เกิดเหตุคนร้ายเชือดคอโชเฟอร์แท็กซี่สาวใหญ่ ก่อนขับรถทับซ้ำอาการสาหัสย่านทวีวัฒนา ล่าสุดโชเฟอร์สาวพ้นขีดอันตรายแล้ว ตร.ชี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานไล่ล่าคนร้ายก่อเหตุโหดมาวลงโทษตามกฎหมาย!
ร.ต.ต.อรรถกานต์ จูมพลา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ธรรมศาลา เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.42 น.ของคืนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกปาดคอได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนวัดปุรณาวาส ถนนศาลาธรรมสพน์ พบนางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 952 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม สภาพถูกเชือดคอด้วยของมีคม กะโหลกศีรษะแตก แขนขาหัก อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนครปฐมอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นโชเฟอร์แท็กซี่จึงคาดว่าคนร้ายได้เรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อให้ไปส่งยังที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุสบโอกาสจึงลงมืออย่างเหี้ยมโหด โดยใช้อาวุธมีดเชือดคอ ก่อนขับรถทับซ้ำและหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากขณะพบผู้เสียหายมีอาการเบลอและบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถเล่าเหตุการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา ได้อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 25 ธ.ค. พ.ต.ท.อดิศักดิ์ บุญโทแสง รอง ผกก.สส.สน.ธรรมศาลา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ถึงความคืบหน้าในคดีว่า ขณะนี้อาการผู้ได้รับบาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังไม่สามารถให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เนื่องจากมีรบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอค่อนข้างลึก คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานโดยการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อติดตามคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ โดยสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 3 คนและน่าจะเป็นการปล้นชิงทรัพย์
วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ที่สน.ธรรมศาลา พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา พร้อมชุดสืบสวน สน.ธรรมศาลา ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีโชเฟอร์หญิงขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นลิโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย ซึ่งนางบุญช่วย ทองแท้ เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9522 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐมถูกคนร้ายประมาณ 2 คน ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์และขับรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัสนำตัวส่งรพ.นครปฐม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมกว่า 40 นาที
จากการสอบถาม ร.ต.ต. อรรถกานต์ จูมสลา พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อสอบสวนผู้บาดเจ็บ ที่รักษาตัวอยู่ที่ตึกอุบัติเหตุ ชั้น4 ห้องผู้ป่วยหนัก พบนางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่9522 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม อยู่ในสภาพหมดสติ มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอจากของมีคม ศีรษะแตก ซี่โครงด้านขวาหักทะลุปอด สะโพกด้านซ้ายหัก มีรอยถลอกทั้งตัว รอยเขียวช้ำจากการถูกต่อยที่บริเวณหลัง หน้าอก และตามใบหน้า ยังให้การไม่ได้ มีน.ส.ศิริลักษ์ ทองแท้ อายุ 29 ปี ลูกสาวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ด้านนายชวนชัย ทองแท้ อายุ 32 ปี ลูกชาย อาชีพขับรถแท็กซี่ ให้การว่า บ้านตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่กันทั้งบ้าน พ่อตน คือนายเอม ทองแท้ อายุ60 ปี ก็ขับแท็กซี่เช่นเดียวกัน แม่ตนใช้รถโตโยต้า รุ่นลิโม่ สีชพู คาดน้ำเงิน ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย ทะเบียน ทพ 7174 กรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งเช่าซื้อและผ่อนค่างวดมาได้1 เดือน ในราคา11,200 บาท ก่อนเกิดเหตุตนเจอแม่ครั้งสุดท้ายช่วงประมาณ 15.00 น.วานนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากแม่กลับมาอาบน้ำที่บ้าน แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไปหาลูกค้าตามปกติ
