วันที่ 21 ธันวาคม 2555 ผ่านพ้นไปอย่างเป็นปกติสุขแล้ว โลกยังไม่แตก และไม่ใช่วันสิ้นโลกตามคำร่ำลือในด้านต่างๆ ที่ช่างบังเอิญสอดคล้องตรงกัน จนทำให้เกิดการตื่นตระหนกกันไปทั้งโลก ทางโหราศาสตร์ ระบุว่า จะเกิดการเรียงตัวกันของโลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ทางโบราณคดีค้นพบว่า เป็นวันสิ้นสุดปฏิทินมายาของชนเผ่ามายัน ซึ่งไปตรงกับคำพยากรณ์ของนอสตราดามุส ที่ทำนายทายทักได้แม่นยำไว้หลายเรื่อง แถมยังมีผู้ที่อ้างว่าติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวจะนำยานอวกาศมาช่วยเหลือ โดยระบุสถานที่อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ยังไม่รวมข้อมูลที่เป็นตุเป็นตะมาโดยตลอดว่า แกนโลกจะเอียงจากศูนย์เดิมหรือแกนโลกพลิกขั้ว ทำให้เกิดภัยพิบัติต่อโลกนานัปการและบางกระแสก็ว่า อาจมีดาวหางหรืออุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชนโลกอย่างแรง สารพัดข้อมูลที่ล้วนเขย่าขวัญมนุษยโลกตลอดทั้งปี 2012
รวมไปถึงมีการสร้างภาพยนตร์จินตนาการถึงวันโลกแตกทยอยกันมาเป็นช็อกซีนีมาหลายต่อหลายเรื่อง เช่น
Deep Impact (วันสิ้นโลก) Absolute Zero Impact (มหาวิบัติวันสิ้นโลก) The Day After Tomorrow Impact (วิกฤติวันสิ้นโลก) ซึ่งล้วนสร้างภาพหายนะของโลกมนุษย์ได้อย่างน่าสยดสยองชวนขนลุกขนพองไปเสียทั้งนั้น
ที่ประเทศฝรั่งเศส มีคำยืนยันจากผู้ติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ว่า จะมียานอวกาศจากมนุษย์ต่างดาวมานำผู้รอดชีวิตในวันสิ้นโลกไปจากโลกนี้ ที่ยอดเขาบูการาช (Bugarach) ในเทือกเขาพีเรนีส (Pyrenees) ทำให้ผู้คนแห่แหนไปนับหมื่นจนทางการต้องสั่งปิดเป็นเขตห้ามเข้า และผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกต่างคว้าน้ำเหลว เพราะโลกไม่แตกและไม่ปรากฏจานบิน UFO แต่อย่างใด
ที่ประเทศรัสเซีย หลุมหลบภัยนิวเคลียร์ในกรุงมอสโก ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยโจเซฟ สตาลิน เป็นบังเกอร์ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน 65 เมตร มีระบบน้ำไฟและสต็อกอาหารได้ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ได้มีการเปิดขายบัตรใบละ 45,000 บาท ให้ผู้คนเข้าไปหลบภัยในวันที่ 21 ธันวาคม ปรากฏบัตร 1,000 ใบขายเกลี้ยงทันที และกลายเป็นค่าชมพิพิธภัณฑ์ที่แพงหูฉี่ น่าเจ็บกระดองใจเมื่อโลกไม่แตกจริง
ที่ประเทศอังกฤษ มีผู้คนนับพันไปชุมนุมกันที่โบราณสถานเสาหิน Stonehenge เพื่อร่วมงานปาร์ตี้ “วันสิ้นโลก” และว่ากันว่า แทบทุกมุมเมืองในยุโรปและอเมริกา มีการจัดงาน ‘The End of the World Party’ กันแบบกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ รวมทั้งบาร์ฝรั่งในประเทศไทย ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็เห็นขึ้นป้ายปาร์ตี้วันสิ้นโลกกันเกร่อซึ่งดูดเงินฝรั่งต่างชาตินักท่องเที่ยวได้ไม่บันเบา เช่นเดียวกัน
แม้ว่า วันสิ้นโลก 21/12/2012 จะผ่านพ้นไปแล้ว และแกนโลกยังเป็นปกติ ไม่เอียงพลิกไปตามการคำนวณ แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะแผ่นดินไหว ลมพายุ อุทกภัย ภัยหนาว ภัยร้อน ก็ยังคงคุกคามโลกและนับวันจะรุนแรงขึ้นทุกวัน ควบคู่กันไปกับที่มนุษย์ยังคงเร่งทำลายทำร้ายความสมดุลทางธรรมชาติอย่างไม่หยุดหย่อน มีคนไทยหลายคนปรารภให้ได้ยินว่า ต่อไปนี้จะไม่เชื่อการคำนวณการทำนายใดๆ เกี่ยวกับโลกอีกแล้ว นอกจากพระพุทธเจ้าจะมาบอก เพราะเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธองค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ก็เลยอยากจะบอกต่อว่า