ตร.จ่อออกหมายจับคนร้ายปาดคอสาวใหญ่โชเฟอร์แท็กซี่

รอง ผบช.น.รุดตรวจสอบร่องรอยโจรปาดคอชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวใหญ่ขับรถแท็กซี่ โดยก่อเหตุอุกฉกรรจ์ปาดคอเหยื่อแล้วถอยรถมาทับซ้ำอย่างเหี้ยมโหด ล่าสุดพบแล้วรถแท็กซี่เหยื่อโหดถูกคนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้ภายในซอยเพชรเกษม 74 ตำรวจเร่งหาหลักฐานล่าตัว 3 คนร้ายโหด หลัง ตร.สามารถตั้งด่านตรวขจวยึดไว้เป็นหลักฐานได้ก่อนเกิดเหตุ!เตรียมออกหมายจับล่าตัวมาลลงโทษาตามกฎหมาย!

จากกรณีที่คนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุใช้ล่อลวง นางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี คนขับรถแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทพ-7174 กรุงเทพ ให้ไปส่ง บริเวณหน้าโรงเรียนปุรณาวาส แขวง ศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ เมื่อถึงบริเวณที่หมาย คนร้าย ได้ใช้อาวุธมือปาดคอ ก่อนจะชิงเงินสดและผลักลง จากรถและคนร้ายได้ขับรถชนแต่มีคนเห็นและเข้าช่วยเหลือ นางบญช่วย ไว้ได้ทัน จากนั้นคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (26 ธ.ค.) พล.ต.ต. ปริญญา จันทร์สุริยา รอง.ผบช.น. ได้รับแจ้งผ่าน สถานีวิทยุว่ามีประชาชน ที่อยู่ภายในซอยเพชรเกษม 74 ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพ ได้พบ แท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทพ-7174 กรุงเทพ จอดทิ้งไว้บริเวณ กลางซอยเพชรเกษม 74 ในเขต พื้นที่สน.หลักสอง หลังรับแจ้งรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยพ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ. พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.น.9 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทพ-7174 กรุงเทพ ด้านข้างรถ ระบุ สหกรณ์แท็กซี่ไทย จอดชิดขอบทาง ตั้งข้ามบ้าน เลขที่ 41 จาการตรวจสอบโดยรอบ รถแท็กซี่ พบบริเวณกั้นชน หน้าซ้าย มีรอยยุบ และรอยเลือด นอกจากนี้สังเกตบริเวณ คอนโซลหน้าซ้าย ป้ายประจำตัวผู้ขับขี่ รถคันนี้ ระบุชื่อ นาง บุญช่วย ทองแท้ มีคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณเบาะที่นั่งคนขับ โดยประตูทั้ง 4 บาน ไม่ได้ล๊อด แต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่ กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ทำการเก็บ รอยนิ้วมือตามกระจก เก็บรอยเลือด เส้นผม ที่ตกอยู่ในรถ ไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากพลเมืองดีว่าพบรถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ตามที่ประชาสัมพันธ์ข่าวผู้พบเห็นให้มาแจ้งไปวานนี้ ซึ่งพบรถแท็กซี่จอดภายในซอยเพชรเกษม 74 ห่างจากปากซอยไปประมาณ 50 เมตร ได้จอดอยู่ริมถนนด้านซ้ายถนนติดพงหญ้า ตรงข้ามกับบ้านเรือนประชาชนติดกันหลายหลังในซอย ซึ่งผู้พบเห็นแจ้งว่าได้เห็นรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ตั้งแต่เช้ามืดวานนี้(25 ธ.ค.) หลังจากเกิดเหตุ แต่ไม่ทราบว่าเป็นรถใครจนกระทั่งได้ดูข่าวทราบจึงโทรมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ จึงให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจรถโดยรอบทั้งคันและภายในรถเพื่อเก็บวัตถุพยานลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอทั้งหมด โดยสภาพรถที่พบนั้นมีคราบเลือดติดอยู่ที่กันชนด้านซ้าย ซึ่งขณะนี้ได้หลักฐานพยานมาบางส่วนเพื่อทำการออกหมายจับต่อไป โดยหลังจากนี้จะต้องสอบสวนพยานและกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด พร้อมประสานขอภาพกล้องวงจรปิดจากบ้านประชาชนภายซอยดังกล่าวที่คนร้ายนำรถมาจอดทิ้งไว้ ว่าสามารถเห็นภาพบุคคลต้องสงสัยหรือไม่

พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า ส่วนผู้บาดเจ็บขณะนี้ยังมีอาการมึนศรีษะปวดหัวอยู่ เพียงแค่พูดคุยได้นิดหน่อยแต่ไม่สามารถจดจำเรื่องราวทั้งหมดได้ร้อยเปอร์เซนต์ และต้องรอทางแพทย์อนุญาตให้สอบปากคำได้เสียก่อนจึงจะดำเนินการทันที เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืนสวนท้องที่ สน.หลักสองดูในเรื่องของภาพกล้องวงจรปิดและสอบพยานแวดล้อมทั้งหมด ส่วนฝ่ายสืบสวน บก.น.7 ให้ติดตามเรื่องกลุ่มคนร้ายว่าเป็นกลุ่มใด และให้ตรวจดูบริเวณโดยรอบที่รถจอดทิ้งไว้ว่ามีการโยนกุญแจ หรือมีดข้ามไปพงหญ้ารกด้านข้างหรือไม่ โดยคาดว่าคนร้ายก่อเหตุน่าจะมี 2-3 คน อย่างไรก็ตาม ท่านใดที่เคยเห็นบุคคลต้องสงสัยดังกล่าวที่เคยก่อเหตุในลักษณะนี้หรือเห็นก่อนนำรถมาจอดให้รีบแจ้งเพื่อเป็นหลักฐานวัตถุพยานเพิ่มเติม หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ยกรถไปจอดไว้ที่ สน.หลักสอง และตนจะเดินทางไปยังสน.หลักสอง เพื่อประชุมแบ่งงานโดยเอาข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นคนเปิดงานว่าได้วัตถุพยานใดบ้างจากรถ และทำการประชุมแบ่งงานให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายทันที

ด้านพ.ต.ท.ธนเสฏฐ์ ภิรมย์เอี่ยม พนักงานสอบสวนชำการพิเศษ สน.ธรรมศาลา เจ้าของคดี เดินทางไปที่ รพ.นครปฐม เพื่อไปสอบปากคำ นางบุญช่วย ทองแท้ อายุ 53 ปี ที่ห้องผู้ป่วยหนัก อาคารอุบัติเหตุ ชั้น 4 ซึ่งนางบุญช่วยมีอาการดีขึ้นพอให้การได้บ้างว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงประมาณตีหนึ่งเศษได้รับคนร้าย 2 คนมาจากถนนต่างระดับถนนเพชรเกษมตัดถนนกาญจนนาภิเษก โดยคนร้ายบอกให้ไปส่งที่วัดปุรณาวาส โดยใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมเลี้ยงขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 ไปออกถนนบรมราชชนนีมุ่งหน้าไปทาง ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยคนร้ายได้พาวนรถไปจนถึง อ.นครไชยศรี จากนั้นก็ให้วนกลับมาโดยอ้างว่าจำเส้นทางไม่ได้ จากนั้นตนก็วนกลับมาจนถึงบริเวณหน้า สภ.พุทธมณฑล เจอตำรวจตั้งด่านเรียกให้หยุด จากนั้นตำรวจก็ทำการตรวจค้นและยึดบัตรประชาชนของคนร้ายทั้ง 2 คนไป แล้วทางตำรวจบอกให้คนร้ายเข้าไปเอาที่โรงพัก แต่คนร้ายได้บอกกับตนว่าขอไปหาเพื่อนก่อนเดี๋ยวค่อยย้อนกลับมาเอาบัตรประชาชน จากนั้นคนร้ายก็บอกให้ตนไปส่งที่แคมป์พักงานข้างวัดปุรณาวาสเพื่อไปรับเพื่อนอีกคนชื่อนายกอล์ฟ (ไม่ทราบนามสกุลจริง) เมื่อไปถึงแคมป์คนงาน รปภ.ดูแลแคมป์ ก็พูดจาหยอกล้อกับคนร้ายอย่างสนิทสนมเหมือนกับรู้จักกันมานานแล้ว เมื่อได้นายกอล์ฟ ขึ้นรถ โดยนั่งข้างหลังตนทั้ง 3 คน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแคมป์คนงาน โดยตอนนั้นตนจำได้แค่เพียงถูกคนร้ายล็อคคอจากนั้นก็หมดสติไปเลย เมื่อร็ตัวอีกทีก็ตอนที่มาอยู่ที่ รพ. ส่วนทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย โทรศัพท์มือยี่ห้อโนเกีย 2 เครื่อง โทรศัพท์ยี่ห้อไอโมบาย 1 เครื่อง เงินสดเกือบ 5 พันบาท พร้อมกับเอกสานส่วนตัว

ต่อมาทางพ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.ธรรมศาลา พร้อมฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.7 ได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุทธมณฑล เพื่อขอบัตรประชาชนของคนร้ายจนกระทั้งทราบชื่อว่า นายสดุดี หงส์ประเสริฐ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 หมู่ที่ 9 ต.ท่านางแนว อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น และนายฐิติพงษ์ เหล่านุกูล อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 16 ต.ศรีสุข อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ขออนุญาตศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับ 3 คนร้าย ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากว่าผลจาการตรวจลายนิ้วมือในรถแท็กซี่ตรงกับนายสดุดี และนายฐิติพงษ์ ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้ทราบที่หลบหนีของคนร้ายหมดแล้วและติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.