ต่อมาเวลา 01.25 น. แม่ได้โทรศัพท์มาหาตน ถามทางไปวัดปุรณาวาส ว่าอยู่ที่ไหน เพราะตอนนั้นแม่บอกว่าขับรถหลงมาจนถึงนครไชยศรีแล้ว ตนจึงบอกให้แม่ปล่อยผู้โดยสารลงกลางทางไปเลย เพราะถ้าไปถึงอาจจะไม่ได้เงิน แม่ตนจึงบอกว่าค่อยๆ ขับไป ถามทางไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไปถูกเอง ตนบอกกลับไปว่าตนเคยโดนแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อหรือเปล่า จนกระทั่งแม่บอกอีกครั้งว่าตอนนี้ถึงศาลายาน่าจะใกล้แล้ว ก่อนจะวางหูไป ระหว่างสนทนากับแม่ตนไม่ได้ยินเสียงของคนร้ายแต่อย่างใด ตนจึงเข้านอนตอนตีสาม มารู้ข่าวแม่อีกทีตอนหกโมงเช้า
นายชวนชัย กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ตนขับรถแท็กซี่มา เคยถูกผู้โดยสารเบี้ยวค่าเงิน โดนทำร้ายร่างกาย และเชิดโทรศัพท์ไปก็หลายครั้ง ส่วนพ่อตนก็เคยโดนชิงทรัพย์มาแล้ว ส่วนแม่ยังไม่เคยโดน มาคราวนี้โดนหนักกว่าทุกคน คนร้ายใจโหดเหี้ยมมากหวังฆ่าแม่ตนให้ตาย ตนอยากให้ตำรวจช่วยจับตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่มีแท็กซี่คนอื่นต้องโดนแบบแม่ตน สำหรับทรัพย์สินของแม่ที่หายไปนอกเหนือจากรถแท็กซี่ คือ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กระเป๋าเงิน ส่วนเงินไม่รู้มีเท่าใด
จากการสอบสวน นายบุญเกิด เรืองสุขสุด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนปุรณาวาสพยานที่เกิดเหตุให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00น. ในขณะที่ตนกำลังเดินออกตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงเรียนอยู่นั้น ได้ยินเสียงคล้ายกับอะไรชนสักอย่างดังตุ๊บ จึงวิ่งออกไปดูปรากฏว่าเห็นคนร้ายประมาณ 2 คน ตนจึงเป่านกหวีดส่งสัญญาณคนร้ายจึงชะงัก ได้เห็นคนร้ายในระยะไกลๆ เนื่องจากค่อนข้างมืดว่าคนนึงสวมเสื้อยืดสีดำ และอีกคนสวมเสื้อสีขาวผมขาว ได้ยินเสียงเล็กๆ คล้ายเสียงผู้หญิงพูดว่า “รีบขึ้นรถเร็ว” ก่อนจะถอยหลังรถออกจากซอยอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนี จึงรีบวิ่งไปดูก็พบผู้หญิงนั่งเหมือนคล้ายจะล้มตัวลงนอนได้รับบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ พูดว่า “ปวดหัวเหลือเกินอยากนอน” ตนจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ให้รีบนำตัวส่งรพ.นครปฐม
ทางด้าน พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา เปิดเผยว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบกล้อวงจรปิดของกทม.ที่มีอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุจำนวน 3 ตัว เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย2 กลุ่ม ที่เคยก่อคดีเช่นนี้ และต้องรอให้ผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงสามารถให้การได้เสียก่อน เพื่อชี้รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย โดยคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน แต่คงขึ้นรถมาคนเดียว และให้เพื่อนไปรออยู่ที่เกิดเหตุ ถ้าไม่มีรปภ.ของโรงเรียนมาเห็นนางบุญช่วยคงถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน
ต่อมา พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า เบื้องต้นผู้บาดเจ็บอาการสาหัสได้รับรายงานจากแพทย์ว่า ได้วางยาสลบเนื่องจากสะโพกหลุดคาดว่าคนร้ายอาจขับรถชนอย่างแรง และซี่โครงหัก ที่คอมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาดคาดว่าคนร้ายน่าจะลวงมาเอารถและทรัพย์สินมากกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกระเป๋าสตางค์ผู้บาดเจ็บหายไป จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีประมาณ 2-3 คนในการก่อเหตุ มีเสียงคล้ายผู้หญิงจึงคาดว่าน่าจะมีหญิงสาวร่วมด้วยแต่ยังไม่ระบุแน่ชัด ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงเพื่อไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อนำภาพมาตรวจสอบหารูปพรรณสัณฐานคนร้าย
“อย่างไรก็ตาม อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนว่า ใครที่เห็นรถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นลีโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ไปจอดทิ้งไว้หรือพบเห็นที่ใดให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะคาดว่าคนร้ายอาจจะนำรถไปจอดทิ้งไว้ก็ได้เพราะสภาพรถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่ค่อนข้างแรงเป็นหลักฐานที่สำคัญ สันนิษฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นการปล้นทรัพย์หรือประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นคนในละแวกดังกล่าวเพราะค่อนข้างรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะคาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้” พล.ต.ต.ปริญญา กล่าว
