเพียงค่าจ้างเท่านั้น จึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงถ้าเทียบกับการเป็นผู้รับสัมปทาน การที่นักการเมืองไปร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐเพื่อตรวจสอบนั้นถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง หากสังเกตจะพบสิ่งชี้นำ ที่ต้องการนำเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้เกิดความระแวงสงสัยในการดำเนินงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โดยลงเนื้อหาข่าววันเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติเลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครผู้ว่าฯกทม. และที่สำคัญขอย้ำว่าการดำเนินโครงการต่างๆของกทม. คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและราชการเป็นที่ตั้ง สร้างทางเลือกในการเดินทางให้กับประชาชน ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัย ในส่วนของราชการประหยัดงบประมาณ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพื่อหวังให้เกิดผลต่อการลดปัญหาจราจรในเมือง เช่น เมืองใหญ่ๆทั่วโลกที่ทำสำเร็จมาแล้ว“ นายอมร กล่าว
**'มท.2' จ่อเบรกสัมปทานรถไฟฟ้า
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ดีเอสไอทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย พิจารณายกเลิกสัญญาการอนุมัติให้ขยายอายุสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าว่า ทางกระทรวงมหาดไทยต้องรับเรื่องไว้ และมาพิจารณาดูว่าขอบเขตอำนาจของกระทรวงมหาดไทยมีแค่ไหน หากต้องยกเลิกก็ต้องยกเลิก เพราะมีกฎหมายกฎระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าข้อมูลของดีเอสไอน่าจะเพียงพอในการตัดสินใจหรือไม่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ข้อมูลน่าจะพร้อมตัดสินใจได้ ทั้งนี้ยังไม่เห็นข้อมูล ข้อเท็จจริง ว่าผิดพลาด บกพร่องตรงไหน โดยหลักต้องดูว่า กทม.ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย หรือถูกต้องตามระเบียบ แบบแผน การจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ มันมีระเบียบอยู่แล้ว ก็ต้องไปตรวจดู และเมื่อเกิดความเสียหาย ใครทำให้เกิดความเสียหาย และวิธีแก้ความเสียหายกระทรวงมหาดไทยต้องทำอย่างไร ดังนั้นจึงขอดูข้อมูลก่อน.
**มาร์ค'ยัน 1สัปดาห์คุณณชายลาออกแน่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คุณสุขุมพันธุ์นั้น พูดไปตั้งแต่วันที่แถลงข่าวกับผมแล้วว่าท่านจะลาออกแน่ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ท่านได้แสดงน้ำใจนักกีฬา ท่านพูดชัดเลยบอกว่า ไม่ประสงค์ที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่ง แม้ว่าจะเป็นการรักษาการ โดยจะทำให้เกิดปัญหาว่าการแข่งขันไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่ท่านได้ยืนยันไปแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจะเป็นวันไหน ก็คงจะภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านก็เริ่มดำเนินการไป
ส่วนกรณีของการถูก หรือการที่บอกว่าจะมีการแจ้งข้อหา อันนี้ก็มี 2 ประเด็น ในเนื้อหาสาระของมันที่อ้างว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ท่านผู้ว่าฯ ก็ชี้แจง ท่านรองฯ ธีระชน (มโนมัยพิบูลย์) ก็ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าได้ดูข้อกฎหมายอะไรอย่างไร มีการปรึกษาเทียบเคียงกับกรณีต่างๆ อย่างไร การดำเนินการครั้งนี้นั้นเป็นการทำสัญญาในเรื่องของการจ้างการบริหารจัดการ ไม่ใช่การร่วมทุน อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทาง กทม. ยืนยันมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการทบทวนเรื่องตัวบุคคลในการส่งเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “คือในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรนะครับ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่มีการชี้แจงกันมาแล้ว แล้วก็ก่อนหน้านี้ ทางกรุงเทพมหานคร เคยทำเรื่องไปถึงทางกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย เพื่อชี้ให้เห็นว่าข้อกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอ้าง ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องกรณีนี้ หรือเกี่ยวกับตัวอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอเอง ก็ได้โต้แย้งไป แล้วก็ดูเหมือนในขณะนั้นจะเงียบไป เพราะฉะนั้นก็สุดแล้วแต่จะมองนะครับ แต่ดูว่าจังหวะเวลาก็แปลกดีครับ เดิมบอกจะทำ พอถูกโต้แย้งไปก็เงียบ แต่พอทันทีที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งปั๊บ ก็มีการกลับมาแจ้งอีก”
“คิดว่าเราหวั่นไหวไม่ได้หรอกครับ เพราะว่านี่คือแนวทางที่กำลังจะมีการดำเนินการเล่นงานฝ่ายค้าน โดยอาศัยดีเอสไอเป็นเครื่องมือ จะเห็นนะครับว่า เวลามีเรื่องอะไรขึ้นมานิดหน่อย โต้แย้งกัน หรือทำนองที่จะเป็นกระแสในการกล่าวหาทางคนของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ เราจะเห็นว่าทางพรรคเพื่อไทย ไม่มีขยับที่จะไป ปปช. หรือจะขยับไปองค์กรที่เป็นกลาง เป็นอิสระเลยครับ บอกแต่อย่างเดียวว่า จะไป ดีเอสไอ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งครับ”