พระพุทธองค์ ซึ่งน่าจะเป็นคนแรกๆ ที่พูดถึงภัยโลกร้อนมานานหลายพันปี ก่อนนักวิทยาศาสตร์ใดๆ ในโลกนี้ ดังปรากฏในพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก ชื่อว่า “สุริยสูตร” แสดงพุทธพยากรณ์สรุปความได้ว่า โลกมนุษย์จะทวีความร้อนขึ้นทุกๆ ปี โดยไม่ทราบสาเหตุ จนกระทั่งวันหนึ่งมนุษย์จะเห็นดวงอาทิตย์อีกหนึ่งดวงปรากฏขึ้นในท้องฟ้า จึงรู้สาเหตุว่าที่แท้จริงโลกร้อนนั้นมาจากการเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ดวงใหม่ และความร้อนนั้นมีผลต่อสภาพแวดล้อมของโลก ซึ่งต่อมาจะเกิดดวงอาทิตย์ดวงที่สามที่สี่เรื่อยไปจนครบเจ็ดดวง เมื่อครบเจ็ดดวง โลกทั้งหมดก็ถูกเผาไหม้ลุกเป็นจุล (สาธุชนพึงสดับรายละเอียดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้ ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 เทอญ)
หันกลับมาดูการบ้านการเมืองบ้านเรา หลังผ่านความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ สถานการณ์การเมืองเส็งเคร็งยังคงร้อนระอุ รัฐบาลหุ่นเชิดยังคงบริหารอำนาจรัฐแบบฉ้อฉลย่ามใจ เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างมโหฬารในแทบทุกเมกะโปรเจกต์ และนโยบายประชานิยมหลายโครงการเริ่มส่อแววล้มเหลว สร้างหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าวิตกกังวล ขณะที่รากหญ้าที่หลงใหลได้ปลื้มกับประชานิยมจอมปลอม ยังคงยากจน แถมพอกพูนหนี้สินในครัวเรือนเป็นดินพอกหางหมูอย่างยากจะเยียวยา
มิหนำซ้ำ ขณะนี้ฝ่ายทักษิณ ชินวัตร และพวกยังดันทุรังที่จะผลักดันแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญในทุกรูปแบบทุกวิถีทาง โดยอาศัยความได้เปรียบในการครอบครองอำนาจรัฐอย่างเต็มที่ โดยไม่แยแสทางออกทางสว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ไว้ให้ คือการเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา หรือขอประชามติจากประชาชนก่อน หากต้องการแก้ไขทั้งฉบับ ซึ่งว่ากันว่าไม่ทันอกทันใจคนนอกประเทศ ที่อยากกลับประเทศโดยไร้มลทินความผิดติดตัว ด้วยการล้มล้างอำนาจ คมช.และ คตส.ให้หมดสิ้นไปให้จงได้ ซึ่งผู้เขียนก็ได้บอกเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ประชาชนที่รักความเป็นธรรมอีกหลายสิบล้านคน เขารับไม่ได้ และไม่ยอมแน่นอน
ถึงเวลานั้นโลกไม่แตกไม่สิ้นโลกจริง แต่อาจถึงกาล “สิ้นชาติ” ได้ ถ้าคนไทยสองฝ่ายลุกขึ้นมาสู้รบฆ่าฟันกันเอง เป็นสงครามการเมือง ลุกลามไปทั่วประเทศ เพราะความเห็นแก่ตัวของคนเพียงคนเดียว
และอย่าประมาท นะครับ ถ้าประเทศนี้ยังปล่อยให้นักการเมืองเล่นการเมืองกันแบบศรีธนญชัย เล่นแร่แปรธาตุฉ้อฉลปล้นชาติกันอย่างคึกคะนองไม่รู้จบรู้สิ้น อย่างที่เห็นที่เป็นอยู่ กาลเวลา “สิ้นชาติ” ก็คงใกล้เข้ามาทุกขณะอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นแน่นอน
ผู้เขียนเชื่อว่า คนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินทุกคนคงมีใจตรงกัน ที่ไม่อยากเห็นประเทศไทยถูกการเมืองโสโครกเส็งเคร็ง ปู้ยี่ปู้ยำจนล่มสลาย “สิ้นชาติ” และภาวนาให้มันพ้นผ่านไปได้เหมือนคำทำนายวันสิ้นโลกที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยสักครั้งเดียว ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ย่อมขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคนที่จะรู้รักสามัคคีและรู้หน้าที่ในการที่จะปกป้องประเทศชาติของตนด้วยมือของตนเองเท่านั้นเอง
ผู้เขียนขอส่งท้ายปีเก่าด้วยบทกวีบทนี้ครับ