ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสายตรงภาคสนาม เพจสื่อออนไลน์ ซึ่งมักนำเสนอรายงานข่าว ตีแผ่เบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของรัฐบาล ได้นำเสนอ"ฉายารัฐสภา แบบฉบับสายตรงภาคสนาม" มีเนื้อหาดังนี้
วาทะแห่งปี : “ผมต่อให้ท่าน 2 ต่อ 1 อย่านิรโทษผม อย่านิรโทษนายสุเทพ และอย่านิรโทษพันตำรวจโททักษิณ” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอภิปรายถึงแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ 5 เม.ย. 55
เหตุการณ์แห่งปี : “การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง” เหตุการณ์ความวุ่นวายในสภา ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรพยายามเดินหน้าบรรจุวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของบรรดา ส.ส.ฝ่ายค้านในสภา ที่มีการถกเถียงกันว่ากฎหมายดังกล่าวนอกจากล้างผิดพันตำรวจโททักษิณแล้ว ยังเข้าข่ายกฎหมายการเงินที่ส่งผลให้รัฐต้องคืนเงินพันตำรวจโททักษิณที่ได้อายัติไว้ ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ในที่สุดประธานสภาก็ไม่สนใจเสียงทักท้วงตามข้อบังคับ ใช้อำนาจดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาตามคำสั่งนายใหญ่ 31 พ.ค. 55
สภาผู้แทนราษฎร : “สภานาซี” สะท้อนภาพลักษณ์การทำงานเผด็จการรัฐสภา ใช้เสียงข้างมากผ่านประธานสภา ผลักดันเรื่องต่างๆที่ต้องการตามคำสั่งนายใหญ่ ไม่สนความแตกแยกที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดจากการทำงานของประธานที่ลุแก่อำนาจ จนเกิดปัญหาบ่อยครั้ง เสียงข้างน้อยไม่มีค่าแม้ว่าเป็นเรื่องถูกต้องก็ตาม เป็นรูปแบบประชาธิปไตยที่ไม่ต่างจากระบบนาซี
วุฒิสภา : “ตัวแปรการเมือง” เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การเมืองพลิกผันได้โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมีการลงมติวาระ 3 ซึ่งวุฒิสภาบางส่วนก็ถูกชี้นำโดยรัฐบาล โดยเฉพาะที่มาจากสายเลือกตั้ง แต่บางส่วนก็ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างแข็งขัน จึงต้องรอดูว่าวุฒิสภาจะใช้อำนาจเพื่อเป็นตัวแปรของประเทศชาติ หรือจะเป็นตัวแปรทางการเมือง เพื่อการเมืองของทักษิณ ชินวัตร
ประธานสภาผู้แทนราษฎร : “ค้อนแดงทุบสภา” สะท้อนการทำงานลุแก่อำนาจของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มักเป็นต้นเหตุความวุ่นวายในสภา ด้วยการทำหน้าที่อย่างลำเอียงไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะการบรรจุร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่สภาอย่างเร่งด่วน ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นปัญหาทั้งในและนอกสภา นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมเสื่อมในเรื่องการใช้งบประมาณดูงานต่างประเทศอย่างสิ้นเปลือง เพื่อไปดูฟุตบอลศึกวันแดงเดือด ทั้งที่รัฐสภาจีนมีคำเชิญไปร่วมงานเวสเทิร์นไซน่าแฟร์ จึงถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียแก่รัฐสภาไทย
ประธานวุฒิสภา : “วิ่งราวสาวตำแหน่ง” เป็นภาพลักษณ์ของนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ที่มีความกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา โดยรีบออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพลเอกธีรเดช มีเพียร พ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คดีขึ้นเงินเดือนตัวเองเมื่อครั้งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน และได้มีการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร : “หล่อลุยโคลน” ตลอดปีที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ถูกมรสุมการเมืองรุมเร้าในหลายเรื่อง ทั้งการขัดขวางการทำงานจากคนเสื้อแดง และการทำหน้าที่ในสภาที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากรัฐบาลใช้เสียงข้างมาก ลากไปตามความต้องการของตัวเอง โดยเฉพาะกรณีพยายามช่วยเหลือพันตำรวจโททักษิณ รื้อรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และผลักดันการนิรโทษกรรมจนกระทั่งเกิดเหตุวุ่นวายในสภาที่กระทบภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า “ถ้าภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหาย แต่สามารถสกัดกั้นกฎหมายที่ทำลายชาติได้ ก็ยอมรับที่จะเสียภาพลักษณ์” และยังถูกดำเนินคดีจากการควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในปี 53 ด้วยการยัดเยียดข้อกล่าวหาฆาตกร จึงเป็นปีที่นายอภิสิทธิ์ต้องลุยโคลนเพื่อรักษาความถูกต้องและพิสูจน์ความจริง
