ASTVผู้จัดการรายวัน-ปชป.ประชุมกก.คัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เตรียมส่งผลวิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็ง 4 แคนดิเดต โยนให้กรรมการบริหารพรรคชี้ขาด หากไม่พอใจ ก็เสนอคนใหม่ได้ อัด"เพื่อไทย"ยังไม่เปิดตัวผู้สมัคร หวังเลี่ยงข้อกฎหมาย ใช้ระบบราชการ งบประมาณ ในการสร้างคะแนนนิยม เอาเปรียบคู่แข่ง
วานนี้ (24ธ.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ โดยเชิญผู้แสดงความจำนงในการลงสมัคร ที่เหลืออีก 2 คน มาแสดงวิสัยทัศน์ คือ นายอภิชัย เตชะอุบล และ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตกรรมการบริหารพรรค โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. และนายประกอบ จิรกิตติ อดีต รองผู้ว่าฯกทม. ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปก่อนหน้าแล้ว โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
นายบัญญัติ เปิดเผยหลังการประชุมว่า กรรมการคัดเลือกผู้สมัครได้รวบรวมข้อมูลการแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลทั้ง 4 โดยวิเคราะห์จุดอ่อน และจุดแข็งของ แต่ละบุคคล ซึ่งการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ ถือว่ามีความหมายมาก และในวันนี้ได้ให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในกรรมการคัดเลือกฯ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ หนึ่งในกรรมการคัดเลือก รวบรวม และทำรายงานเพื่อส่งมาให้ตน จากนั้นคาดว่าจะส่งให้กรรมการบริหารพรรคได้ ในวันที่ 25 ธ.ค. และจากนั้น ถือเป็นอำนาจการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีสิทธิที่จะเลือกรายชื่อ 1 ใน 4 ที่เสนอไป หรือ เสนอบุคคลใหม่ขึ้นมาก็ได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่จะชี้แจง ทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะ ส.ก. และส.ข. ของพรรค ซึ่งเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ไม่คิดว่าเหนื่อยฟรี หากพรรคไม่เลือก 1 ใน 4 รายชื่อที่เสนอไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ พรรคจะเน้นในเรื่องนโยบายให้มากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายเฉพาะหน้า โดยให้สถาบันต่างๆ มาจัดทำแผนล่วงหน้าไประยะเวลา10 ปี ว่า กทม.ควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นคำตอบสำหรับประชาชนที่เป็นผู้เลือกตั้งในกรุงเทพฯ โดยตรง เช่น เรื่องรูปแบบการบริหารจัดการรถไฟฟ้า ควรทำให้ กทม.อยู่ในฐานะที่จะลดภาระให้แก่ผู้เดินทางได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น จากที่ส่วนต่อขยายเดิมเก็บอยู่ 15 บาท ก็จะสามารถปรับลดลงมาได้ในเบื้องต้น น่าจะเป็น 10 บาท และในอนาคตอีก 4 ปี น่าจะสามารถใช้ส่วนต่อขยายได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม สำหรับผู้ที่นั่งรถไฟฟ้าถึงปลายทางในส่วนต่อขยายซึ่งปัจจุบันจะต้องจ่ายเพิ่มนั้น ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอย่างนี้เป็นต้น
"การเปิดตัวผู้สมัคร ช้าหรือเร็ว ไม่ใช่ สูตรสำเร็จถึงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทย เดิมจะเปิดหลังพรรคประชาธิปัตย์ แต่ดูเหมือนเหลือชื่อเดียว แต่ก็ยังบอกยังไม่เปิด ขณะที่เจ้าตัวก็ยังกั๊กว่า จะลงสมัครหรือไม่ ยังไม่รู้ ก็แปลกดี" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกประจำตัวหวัหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 10 ม.ค. 55 จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่ากทม. เชื่อว่า การพิจารณาตัวผู้สมัครของพรรคจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขา ปปส. จึงขอวิงวอนว่า อย่าใช้สื่อของรัฐโปรโมทโฆษณาตัวเอง เพราะไม่ยุติธรรม เพราะมีข้อห้ามไม่ให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการออกสื่อ หรือโฆษณาผลงาน แต่อีกด้านใช้อำนาจรัฐผ่านทุกสื่อ ดังนั้นหากมีสปิริตการเมือง ก็ควรเคารพกฎกติกา อย่ายักยอกเวลา งบประมาณหลวงไปหาประโยชน์ส่วนตน เพราะเป็นการเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง และอยากให้จับตาการสร้างรัฐตำรวจ เพราะมีความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของตำรวจ ที่แอบอิงอำนาจทางการเมืองผ่านวาทกรรม “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ดังนั้นหากตำรวจไม่ทำให้เกิดความถูกต้อง ก็จะทำให้ประชาชนไม่ศรัทธา