**ปชป.ยังส่งคุณชาย-พท.สเปกผู้สมัคร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.จาก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เป็นบุคคลอื่นแม้ว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ก็พร้อมที่จะชี้แจงในทุกประเด็นและต่อสู้ตามกฎหมาย
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้กำลังจะได้ตัวผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยแล้ว ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้โยนคำถามไปยังประชาชนว่าต้องการผู้ว่าฯที่เข้ามาแก้ไขปัญหาแบบไหน ซึ่งเสียงตอบรับต้องการการแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด จึงทำให้เห็นผู้สมัครลางๆว่าจะเป็นใคร อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคจะตัดสินใจ
**กกต.แจงคุณชายไม่ขาดคุณสมบัติ
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานกกต. กล่าวถึงกรณีคุณสมบัติการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ว่า ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 และพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545 ระบุคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไว้เหมือนกันคือไม่เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลที่เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในกรณีของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ดีเอสไอเพียงแจ้งข้อกล่าวหา ถือเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น
นายศุภพงษ์ กฤษณพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กทม. กล่าวว่า ได้จัดเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไว้ 2 แนวทาง คือ หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ คือ ในวันที่ 10 มกราคม นี้ จะเปิดรับสมัคร วันที่ 16-20 มกราคม พร้อมกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ แต่หากลาออกก่อน ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน หรือไม่เกินวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คาดว่าจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน นอกจากนี้ ทาง กทม.ได้สั่งการให้ทั้ง 50 เขต ประสานขอให้โรงเรียนในแต่ละพื้นที่ที่เป็นสถานที่จัดการเลือกตั้ง .
**ลือ!เซ็นใบลาออกก่อนบินเขมร
มีรายงานแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้เซ็นลาออกจากตำแหน่งผู้ว่ากทม.ไว้แล้วก่อนบินไปราชการยังประเทศกัมพูชา คาดว่าจะมีการยื่นในลาออกในต้นสัปดาห์หน้า
วานนี้ ( 3 ม.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกระแสข่าวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้วว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นปลัดฯกทม. ที่ต้องเป็นผู้รับหนังสือเป็นคนแรก ยังไม่เห็นหนังสือลาออกแต่อย่างใด และในวันนี้ทาง ผู้ว่าฯ กทม.และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยื่นหนังสือลาออกวันนี้
"ส่วนกรณีที่ดีเอสไอ จะเรียกตนเองเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา กรณีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมกับผู้ว่าฯกทม. และคนอื่นๆ ในวันที่ 9 ม.ค.นี้นั้น ตนเองไม่หนักใจ พร้อมที่จะไปรายงานตัวตามขั้นตอนของกฎหมายในวันเวลาดังกล่าว ซึ่งเหตุผลที่มีตนเองเข้าไปอยู่ร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วยทั้งที่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ปลัดฯกทม.ในช่วงนั้น เพราะได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักจราจรกทม. จึงต้องเป็นผู้ที่เข้าข่ายดังกล่าว"นางนินนาท กล่าว
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด(เคที) แถลงชี้แจงว่า บริษัทฯได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกกรณี โดยตระหนักและคำนึงถึงความขัดแย้งทางการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและกทม. ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านการตรวจสอบ จากที่ปรึกษากฎหมายทั้งของบริษัทฯและกทม.ถึงอำนาจหน้าที่กทม.ที่ได้ระบุตามกฎหมาย นอกจากนั้นยังได้ผ่านการพิจารณาคัดกรองจากสภากทม.ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากทั้งสองพรรคการเมือง ดังนั้นโครงการนี้จึงผ่านการคิดพิจารณา ทั้งจากนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกว่า 200 ท่านใช้เวลาพิจารณากว่า 3 ปี อย่างถี่ถ้วนในทุกประเด็น ทุกความเสี่ยงในการดำเนินการ