ดาวดับ : “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี” แสดงถึงท่าทีที่ไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภาหลายครั้ง ทั้งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะให้ความร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาต่างๆ และมีพฤติกรรม “หนีสภา” หลายต่อหลายครั้ง มอบหมายให้รัฐมนตรีหรือรองนายกฯเป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนตัวเองหลายครั้งเกินความจำเป็น สายตรงภาคสนามจึงให้ตำแหน่งนี้ต่อจากนักข่าวสายสภาที่ให้เมื่อปีที่แล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ดาวเด่น : “นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์” มีบทบาทโดดเด่นทั้งบู๊และบุ๋น ที่เป็นตัวละครเอกในการขัดขวางการบรรจุร่างพ.ร.บ.ล้างผิดคนโกงเข้าสู่สภา และยังถือว่าเป็นต้นแบบส.ส.เขต ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยในปีที่แล้ว และโครงการจำนำข้าวที่มีการทุจริตคอรัปชั่น โดยนายแพทย์วรงค์ได้เกาะติดเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เปิดโปงการโครงการรัฐบาลที่เอื้อให้มีการทุจริต ทั้งการสวมสิทธิ์ เวียนเทียน เอื้อประโยชน์เอกชน เป็นไม้เบื่อไม่เมากับนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ รมว.พาณิชย์ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งออกข้าวระบบจีทูจี ที่สุดท้ายนายแพทย์วรงได้เปิดโปงว่ามีการเอื้อบริษัทเอกชน นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นประธานนโยบายข้าวแห่งชาติ และล่าสุดได้ตรวจสอบพบเส้นทางการฟอกเงินจากโครงการดังกล่าวในธนาคารภายในประเทศ
ถ่อยสภา : “จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย” จากแกนนำคนเสื้อแดงสู่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พฤติกรรมเสมอต้นเสมอปลาย เถื่อนถ่อย สถุล ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นจอมประท้วง ชวนหาเรื่องในสภา ที่มักปะทะคารมกับนางสาวรังสิมา รอดรัศมี / นายบุญยอด สุขถิ่นไทย / และนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อยู่เป็นประจำ ชอบใช้คำหยาบด่ากลางสภาจนประธานต้องบอกให้ถอนคำพูดบ่อยครั้ง ล่าสุดพูดจาละเมิดสิทธิสตรีต่อนางสาวรังสิมา จนเป็นเหตุให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรม
ถ่วงสภา : “ร้อยตำรวจเอกปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ” เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ในซีกฝ่ายค้าน ที่ไม่มีบทบาทอันใดในสภา ไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ไม่เป็นประโยชน์ต่อสภา เรียกได้ว่าเป็นผู้แทนที่นั่งกินเงินเดือน หายใจทิ้งไปวันๆ
คู่กัดแห่งปี : “รังสิมา รอดรัศมี / ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ” เป็นคู่กัดขาประจำตลอดทั้งปี หากนางสาวรังสิมาลุกขึ้นประท้วง จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ก็จะลุกขึ้นประท้วงขัดขวางการทำหน้าที่ของนางสาวรังสิมา และเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งปี โดยใช้ถ้อยคำหยาบและละเมิดทางเพศทั้ง “นางสาวรังสิมาฉี่ฉุน” “ถ้าฝันว่าได้นอนกับรังสิมา” ซึ่งนางสาวรังสิมาเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำในสายตาประชาชน แต่ในภายหลังก็มีความเคลือบแคลงสงสัยจากภาพหลุดที่ทั้งสองคนทำรูปหัวใจหลังจากออกรายการคมชัดลึก ทำให้ประชาชนเกิดทัศนะคติด้านลบต่อบุคคลทั้งสอง ว่าที่แท้จริงแล้วไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ถ้อยคำละเมิดทางเพศแต่อย่างใด
คนดีศรีสภา : “นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์” ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ที่ปัจจุบันยังทำหน้าที่อย่างแข็งขันในฐานะ ส.ส.ที่มีวินัย เคารพต่อระบบรัฐสภา แม้ป่วยก็เข้าร่วมประชุมสภาไม่เคยขาด จนถูกหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว รวมถึงวันที่แม่ถ้วน หลีกภัย เสียชีวิต ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในสภา ก่อนจะไปรับศพมารดาในภายหลัง ตลอดชีวิตทางการเมืองได้ชื่อว่าเป็นนายกฯที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเป็นสุภาพบุรุษและเคารพระบบรัฐสภา จนสามารถเป็นต้นแบบให้กับส.ส.รุ่นใหม่ได้