วานนี้ (24ธ.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ โดยเชิญผู้แสดงความจำนงในการลงสมัคร ที่เหลืออีก 2 คน มาแสดงวิสัยทัศน์ คือ นายอภิชัย เตชะอุบล และ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตกรรมการบริหารพรรค โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. และนายประกอบ จิรกิตติ อดีต รองผู้ว่าฯกทม. ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปก่อนหน้าแล้ว โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
นายบัญญัติ เปิดเผยหลังการประชุมว่า กรรมการคัดเลือกผู้สมัครได้รวบรวมข้อมูลการแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลทั้ง 4 โดยวิเคราะห์จุดอ่อน และจุดแข็งของ แต่ละบุคคล ซึ่งการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ ถือว่ามีความหมายมาก และในวันนี้ได้ให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในกรรมการคัดเลือกฯ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ หนึ่งในกรรมการคัดเลือก รวบรวม และทำรายงานเพื่อส่งมาให้ตน จากนั้นคาดว่าจะส่งให้กรรมการบริหารพรรคได้ ในวันที่ 25 ธ.ค. และจากนั้น ถือเป็นอำนาจการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีสิทธิที่จะเลือกรายชื่อ 1 ใน 4 ที่เสนอไป หรือ เสนอบุคคลใหม่ขึ้นมาก็ได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่จะชี้แจง ทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะ ส.ก. และส.ข. ของพรรค ซึ่งเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ไม่คิดว่าเหนื่อยฟรี หากพรรคไม่เลือก 1 ใน 4 รายชื่อที่เสนอไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ พรรคจะเน้นในเรื่องนโยบายให้มากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายเฉพาะหน้า โดยให้สถาบันต่างๆ มาจัดทำแผนล่วงหน้าไประยะเวลา10 ปี ว่า กทม.ควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นคำตอบสำหรับประชาชนที่เป็นผู้เลือกตั้งในกรุงเทพฯ โดยตรง เช่น เรื่องรูปแบบการบริหารจัดการรถไฟฟ้า ควรทำให้ กทม.อยู่ในฐานะที่จะลดภาระให้แก่ผู้เดินทางได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น จากที่ส่วนต่อขยายเดิมเก็บอยู่ 15 บาท ก็จะสามารถปรับลดลงมาได้ในเบื้องต้น น่าจะเป็น 10 บาท และในอนาคตอีก 4 ปี น่าจะสามารถใช้ส่วนต่อขยายได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม สำหรับผู้ที่นั่งรถไฟฟ้าถึงปลายทางในส่วนต่อขยายซึ่งปัจจุบันจะต้องจ่ายเพิ่มนั้น ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอย่างนี้เป็นต้น
"การเปิดตัวผู้สมัคร ช้าหรือเร็ว ไม่ใช่ สูตรสำเร็จถึงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทย เดิมจะเปิดหลังพรรคประชาธิปัตย์ แต่ดูเหมือนเหลือชื่อเดียว แต่ก็ยังบอกยังไม่เปิด ขณะที่เจ้าตัวก็ยังกั๊กว่า จะลงสมัครหรือไม่ ยังไม่รู้ ก็แปลกดี" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกประจำตัวหวัหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 10 ม.ค. 55 จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่ากทม. เชื่อว่า การพิจารณาตัวผู้สมัครของพรรคจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขา ปปส. จึงขอวิงวอนว่า อย่าใช้สื่อของรัฐโปรโมทโฆษณาตัวเอง เพราะไม่ยุติธรรม เพราะมีข้อห้ามไม่ให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการออกสื่อ หรือโฆษณาผลงาน แต่อีกด้านใช้อำนาจรัฐผ่านทุกสื่อ ดังนั้นหากมีสปิริตการเมือง ก็ควรเคารพกฎกติกา อย่ายักยอกเวลา งบประมาณหลวงไปหาประโยชน์ส่วนตน เพราะเป็นการเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง และอยากให้จับตาการสร้างรัฐตำรวจ เพราะมีความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของตำรวจ ที่แอบอิงอำนาจทางการเมืองผ่านวาทกรรม “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ดังนั้นหากตำรวจไม่ทำให้เกิดความถูกต้อง ก็จะทำให้ประชาชนไม่ศรัทธา