ประเด็นการปฏิบัติตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 (ปว.58) นั้นเป็นปฐมบทแห่งการเริ่มวิเคราะห์ความเสี่ยงโครงการด้านกฎหมาย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า โครงการนี้ไม่ขัดต่อปว.58 โดยสาระสำคัญคือ การให้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นที่ปรึกษากฎหมายของประเทศ ตามเรื่องเสร็จที่ 252/2525 ที่ให้ความเห็นว่า ปว. 58 มุ่งบังคับกับเอกชนไม่ใช่รัฐ โดยได้พิจารณาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสองแห่งคือ การไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวง ว่าการดำเนินการของทั้งสองหน่วยงานไม่ต้องปฏิบัติตามปว.58 เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานมีกฎหมายคือพระราชบัญญัติที่ให้อำนาจในการดำเนินกิจการของตนไว้แล้ว เช่นเดียวกับกทม. มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 มาตรา 89 (8) ให้ดำเนินกิจการขนส่งได้ นอกจากนั้นในปว.58 ข้อ 6 ได้ระบุไว้ด้วยว่า กรณีที่มีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยกิจการดังกล่าว ก็ให้ปฏิบัติไปตามกฎหมายว่าด้วยกิจการนั้น โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่กทม.ดำเนินการจึงสอดคล้องกับปว 58 ที่กทม.มีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการด้านการขนส่งในเขตพื้นที่ตนเอง
ในประเด็นที่สองการเข้าไปเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานของกระทรวงมหาดไทยนั้น ขอชี้แจงว่า สัญญาที่เกิดขึ้นทั้งจากกทม.และจากบีทีเอสซี ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระใดๆในสัมปทานเดิมที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ทำไว้กับกระทรวงมหาดไทย นอกเหนือจากนั้นการทำสัญญาจ้างบีทีเอสซียังเป็นประโยชน์ ต่อประชาชนผู้เดินทาง เช่น การเพิ่มเติมประตูกั้นผู้โดยสารเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง การเพิ่มขบวนรถทำให้ผู้โดยสารได้ใช้รถไฟที่ใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนการจ้างบีทีเอสซีเดินรถต่อไปอีก 13 ปีเมื่อหมดสิทธิตามสัญญาสัมปทานนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสัญญาสัมปทานที่ให้ทรัพย์สินทั้งหมดในสัญญาสัมปทานตกเป็นของกทม. ไม่ได้ตกเป็นของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้การใช้ทรัพย์สินเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน
“ขอย้ำว่า การที่บีทีเอสซีนำรถมาวิ่งรับผู้โดยสารในส่วนต่อขยายหรือการที่บีทีเอสซีมาเดินรถหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน เป็นเพียงผู้รับจ้างเดินรถและได้รับเพียงค่าจ้างเท่านั้น จึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงถ้าเทียบกับการเป็นผู้รับสัมปทาน การที่นักการเมืองไปร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐเพื่อตรวจสอบนั้นถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง หากสังเกตจะพบสิ่งชี้นำ ที่ต้องการนำเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้เกิดความระแวงสงสัยในการดำเนินงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โดยลงเนื้อหาข่าววันเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติเลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครผู้ว่าฯกทม. และที่สำคัญขอย้ำว่าการดำเนินโครงการต่างๆของกทม. คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและราชการเป็นที่ตั้ง สร้างทางเลือกในการเดินทางให้กับประชาชน ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัย ในส่วนของราชการประหยัดงบประมาณ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพื่อหวังให้เกิดผลต่อการลดปัญหาจราจรในเมือง เช่น เมืองใหญ่ๆทั่วโลกที่ทำสำเร็จมาแล้ว“ นายอมร กล่าว
**'มท.2' จ่อเบรกสัมปทานรถไฟฟ้า
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ดีเอสไอทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย พิจารณายกเลิกสัญญาการอนุมัติให้ขยายอายุสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าว่า ทางกระทรวงมหาดไทยต้องรับเรื่องไว้ และมาพิจารณาดูว่าขอบเขตอำนาจของกระทรวงมหาดไทยมีแค่ไหน หากต้องยกเลิกก็ต้องยกเลิก เพราะมีกฎหมายกฎระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าข้อมูลของดีเอสไอน่าจะเพียงพอในการตัดสินใจหรือไม่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ข้อมูลน่าจะพร้อมตัดสินใจได้ ทั้งนี้ยังไม่เห็นข้อมูล ข้อเท็จจริง ว่าผิดพลาด บกพร่องตรงไหน โดยหลักต้องดูว่า กทม.ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย หรือถูกต้องตามระเบียบ แบบแผน การจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ มันมีระเบียบอยู่แล้ว ก็ต้องไปตรวจดู และเมื่อเกิดความเสียหาย ใครทำให้เกิดความเสียหาย และวิธีแก้ความเสียหายกระทรวงมหาดไทยต้องทำอย่างไร ดังนั้นจึงขอดูข้อมูลก่อน.