วาทะแห่งปี : “ผมต่อให้ท่าน 2 ต่อ 1 อย่านิรโทษผม อย่านิรโทษนายสุเทพ และอย่านิรโทษพันตำรวจโททักษิณ” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอภิปรายถึงแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ 5 เม.ย. 55
เหตุการณ์แห่งปี : “การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง” เหตุการณ์ความวุ่นวายในสภา ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรพยายามเดินหน้าบรรจุวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของบรรดา ส.ส.ฝ่ายค้านในสภา ที่มีการถกเถียงกันว่ากฎหมายดังกล่าวนอกจากล้างผิดพันตำรวจโททักษิณแล้ว ยังเข้าข่ายกฎหมายการเงินที่ส่งผลให้รัฐต้องคืนเงินพันตำรวจโททักษิณที่ได้อายัติไว้ ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ในที่สุดประธานสภาก็ไม่สนใจเสียงทักท้วงตามข้อบังคับ ใช้อำนาจดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาตามคำสั่งนายใหญ่ 31 พ.ค. 55
สภาผู้แทนราษฎร : “สภานาซี” สะท้อนภาพลักษณ์การทำงานเผด็จการรัฐสภา ใช้เสียงข้างมากผ่านประธานสภา ผลักดันเรื่องต่างๆที่ต้องการตามคำสั่งนายใหญ่ ไม่สนความแตกแยกที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดจากการทำงานของประธานที่ลุแก่อำนาจ จนเกิดปัญหาบ่อยครั้ง เสียงข้างน้อยไม่มีค่าแม้ว่าเป็นเรื่องถูกต้องก็ตาม เป็นรูปแบบประชาธิปไตยที่ไม่ต่างจากระบบนาซี
วุฒิสภา : “ตัวแปรการเมือง” เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การเมืองพลิกผันได้โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมีการลงมติวาระ 3 ซึ่งวุฒิสภาบางส่วนก็ถูกชี้นำโดยรัฐบาล โดยเฉพาะที่มาจากสายเลือกตั้ง แต่บางส่วนก็ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างแข็งขัน จึงต้องรอดูว่าวุฒิสภาจะใช้อำนาจเพื่อเป็นตัวแปรของประเทศชาติ หรือจะเป็นตัวแปรทางการเมือง เพื่อการเมืองของทักษิณ ชินวัตร
ประธานสภาผู้แทนราษฎร : “ค้อนแดงทุบสภา” สะท้อนการทำงานลุแก่อำนาจของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มักเป็นต้นเหตุความวุ่นวายในสภา ด้วยการทำหน้าที่อย่างลำเอียงไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะการบรรจุร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่สภาอย่างเร่งด่วน ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นปัญหาทั้งในและนอกสภา นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมเสื่อมในเรื่องการใช้งบประมาณดูงานต่างประเทศอย่างสิ้นเปลือง เพื่อไปดูฟุตบอลศึกวันแดงเดือด ทั้งที่รัฐสภาจีนมีคำเชิญไปร่วมงานเวสเทิร์นไซน่าแฟร์ จึงถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียแก่รัฐสภาไทย
ประธานวุฒิสภา : “วิ่งราวสาวตำแหน่ง” เป็นภาพลักษณ์ของนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ที่มีความกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา โดยรีบออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพลเอกธีรเดช มีเพียร พ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คดีขึ้นเงินเดือนตัวเองเมื่อครั้งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน และได้มีการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร : “หล่อลุยโคลน” ตลอดปีที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ถูกมรสุมการเมืองรุมเร้าในหลายเรื่อง ทั้งการขัดขวางการทำงานจากคนเสื้อแดง และการทำหน้าที่ในสภาที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากรัฐบาลใช้เสียงข้างมาก ลากไปตามความต้องการของตัวเอง โดยเฉพาะกรณีพยายามช่วยเหลือพันตำรวจโททักษิณ รื้อรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และผลักดันการนิรโทษกรรมจนกระทั่งเกิดเหตุวุ่นวายในสภาที่กระทบภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า “ถ้าภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหาย แต่สามารถสกัดกั้นกฎหมายที่ทำลายชาติได้ ก็ยอมรับที่จะเสียภาพลักษณ์” และยังถูกดำเนินคดีจากการควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในปี 53 ด้วยการยัดเยียดข้อกล่าวหาฆาตกร จึงเป็นปีที่นายอภิสิทธิ์ต้องลุยโคลนเพื่อรักษาความถูกต้องและพิสูจน์ความจริง