ร.ต.ต.อรรถกานต์ จูมพลา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ธรรมศาลา เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.42 น.ของคืนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกปาดคอได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนวัดปุรณาวาส ถนนศาลาธรรมสพน์ พบนางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 952 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม สภาพถูกเชือดคอด้วยของมีคม กะโหลกศีรษะแตก แขนขาหัก อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนครปฐมอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นโชเฟอร์แท็กซี่จึงคาดว่าคนร้ายได้เรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อให้ไปส่งยังที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุสบโอกาสจึงลงมืออย่างเหี้ยมโหด โดยใช้อาวุธมีดเชือดคอ ก่อนขับรถทับซ้ำและหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากขณะพบผู้เสียหายมีอาการเบลอและบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถเล่าเหตุการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา ได้อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 25 ธ.ค. พ.ต.ท.อดิศักดิ์ บุญโทแสง รอง ผกก.สส.สน.ธรรมศาลา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ถึงความคืบหน้าในคดีว่า ขณะนี้อาการผู้ได้รับบาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังไม่สามารถให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เนื่องจากมีรบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอค่อนข้างลึก คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานโดยการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อติดตามคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ โดยสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 3 คนและน่าจะเป็นการปล้นชิงทรัพย์
วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ที่สน.ธรรมศาลา พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา พร้อมชุดสืบสวน สน.ธรรมศาลา ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีโชเฟอร์หญิงขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นลิโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย ซึ่งนางบุญช่วย ทองแท้ เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9522 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐมถูกคนร้ายประมาณ 2 คน ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์และขับรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัสนำตัวส่งรพ.นครปฐม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมกว่า 40 นาที
จากการสอบถาม ร.ต.ต. อรรถกานต์ จูมสลา พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อสอบสวนผู้บาดเจ็บ ที่รักษาตัวอยู่ที่ตึกอุบัติเหตุ ชั้น4 ห้องผู้ป่วยหนัก พบนางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่9522 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม อยู่ในสภาพหมดสติ มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอจากของมีคม ศีรษะแตก ซี่โครงด้านขวาหักทะลุปอด สะโพกด้านซ้ายหัก มีรอยถลอกทั้งตัว รอยเขียวช้ำจากการถูกต่อยที่บริเวณหลัง หน้าอก และตามใบหน้า ยังให้การไม่ได้ มีน.ส.ศิริลักษ์ ทองแท้ อายุ 29 ปี ลูกสาวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ด้านนายชวนชัย ทองแท้ อายุ 32 ปี ลูกชาย อาชีพขับรถแท็กซี่ ให้การว่า บ้านตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่กันทั้งบ้าน พ่อตน คือนายเอม ทองแท้ อายุ60 ปี ก็ขับแท็กซี่เช่นเดียวกัน แม่ตนใช้รถโตโยต้า รุ่นลิโม่ สีชพู คาดน้ำเงิน ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย ทะเบียน ทพ 7174 กรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งเช่าซื้อและผ่อนค่างวดมาได้1 เดือน ในราคา11,200 บาท ก่อนเกิดเหตุตนเจอแม่ครั้งสุดท้ายช่วงประมาณ 15.00 น.วานนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากแม่กลับมาอาบน้ำที่บ้าน แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไปหาลูกค้าตามปกติ