**มาร์ค'ยัน 1สัปดาห์คุณณชายลาออกแน่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คุณสุขุมพันธุ์นั้น พูดไปตั้งแต่วันที่แถลงข่าวกับผมแล้วว่าท่านจะลาออกแน่ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ท่านได้แสดงน้ำใจนักกีฬา ท่านพูดชัดเลยบอกว่า ไม่ประสงค์ที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่ง แม้ว่าจะเป็นการรักษาการ โดยจะทำให้เกิดปัญหาว่าการแข่งขันไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่ท่านได้ยืนยันไปแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจะเป็นวันไหน ก็คงจะภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านก็เริ่มดำเนินการไป
ส่วนกรณีของการถูก หรือการที่บอกว่าจะมีการแจ้งข้อหา อันนี้ก็มี 2 ประเด็น ในเนื้อหาสาระของมันที่อ้างว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ท่านผู้ว่าฯ ก็ชี้แจง ท่านรองฯ ธีระชน (มโนมัยพิบูลย์) ก็ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าได้ดูข้อกฎหมายอะไรอย่างไร มีการปรึกษาเทียบเคียงกับกรณีต่างๆ อย่างไร การดำเนินการครั้งนี้นั้นเป็นการทำสัญญาในเรื่องของการจ้างการบริหารจัดการ ไม่ใช่การร่วมทุน อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทาง กทม. ยืนยันมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีการทบทวนเรื่องตัวบุคคลในการส่งเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “คือในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรนะครับ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่มีการชี้แจงกันมาแล้ว แล้วก็ก่อนหน้านี้ ทางกรุงเทพมหานคร เคยทำเรื่องไปถึงทางกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย เพื่อชี้ให้เห็นว่าข้อกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอ้าง ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องกรณีนี้ หรือเกี่ยวกับตัวอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอเอง ก็ได้โต้แย้งไป แล้วก็ดูเหมือนในขณะนั้นจะเงียบไป เพราะฉะนั้นก็สุดแล้วแต่จะมองนะครับ แต่ดูว่าจังหวะเวลาก็แปลกดีครับ เดิมบอกจะทำ พอถูกโต้แย้งไปก็เงียบ แต่พอทันทีที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งปั๊บ ก็มีการกลับมาแจ้งอีก”
“คิดว่าเราหวั่นไหวไม่ได้หรอกครับ เพราะว่านี่คือแนวทางที่กำลังจะมีการดำเนินการเล่นงานฝ่ายค้าน โดยอาศัยดีเอสไอเป็นเครื่องมือ จะเห็นนะครับว่า เวลามีเรื่องอะไรขึ้นมานิดหน่อย โต้แย้งกัน หรือทำนองที่จะเป็นกระแสในการกล่าวหาทางคนของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ เราจะเห็นว่าทางพรรคเพื่อไทย ไม่มีขยับที่จะไป ปปช. หรือจะขยับไปองค์กรที่เป็นกลาง เป็นอิสระเลยครับ บอกแต่อย่างเดียวว่า จะไป ดีเอสไอ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งครับ”
**ปชป.ยังส่งคุณชาย-พท.สเปกผู้สมัคร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.จาก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เป็นบุคคลอื่นแม้ว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ก็พร้อมที่จะชี้แจงในทุกประเด็นและต่อสู้ตามกฎหมาย
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้กำลังจะได้ตัวผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยแล้ว ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้โยนคำถามไปยังประชาชนว่าต้องการผู้ว่าฯที่เข้ามาแก้ไขปัญหาแบบไหน ซึ่งเสียงตอบรับต้องการการแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด จึงทำให้เห็นผู้สมัครลางๆว่าจะเป็นใคร อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคจะตัดสินใจ
**กกต.แจงคุณชายไม่ขาดคุณสมบัติ
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานกกต. กล่าวถึงกรณีคุณสมบัติการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ว่า ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 และพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545 ระบุคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไว้เหมือนกันคือไม่เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลที่เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในกรณีของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ดีเอสไอเพียงแจ้งข้อกล่าวหา ถือเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น
นายศุภพงษ์ กฤษณพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กทม. กล่าวว่า ได้จัดเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไว้ 2 แนวทาง คือ หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ คือ ในวันที่ 10 มกราคม นี้ จะเปิดรับสมัคร วันที่ 16-20 มกราคม พร้อมกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ แต่หากลาออกก่อน ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน หรือไม่เกินวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คาดว่าจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน นอกจากนี้ ทาง กทม.ได้สั่งการให้ทั้ง 50 เขต ประสานขอให้โรงเรียนในแต่ละพื้นที่ที่เป็นสถานที่จัดการเลือกตั้ง .
**ลือ!เซ็นใบลาออกก่อนบินเขมร
มีรายงานแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้เซ็นลาออกจากตำแหน่งผู้ว่ากทม.ไว้แล้วก่อนบินไปราชการยังประเทศกัมพูชา คาดว่าจะมีการยื่นในลาออกในต้นสัปดาห์หน้า