xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ว่ากันว่า เอแบคโพลล์เป็นโพลล์ขี้ข้า???

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพดล กรรณิกา
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ถือเป็นสำนักวิจัยที่สำรวจความนิยมประเภท “มาเร็ว เห็นเร็ว” มากที่สุด จนสังคมสงสัยในความน่าเชื่อถือมากที่สุด

แม้ว่า ดร.นพดล กรรณิกา จะอ้างอิง The University of Michigan-Ann Arbor เป็นแหล่งความเชื่อถือทางด้านการศึกษาและการสร้างสำนักวิจัยเอแบคโพลล์

แต่ผลการสำรวจส่วนใหญ่จะค้านสายตาสังคมเสมอ

ในเว็บไซด์ของสำนักวิจัยเอแบค เขียนไว้ว่า ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จบปริญญาเอกด้านการจัดการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปริญญาโทด้านระเบียบวิธีวิจัยเชิงสำรวจและการทำโพลล์ (Survey Methodology) มหาวิทยาลัย มิชิแกน (The University of Michigan) ปริญญาโทสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาตรีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาตรีปรัชญา (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) วิทยาลัยแสงธรรม

แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะทำให้ เขาถูกตั้งคำถามว่า เป็นโพลล์ขี้ข้าหรือไม่ ???

ตัวอย่าง ผลการสำรวจที่น่ากังขา เช่น ผลสำรวจที่สุดของ “ข่าวแห่งปี 2555” จากการสำรวจประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร อายุ 18 ปีจำนวนทั้งสิ้น 1,218 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-22 ธันวาคม 2555 พบดังนี้ ที่สุดข่าวการเมือง

อันดับ 1 คือ “ดีเอสไอ ตั้งข้อหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ” ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล”

อันดับ 2 คือ “พรบ.ปรองดอง เดือด ส.ส.ตะลุมบอนกันวุ่นในรัฐสภา”

อันดับ 3 คือ “ม็อบเสธฯ อ้าย ประท้วงขับไล่รัฐบาล”

อันดับ 4 คือ “ภาพโป๊หลุดกลางรัฐสภา”

อันดับ 5 คือ “แฉคลิปเสียงประธานรัฐสภา พูดถึงเบื้องหลังที่รัฐบาลยอมถอยแก้รัฐธรรมนูญ และการชะลอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง”

ทั้งๆที่ ข่าวดีเอสไอ ตั้งข้อหาอภิสิทธิ์-สุเทพ พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน และไม่ได้โด่งดังมากพอที่จะทำให้สังคมไทยหมุนรอบข่าวนี้แต่อย่างใด

ตรงกันข้ามกับ ข่าวเรื่องจำนำข้าวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนคนไทยรู้จัก นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง”

โกงกันอย่างเปิดเผยที่สุดแห่งปี 2555

แต่กลับไม่จัดอยู่ในสารบบข่าวแห่งปี ของเอแบคโพลล์

ทั้งนี้ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ก่อตั้งเมื่อปี 2538 เป็นสำนักวิจัยที่ทำหน้าที่สำรวจ วิจัย ข้อมูลทางสถิติ โดยเริ่มต้นจากการที่ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญทำโพลมาตั้งแต่ปี 2536 เพื่อนำเสนอผลสำรวจต่อสื่อมวลชน

เคยถูกรัฐบาลทักษิณในปี 2545 ส่งตำรวจ ทหารรดับนายพลไปตรวจค้น และนำเอกสารไปตรวจสอบว่า มีการวิจัยด้วยอคติหรือไม่

แต่สำนักวิจัยแห่งนี้ก็ขยายกิจการเติบโต จากการนำเสนอข่าวสื่อมวลชน ซึ่งในช่วงแรกของการสำรวจ มักได้รับการชื่นชม

แต่หลังจาก ทักษิณ ชินวัตร พ้นเขตแดนประเทศไทย เอแบคโพลล์ ก็เสนอสิ่งที่ค้านสายตาคนดู

คนทั่วไปเริ่มหมั่นไส้ ดร.นพดล มากขึ้น

จนทำให้โพลล์ของสำนักวิจัยต่างๆ เกิดขึ้นมาเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เช่น โพลล์ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โพลล์ของมหาวิทยาลัยรามคำแห่ง นิด้าโพลล์

ที่สำคัญโพลล์จากสถาบันการศึกษารายแรก อย่างสวนดุสิต ก็มักมีผลการสำรวจที่แตกต่างเอแบคโพลล์