ต่อมาเวลา 01.25 น. แม่ได้โทรศัพท์มาหาตน ถามทางไปวัดปุรณาวาส ว่าอยู่ที่ไหน เพราะตอนนั้นแม่บอกว่าขับรถหลงมาจนถึงนครไชยศรีแล้ว ตนจึงบอกให้แม่ปล่อยผู้โดยสารลงกลางทางไปเลย เพราะถ้าไปถึงอาจจะไม่ได้เงิน แม่ตนจึงบอกว่าค่อยๆ ขับไป ถามทางไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไปถูกเอง ตนบอกกลับไปว่าตนเคยโดนแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อหรือเปล่า จนกระทั่งแม่บอกอีกครั้งว่าตอนนี้ถึงศาลายาน่าจะใกล้แล้ว ก่อนจะวางหูไป ระหว่างสนทนากับแม่ตนไม่ได้ยินเสียงของคนร้ายแต่อย่างใด ตนจึงเข้านอนตอนตีสาม มารู้ข่าวแม่อีกทีตอนหกโมงเช้า
นายชวนชัย กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ตนขับรถแท็กซี่มา เคยถูกผู้โดยสารเบี้ยวค่าเงิน โดนทำร้ายร่างกาย และเชิดโทรศัพท์ไปก็หลายครั้ง ส่วนพ่อตนก็เคยโดนชิงทรัพย์มาแล้ว ส่วนแม่ยังไม่เคยโดน มาคราวนี้โดนหนักกว่าทุกคน คนร้ายใจโหดเหี้ยมมากหวังฆ่าแม่ตนให้ตาย ตนอยากให้ตำรวจช่วยจับตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่มีแท็กซี่คนอื่นต้องโดนแบบแม่ตน สำหรับทรัพย์สินของแม่ที่หายไปนอกเหนือจากรถแท็กซี่ คือ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กระเป๋าเงิน ส่วนเงินไม่รู้มีเท่าใด
จากการสอบสวน นายบุญเกิด เรืองสุขสุด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนปุรณาวาสพยานที่เกิดเหตุให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00น. ในขณะที่ตนกำลังเดินออกตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงเรียนอยู่นั้น ได้ยินเสียงคล้ายกับอะไรชนสักอย่างดังตุ๊บ จึงวิ่งออกไปดูปรากฏว่าเห็นคนร้ายประมาณ 2 คน ตนจึงเป่านกหวีดส่งสัญญาณคนร้ายจึงชะงัก ได้เห็นคนร้ายในระยะไกลๆ เนื่องจากค่อนข้างมืดว่าคนนึงสวมเสื้อยืดสีดำ และอีกคนสวมเสื้อสีขาวผมขาว ได้ยินเสียงเล็กๆ คล้ายเสียงผู้หญิงพูดว่า “รีบขึ้นรถเร็ว” ก่อนจะถอยหลังรถออกจากซอยอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหนี จึงรีบวิ่งไปดูก็พบผู้หญิงนั่งเหมือนคล้ายจะล้มตัวลงนอนได้รับบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ พูดว่า “ปวดหัวเหลือเกินอยากนอน” ตนจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ให้รีบนำตัวส่งรพ.นครปฐม
ทางด้าน พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา เปิดเผยว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบกล้อวงจรปิดของกทม.ที่มีอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุจำนวน 3 ตัว เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย2 กลุ่ม ที่เคยก่อคดีเช่นนี้ และต้องรอให้ผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงสามารถให้การได้เสียก่อน เพื่อชี้รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย โดยคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน แต่คงขึ้นรถมาคนเดียว และให้เพื่อนไปรออยู่ที่เกิดเหตุ ถ้าไม่มีรปภ.ของโรงเรียนมาเห็นนางบุญช่วยคงถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน
ต่อมา พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า เบื้องต้นผู้บาดเจ็บอาการสาหัสได้รับรายงานจากแพทย์ว่า ได้วางยาสลบเนื่องจากสะโพกหลุดคาดว่าคนร้ายอาจขับรถชนอย่างแรง และซี่โครงหัก ที่คอมีบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาดคาดว่าคนร้ายน่าจะลวงมาเอารถและทรัพย์สินมากกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกระเป๋าสตางค์ผู้บาดเจ็บหายไป จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีประมาณ 2-3 คนในการก่อเหตุ มีเสียงคล้ายผู้หญิงจึงคาดว่าน่าจะมีหญิงสาวร่วมด้วยแต่ยังไม่ระบุแน่ชัด ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงเพื่อไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อนำภาพมาตรวจสอบหารูปพรรณสัณฐานคนร้าย
“อย่างไรก็ตาม อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนว่า ใครที่เห็นรถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นลีโม่ ทะเบียน ทพ 7174 กทม. สีชมพูคาดน้ำเงิน ไปจอดทิ้งไว้หรือพบเห็นที่ใดให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะคาดว่าคนร้ายอาจจะนำรถไปจอดทิ้งไว้ก็ได้เพราะสภาพรถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่ค่อนข้างแรงเป็นหลักฐานที่สำคัญ สันนิษฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นการปล้นทรัพย์หรือประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นคนในละแวกดังกล่าวเพราะค่อนข้างรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะคาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้” พล.ต.ต.ปริญญา กล่าว