ASTVผู้จัดการรายวัน-สุดเหี้ยม! คนร้ายลวงแท็กซี่สาวใหญ่ เชือดคอ ก่อนขับรถทับซ้ำ แล้วชิงรถหนี เผยอาการสาหัส แต่ล่าสุดปลอดภัยแล้ว ตำรวจเร่งล่าตัว พร้อมขอประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสรถ คาดอาจถูกจอดทิ้งไว้ เผยคนร้ายมี 2-3 คน และมีหญิงสาวร่วมด้วย
เมื่อเวลาประมาณ 03.42 น. วานนี้ (25 ธ.ค.) ร.ต.ต.อรรถกานต์ จูมพลา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกปาดคอได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนวัดปุรณาวาส ถนนศาลาธรรมสพน์ พบนางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 952 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม สภาพถูกเชือดคอด้วยของมีคม กะโหลกศีรษะแตก แขนขาหัก อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนครปฐมอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นโชเฟอร์แท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นลิโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย คาดว่าคนร้ายได้เรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อให้ไปส่งยังที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ สบโอกาสจึงลงมืออย่างเหี้ยมโหด โดยใช้อาวุธมีดเชือดคอ ก่อนขับรถทับซ้ำและหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.อดิศักดิ์ บุญโทแสง รอง ผกก.สส.สน.ธรรมศาลา ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ถึงความคืบหน้าในคดีว่า ขณะนี้อาการผู้ได้รับบาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอค่อนข้างลึก โดยคดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานโดยการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อติดตามคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ โดยสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 3 คนและน่าจะเป็นการปล้นชิงทรัพย์
จากนั้น เวลา 14.00 น. ที่สน.ธรรมศาลา พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา พร้อมชุดสืบสวน สน.ธรรมศาลา ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลาประชุมกว่า 40 นาที
พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย กล่าวว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของ กทม. ที่มีอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุจำนวน 3 ตัว เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย2 กลุ่ม ที่เคยก่อคดีเช่นนี้ และต้องรอให้ผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงสามารถให้การได้เสียก่อน เพื่อชี้รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย โดยคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน แต่คงขึ้นรถมาคนเดียว และให้เพื่อนไปรออยู่ที่เกิดเหตุ ถ้าไม่มี รปภ.ของโรงเรียนมาเห็น นางบุญช่วยคงถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน
ต่อมา พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า เบื้องต้นผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ได้รับรายงานจากแพทย์ว่าได้วางยาสลบ เนื่องจากสะโพกหลุด คาดว่าคนร้ายอาจขับรถชนอย่างแรง และซี่โครงหัก ที่คอมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาด คาดว่าคนร้ายน่าจะลวงมาเอารถและทรัพย์สินมากกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกระเป๋าสตางค์ผู้บาดเจ็บหายไป จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีประมาณ 2-3 คนในการก่อเหตุ มีเสียงคล้ายผู้หญิงจึงคาดว่าน่าจะมีหญิงสาวร่วมด้วย แต่ยังไม่ระบุแน่ชัด ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงเพื่อไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อนำภาพมาตรวจสอบหารูปพรรณสัณฐานคนร้ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนว่า ใครที่เห็นรถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นลีโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ไปจอดทิ้งไว้ หรือพบเห็นที่ใด ให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะคาดว่าคนร้ายอาจจะนำรถไปจอดทิ้งไว้ก็ได้เพราะสภาพรถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่ค่อนข้างแรงเป็นหลักฐานที่สำคัญ สันนิษฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นการปล้นทรัพย์หรือประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นคนในละแวกดังกล่าว เพราะค่อนข้างรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะคาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้