จนสังคมเชื่อว่า เอแบคโพลล์ เป็นโพลล์รับใช้ทักษิณ ของจริง เสียงจริง

ดร.นพดล ให้สัมภาษณ์โพสต์เพื่อตอบความเคลือบแคลง ข้อสงสัย และเสียก่นด่าว่า

"ผมเข้าใจว่า เราน่าจะเป็นโพลแห่งเดียวที่ประกาศออกมาว่า เราจะเป็นนักวิชาการ นักวิจัย ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และจะไม่รับสินจ้างใดๆ จากการเมือง ผมยืนยันได้ว่าจะไม่เห็นชื่อผมไปเป็นที่ปรึกษาคนนู้นคนนี้ หรือมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะถ้าเราหนักแน่นมั่นคง และยึดมั่นในระเบียบวิธีวิจัย ก็จะได้รับความเชื่อถือ เรายึดไว้เสมอว่าหลักคุณธรรมเสื่อมช้ากว่าอำนาจนักการเมือง ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อย ถ้าเราเลือกอยู่กับการเมืองเมื่อใดความน่าเชื่อถือก็หายไปทันที"
คำประกาศของ ดร.นพดล น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อถือหรือไม่ ยังมีคำถามตัวใหญ่มาก

เหตุผลสำคัญคือ สังคมทั่วโลกยึดการกระทำมากกว่า “คำประกาศ”

นั่นทำให้สัญญาต่างๆ จึงต้องมีกฎหมายรองรับ เพื่อให้สัญญาเหล่านั้นมีผลบังคับใช้

แต่ “คำประกาศ” ที่ไม่มีกฎหมาย หรือการกระทำรองรับ ไม่ต่างอะไรกับการถ่มน้ำลายรดฟ้า

เขายังบอกอีกว่า

"ถามว่าเราจะมีหลักการอย่างไรเพื่อลดทอนการเป็นเครื่องมือของฝ่ายอื่น ประการแรก นักทำโพลต้องยึดมั่นและทำตามในระเบียบวิธีวิจัยที่เป็นสากล ประการที่สอง เราต้องประกาศไปให้ชัดว่าเราจะไม่ตกเป็นเครื่องมือและไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมือง จะเป็นนักวิชาการจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ไม่รับตำแหน่งของฝ่ายการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ตรงนี้ต้องพูดไปให้ชัด เพราะไม่ว่าคนอื่นจะดึงไปใช้อย่างไร แต่เราต้องยึดมั่นในหลักการก่อนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมือง"

"...แล้วอยากเห็นสำนักโพลอื่นออกมาพูดแบบนี้ด้วยว่า ข้าพเจ้าจะเป็นนักวิชาการ เป็นนักวิจัยจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะไม่ไปรับอามิสสินจ้างใดๆ จากฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น" เขาท้าทายให้สำนักวิจัยอื่นให้ประกาศเช่นเขาว่า จะเป็นนักวิชาการ นักวิจัยจนกว่าชีวิตจะหาไม่

แต่ข้อเท็จจริงทางวิชาการจำนวนมาก กลับบ่งบอกว่า มีนักวิชาการ นักวิจัยนับแสนคนที่ไม่ต้องประกาศว่า จะต้องเป็นนักวิชการ นักวิจัย ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาผลิตงานวิจัยจำนวนมาก

นี่จุดอ่อนของนักวิจัยประเภท ดร.นพดล

นักวิจัยที่จะต้องประกาศ และโปรโมตให้สังคมรับทราบ

เขายังบอกว่า ในการสำรวจแต่ละครั้ง จะต้องตระหนักมากใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. คำถามจะลดทอนการชี้นำ และอคติที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนได้หรือไม่ 2. จะต้องมีการทดสอบก่อนว่าประเด็นที่ตั้งขึ้น คนที่ถูกถามเข้าใจมากน้อยเพียงใด 3. พยายามไม่ให้คนตอบมีอคติในการตอบ 4. ลดคำถามในเรื่องที่คนตอบ ตอบแล้วทำให้ตัวเองดูดี

นี่จุดอ่อนที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ที่นักวิจัย นักวิชาการ และสังคมเห็นว่า หลายคำถาม “มีคำตอบดักหน้าไว้แล้ว”

โดยเฉพาะคำถามสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย

นั่นคือ คำตอบที่เป็นด้านลบมักเกิดขึ้นสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และคำตอบที่เป็นด้านบวกสำหรับพรรคเพื่อไทย

สามารถสังเกตจากการสำรวจเกี่ยวกับ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ครั้งที่ผ่านมาได้

เอแบคโพลล์ บอกว่า พรรคฝ่ายค้านไม่ควรอภิปรายไม่ไว้วางใจ

แต่สำหรับทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอแบคโพลล์ ชื่นชมอย่างซื่อสัตย์พอสมควร

อย่างนี้จะเรียกว่า โพลล์รับใช้ หรือ รับจ้างดี !!!


กำลังโหลดความคิดเห็น