ดาวดับ : “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี” แสดงถึงท่าทีที่ไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภาหลายครั้ง ทั้งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะให้ความร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาต่างๆ และมีพฤติกรรม “หนีสภา” หลายต่อหลายครั้ง มอบหมายให้รัฐมนตรีหรือรองนายกฯเป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนตัวเองหลายครั้งเกินความจำเป็น สายตรงภาคสนามจึงให้ตำแหน่งนี้ต่อจากนักข่าวสายสภาที่ให้เมื่อปีที่แล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ดาวเด่น : “นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์” มีบทบาทโดดเด่นทั้งบู๊และบุ๋น ที่เป็นตัวละครเอกในการขัดขวางการบรรจุร่างพ.ร.บ.ล้างผิดคนโกงเข้าสู่สภา และยังถือว่าเป็นต้นแบบส.ส.เขต ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยในปีที่แล้ว และโครงการจำนำข้าวที่มีการทุจริตคอรัปชั่น โดยนายแพทย์วรงค์ได้เกาะติดเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เปิดโปงการโครงการรัฐบาลที่เอื้อให้มีการทุจริต ทั้งการสวมสิทธิ์ เวียนเทียน เอื้อประโยชน์เอกชน เป็นไม้เบื่อไม่เมากับนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ รมว.พาณิชย์ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งออกข้าวระบบจีทูจี ที่สุดท้ายนายแพทย์วรงได้เปิดโปงว่ามีการเอื้อบริษัทเอกชน นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นประธานนโยบายข้าวแห่งชาติ และล่าสุดได้ตรวจสอบพบเส้นทางการฟอกเงินจากโครงการดังกล่าวในธนาคารภายในประเทศ
ถ่อยสภา : “จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย” จากแกนนำคนเสื้อแดงสู่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พฤติกรรมเสมอต้นเสมอปลาย เถื่อนถ่อย สถุล ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นจอมประท้วง ชวนหาเรื่องในสภา ที่มักปะทะคารมกับนางสาวรังสิมา รอดรัศมี / นายบุญยอด สุขถิ่นไทย / และนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อยู่เป็นประจำ ชอบใช้คำหยาบด่ากลางสภาจนประธานต้องบอกให้ถอนคำพูดบ่อยครั้ง ล่าสุดพูดจาละเมิดสิทธิสตรีต่อนางสาวรังสิมา จนเป็นเหตุให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรม
ถ่วงสภา : “ร้อยตำรวจเอกปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ” เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ในซีกฝ่ายค้าน ที่ไม่มีบทบาทอันใดในสภา ไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ไม่เป็นประโยชน์ต่อสภา เรียกได้ว่าเป็นผู้แทนที่นั่งกินเงินเดือน หายใจทิ้งไปวันๆ
คู่กัดแห่งปี : “รังสิมา รอดรัศมี / ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ” เป็นคู่กัดขาประจำตลอดทั้งปี หากนางสาวรังสิมาลุกขึ้นประท้วง จ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ก็จะลุกขึ้นประท้วงขัดขวางการทำหน้าที่ของนางสาวรังสิมา และเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งปี โดยใช้ถ้อยคำหยาบและละเมิดทางเพศทั้ง “นางสาวรังสิมาฉี่ฉุน” “ถ้าฝันว่าได้นอนกับรังสิมา” ซึ่งนางสาวรังสิมาเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำในสายตาประชาชน แต่ในภายหลังก็มีความเคลือบแคลงสงสัยจากภาพหลุดที่ทั้งสองคนทำรูปหัวใจหลังจากออกรายการคมชัดลึก ทำให้ประชาชนเกิดทัศนะคติด้านลบต่อบุคคลทั้งสอง ว่าที่แท้จริงแล้วไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ถ้อยคำละเมิดทางเพศแต่อย่างใด
คนดีศรีสภา : “นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์” ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ที่ปัจจุบันยังทำหน้าที่อย่างแข็งขันในฐานะ ส.ส.ที่มีวินัย เคารพต่อระบบรัฐสภา แม้ป่วยก็เข้าร่วมประชุมสภาไม่เคยขาด จนถูกหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว รวมถึงวันที่แม่ถ้วน หลีกภัย เสียชีวิต ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในสภา ก่อนจะไปรับศพมารดาในภายหลัง ตลอดชีวิตทางการเมืองได้ชื่อว่าเป็นนายกฯที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเป็นสุภาพบุรุษและเคารพระบบรัฐสภา จนสามารถเป็นต้นแบบให้กับส.ส.รุ่นใหม่ได้