ด้านนายชวนชัย ทองแท้ อายุ 32 ปี ลูกชายนางบุญช่วย อาชีพขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า บ้านตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่กันทั้งบ้าน พ่อตน คือนายเอม ทองแท้ อายุ 60 ปี ก็ขับแท็กซี่ แม่ตนก็ขับแท็กซี่ โดยเพิ่งเช่าซื้อและผ่อนค่างวดมาได้ 1 เดือน ในราคา11,200 บาท ก่อนเกิดเหตุ ตนเจอแม่ครั้งสุดท้ายช่วงประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 24 ธ.ค. เนื่องจากแม่กลับมาอาบน้ำที่บ้าน แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไปหาลูกค้าตามปกติ
ต่อมาเวลา 01.25 น. แม่ได้โทรศัพท์มาหาตน ถามทางไปวัดปุรณาวาสว่าอยู่ที่ไหน เพราะตอนนั้น แม่บอกว่าขับรถหลงมาจนถึงนครไชยศรีแล้ว ตนจึงบอกให้แม่ปล่อยผู้โดยสารลงกลางทางไปเลย เพราะถ้าไปถึงอาจจะไม่ได้เงิน แม่ตนจึงบอกว่าค่อยๆ ขับไป ถามทางไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไปถูกเอง ตนบอกกลับไปว่าตนเคยโดนแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อหรือเปล่า จนกระทั่งแม่บอกอีกครั้งว่าตอนนี้ถึงศาลายาน่าจะใกล้แล้ว ก่อนจะวางหูไป ระหว่างสนทนากับแม่ตนไม่ได้ยินเสียงของคนร้ายแต่อย่างใด ตนจึงเข้านอนตอนตีสาม มารู้ข่าวแม่อีกทีตอนหกโมงเช้า
"ตั้งแต่ขับรถแท็กซี่มา เคยถูกผู้โดยสารเบี้ยวค่าเงิน โดนทำร้ายร่างกาย และเชิดโทรศัพท์ไปก็หลายครั้ง ส่วนพ่อก็เคยโดนชิงทรัพย์มาแล้ว ส่วนแม่ยังไม่เคยโดน มาคราวนี้โดนหนักกว่าทุกคน คนร้ายใจโหดเหี้ยมมาก หวังฆ่าแม่ตนให้ตาย ตนอยากให้ตำรวจช่วยจับตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่มีแท็กซี่คนอื่นต้องโดนแบบแม่ตน สำหรับทรัพย์สินของแม่ที่หายไปนอกเหนือจากรถแท็กซี่ คือ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กระเป๋าเงิน ส่วนเงินไม่รู้มีเท่าใด"
สำหรับการสอบสวน นายบุญเกิด เรืองสุขสุด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนปุรณาวาส พยานที่เกิดเหตุ ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00น. ในขณะที่ตนกำลังเดินออกตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงเรียนอยู่ ได้ยินเสียงคล้ายกับอะไรชนสักอย่างดังตุ๊บ จึงวิ่งออกไปดูปรากฏว่าเห็นคนร้ายประมาณ 2 คน ตนจึงเป่านกหวีดส่งสัญญาณคนร้ายจึงชะงัก ได้เห็นคนร้ายในระยะไกลๆ เนื่องจากค่อนข้างมืดว่าคนนึงสวมเสื้อยืดสีดำ และอีกคนสวมเสื้อสีขาวผมขาว ได้ยินเสียงเล็กๆ คล้ายเสียงผู้หญิงพูดว่า “รีบขึ้นรถเร็ว” ก่อนจะถอยหลังรถออกจากซอยอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนี จึงรีบวิ่งไปดูก็พบผู้หญิงนั่งเหมือนคล้ายจะล้มตัวลงนอนได้รับบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ พูดว่า “ปวดหัวเหลือเกินอยากนอน” ตนจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ให้รีบนำตัวส่งรพ.นครปฐม
เมื่อเวลาประมาณ 03.42 น. วานนี้ (25 ธ.ค.) ร.ต.ต.อรรถกานต์ จูมพลา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกปาดคอได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนวัดปุรณาวาส ถนนศาลาธรรมสพน์ พบนางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 952 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม สภาพถูกเชือดคอด้วยของมีคม กะโหลกศีรษะแตก แขนขาหัก อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนครปฐมอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นโชเฟอร์แท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นลิโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย คาดว่าคนร้ายได้เรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อให้ไปส่งยังที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ สบโอกาสจึงลงมืออย่างเหี้ยมโหด โดยใช้อาวุธมีดเชือดคอ ก่อนขับรถทับซ้ำและหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.อดิศักดิ์ บุญโทแสง รอง ผกก.สส.สน.ธรรมศาลา ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ถึงความคืบหน้าในคดีว่า ขณะนี้อาการผู้ได้รับบาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอค่อนข้างลึก โดยคดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานโดยการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อติดตามคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ โดยสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 3 คนและน่าจะเป็นการปล้นชิงทรัพย์
จากนั้น เวลา 14.00 น. ที่สน.ธรรมศาลา พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา พร้อมชุดสืบสวน สน.ธรรมศาลา ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลาประชุมกว่า 40 นาที
พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย กล่าวว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของ กทม. ที่มีอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุจำนวน 3 ตัว เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย2 กลุ่ม ที่เคยก่อคดีเช่นนี้ และต้องรอให้ผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงสามารถให้การได้เสียก่อน เพื่อชี้รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย โดยคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน แต่คงขึ้นรถมาคนเดียว และให้เพื่อนไปรออยู่ที่เกิดเหตุ ถ้าไม่มี รปภ.ของโรงเรียนมาเห็น นางบุญช่วยคงถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน
ต่อมา พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า เบื้องต้นผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ได้รับรายงานจากแพทย์ว่าได้วางยาสลบ เนื่องจากสะโพกหลุด คาดว่าคนร้ายอาจขับรถชนอย่างแรง และซี่โครงหัก ที่คอมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาด คาดว่าคนร้ายน่าจะลวงมาเอารถและทรัพย์สินมากกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกระเป๋าสตางค์ผู้บาดเจ็บหายไป จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีประมาณ 2-3 คนในการก่อเหตุ มีเสียงคล้ายผู้หญิงจึงคาดว่าน่าจะมีหญิงสาวร่วมด้วย แต่ยังไม่ระบุแน่ชัด ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงเพื่อไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อนำภาพมาตรวจสอบหารูปพรรณสัณฐานคนร้ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนว่า ใครที่เห็นรถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นลีโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ไปจอดทิ้งไว้ หรือพบเห็นที่ใด ให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะคาดว่าคนร้ายอาจจะนำรถไปจอดทิ้งไว้ก็ได้เพราะสภาพรถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่ค่อนข้างแรงเป็นหลักฐานที่สำคัญ สันนิษฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นการปล้นทรัพย์หรือประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นคนในละแวกดังกล่าว เพราะค่อนข้างรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะคาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้
ด้านนายชวนชัย ทองแท้ อายุ 32 ปี ลูกชายนางบุญช่วย อาชีพขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า บ้านตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่กันทั้งบ้าน พ่อตน คือนายเอม ทองแท้ อายุ 60 ปี ก็ขับแท็กซี่ แม่ตนก็ขับแท็กซี่ โดยเพิ่งเช่าซื้อและผ่อนค่างวดมาได้ 1 เดือน ในราคา11,200 บาท ก่อนเกิดเหตุ ตนเจอแม่ครั้งสุดท้ายช่วงประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 24 ธ.ค. เนื่องจากแม่กลับมาอาบน้ำที่บ้าน แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไปหาลูกค้าตามปกติ
ต่อมาเวลา 01.25 น. แม่ได้โทรศัพท์มาหาตน ถามทางไปวัดปุรณาวาสว่าอยู่ที่ไหน เพราะตอนนั้น แม่บอกว่าขับรถหลงมาจนถึงนครไชยศรีแล้ว ตนจึงบอกให้แม่ปล่อยผู้โดยสารลงกลางทางไปเลย เพราะถ้าไปถึงอาจจะไม่ได้เงิน แม่ตนจึงบอกว่าค่อยๆ ขับไป ถามทางไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไปถูกเอง ตนบอกกลับไปว่าตนเคยโดนแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อหรือเปล่า จนกระทั่งแม่บอกอีกครั้งว่าตอนนี้ถึงศาลายาน่าจะใกล้แล้ว ก่อนจะวางหูไป ระหว่างสนทนากับแม่ตนไม่ได้ยินเสียงของคนร้ายแต่อย่างใด ตนจึงเข้านอนตอนตีสาม มารู้ข่าวแม่อีกทีตอนหกโมงเช้า
"ตั้งแต่ขับรถแท็กซี่มา เคยถูกผู้โดยสารเบี้ยวค่าเงิน โดนทำร้ายร่างกาย และเชิดโทรศัพท์ไปก็หลายครั้ง ส่วนพ่อก็เคยโดนชิงทรัพย์มาแล้ว ส่วนแม่ยังไม่เคยโดน มาคราวนี้โดนหนักกว่าทุกคน คนร้ายใจโหดเหี้ยมมาก หวังฆ่าแม่ตนให้ตาย ตนอยากให้ตำรวจช่วยจับตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่มีแท็กซี่คนอื่นต้องโดนแบบแม่ตน สำหรับทรัพย์สินของแม่ที่หายไปนอกเหนือจากรถแท็กซี่ คือ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กระเป๋าเงิน ส่วนเงินไม่รู้มีเท่าใด"
สำหรับการสอบสวน นายบุญเกิด เรืองสุขสุด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนปุรณาวาส พยานที่เกิดเหตุ ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00น. ในขณะที่ตนกำลังเดินออกตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงเรียนอยู่ ได้ยินเสียงคล้ายกับอะไรชนสักอย่างดังตุ๊บ จึงวิ่งออกไปดูปรากฏว่าเห็นคนร้ายประมาณ 2 คน ตนจึงเป่านกหวีดส่งสัญญาณคนร้ายจึงชะงัก ได้เห็นคนร้ายในระยะไกลๆ เนื่องจากค่อนข้างมืดว่าคนนึงสวมเสื้อยืดสีดำ และอีกคนสวมเสื้อสีขาวผมขาว ได้ยินเสียงเล็กๆ คล้ายเสียงผู้หญิงพูดว่า “รีบขึ้นรถเร็ว” ก่อนจะถอยหลังรถออกจากซอยอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนี จึงรีบวิ่งไปดูก็พบผู้หญิงนั่งเหมือนคล้ายจะล้มตัวลงนอนได้รับบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ พูดว่า “ปวดหัวเหลือเกินอยากนอน” ตนจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ให้รีบนำตัวส่งรพ.นครปฐม