xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนแนะจับตาศก.Q2ปี56 SMEทยอยปิด-ส่งออกวูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- เอกชนฟันธง! ไตรมาส 2 ปี 2556 เห็นของจริงเศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญปัญหาธุรกิจเอสเอ็มอีทยอยปิดกิจการรับผลพวงจากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ พ่วงด้วยส่งออกที่ยังคงตกต่ำตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร โดยคำสั่งซื้อไตรมาสแรกวูบอย่างเห็นได้ชัด

นายสมมาต ขุนเศษฐ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปี 2556 แนวโน้มธุรกิจที่ต้องพึ่งพิงแรงงานไร้ฝีมือในการผลิตจำนวนมากโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะต้องปิดกิจการลงเนื่องจากต้นทุนภาพรวมทั้งระดับราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ค่าขนส่ง รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น300 บาทต่อวันทั่วประเทศจะดันให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถสร้างกำไรได้เนื่องจากไม่มีอำนาจต่อรองที่จะไปปรับขึ้นราคา ขณะที่กำลังซื้อของคนไทยภาพรวมก็ยังไม่ได้กระเตื้องมากนัก ดังนั้นผลกระทบทั้งหมดคาดว่าจะเห็นภาพชัดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า

“ เวลานี้ผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่กำลังเริ่มคิดแล้วว่าถ้าการเดินหน้าทำธุรกิจต่อไปแล้วมีต้นทุนเพิ่มขึ้นรอบด้านจะคุ้มกับต้นทุนการผลิตหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเสี่ยงจะต้องขาดทุนก็เริ่มมีการคิดที่จะปิดกิจการลงบ้างแล้วก่อนที่เงินที่มีอยู่อาจหมดลงไปด้วยซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนทำธุรกิจ “นายสมมาตกล่าว

สำหรับภาคการส่งออกเองขณะนี้ไตรมาสแรกคำสั่งซื้อค่อนข้างลดลงอย่างเห็นได้ชัดในภาพรวมเนื่องจากเศรษฐกิจโลกทำให้ตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) ที่เป็นตลาดหลักของการส่งออกไทยรวมมีกำลังซื้อที่ลดต่ำลง ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลกระทบได้ชัดเจนในไตรมาส 2 แต่ภาพรวมตลาดอื่นๆ ยังมีการขยายตัวเล็กน้อยเช่น อาเซียน ดั้งนั้นคาดว่าการส่งออกของไทยปี 2556 น่าจะขยับเล็กน้อยจากปีนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องจับตาคือความผันผวนทางการเงินที่คาดว่าเงินทุนจะไหลบ่าเข้ามาและส่วนใหญ่น่าจะเป็นเงินร้อนที่จะมาลงทุนผ่านตลาดหุ้นของไทยซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นของไทยปี 2556 มีความร้อนแรงและผันผวนสูงและจะกระทบต่อค่าเงินให้มีอัตราที่แข็งค่าขึ้นแต่เอกชนก็เชื่อมั่นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะรับมือได้ในประเด็นดังกล่าวเพราะหากไม่เช่นนั้นจะยิ่งกระทบการส่งออกเพิ่ม

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คาดว่าการส่งออกในปี 2556 รวมเอกชนจะต้องพบกับความเหนื่อยพอสมควรหากเทียบกับปี 2555 โดยจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 2 ปี 56 เนื่องจากตัวเลขในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์จะลดลงมากหลังสิ้นสุดโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์จะไม่โตก้าวกระโดด

ขณะเดียวกันปัญหาเศรษฐกิจโลกภาพรวมยังไม่ฟื้นตัวมากนักซึ่งจะทำให้กระทบกับการส่งออกอุตสาหกรรมประเภทสินค้าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ให้ชะลอตัวต่อเนื่อง

“ผมคิดว่าเป็นปีที่เอกชนจะต้องเหนื่อยอีกปีหนึ่งด้วยหลายๆ ปัจจัยทั้งเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวมากนักโดยยังคงค่อยๆ ฟื้น ขณะที่กำลังการผลิตภาพรวมของหลายสินค้ามีมากขึ้นจากโลกที่กำลังพัฒนาที่มีการขยายการลงทุนมากทำให้สินค้ามีการไหลเวียนในตลาดสูงเกิดการแข่งขัน ขณะที่ไทยเองก็ต้องเผชิญกับปัจจัยทั้งค่าแรงที่แพงและรวมถึงการขาดแคลนแรงงานไปพร้อมๆ กัน”นายไพบูลย์กล่าว

นายชนินทร์ จิตต์โกมุท นายกสมาคมรองเท้าไทย กล่าวว่า ปี 2556 อุตสาหกรรมรองเท้าไทยจะต้องปรับตัวค่อนข้างมากเนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศเนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวเน้นใช้แรงงานจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ค่อนข้างจะลำบากเชื่อว่าไตรมาส 2 จะเห็นผลกระทบชัดเจนและรายเล็กๆ ประมาณ 20-30% จากผู้ประกอบการทั้งหมด 6,000 รายอาจต้องปิดกิจการลง

“ รายเล็กๆ มันยากที่เขาจะปรับตัวเพราะการจะหันไปพึ่งเทคโนโลยีก็ไม่ใช่สิ่งง่ายที่จะเข้าถึงแหล่งทุนและตลาดเองก็ต้องแข่งขันกับเพื่อนบ้าน แม้แต่รายใหญ่เองก็ยังอาจจะต้องลดขนาดกิจการลงเทรนด์มันเป็นอย่างนี้เพราะข้อเท็จจริงคือค่าแรงเราแพงขึ้นและที่สำคัญส่วนหนึ่งเรายังขาดแคลนแรงงาน ตลาดปี 2556 เราจึงต้องเหนื่อยขณะที่ต้นทุนเราเพิ่มแต่เพื่อนบ้านยังคงต่ำกว่า การแข่งขันจึงรุนแรง”นายชนินทร์กล่าว

นายวงศ์ชัย ศรีไทย อุปนายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเซรามิคในปี 2556 คงจะเห็นการทยอยปิดกิจการมากขึ้นหลังจากที่รัฐได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากโรงงานเหล่านี้เน้นใช้แรงงานซึ่งเฉพาะจังหวัดลำปางคาดว่าสมาชิกราว 260 โรงงานในปัจจุบันอาจจะเหลือประมาณ 10 แห่งเมื่อสิ้นปี 2556

“ ที่ผ่านมาได้ทยอยปิดกิจการไปแล้วพอสมควรเพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปลายปี 2554 ไตรมาสละ 3 บาท ต่อกิโลกรัม (ก.ก.) รวม 12 บาทต่อก.ก.ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจนกระทั่งไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ คำสั่งซื้อก็เริ่มลดลงต่อมาก็ค่าจ้างขั้นต่ำที่มีผลขึ้นไป 40% เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ 7 จังหวัดจึงต้องลดการผลิตและลดพนักงานลงทำให้เกือบทุกบริษัทต้องลดขนาดกิจการลงแล้ว และหากขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน วันที่ 1 ม.ค.2556 ก็จะยิ่งซ้ำเติมที่สุดก็ต้องปิดกิจการซึ่งสมาชิกก็พูดตรงกันว่าเปลี่ยนอาชีพง่ายกว่าที่จะดันทุรังอยู่ต่อไป" นายวงศ์ชัยกล่าว

ทั้งนี้ แม้ล่าสุดรัฐบาลได้กำหนดให้ราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมสะท้อนราคาตลาดโลกโดยให้เปลี่ยนแปลงทุกเดือนหลังจากขึ้นต่อเนื่องจนครบ 12 บาทต่อก.ก. ล่าสุดปรับลดลงมา 2 เดือนรวม 6 บาทต่อ ก.ก.มาอยู่ที่ 24.86 บาทต่อ ก.ก.ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเพราะการผลิตต้องเจรจาคำสั่งซื้อล่วงหน้าขณะนั้นราคาแอลพีจีก็ประมาณ 30 บาทต่อ ก.ก.จึงทำให้ไม่สามารถรับออร์เดอร์ได้จึงส่งผลให้ลูกค้าหันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอื่นๆ แทน.
กำลังโหลดความคิดเห็น