xs
xsm
sm
md
lg

กระเช้าสุขภาพบูมช่วงปีใหม่ แต่กิ๊ฟชอปซบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส่องกำลังการซื้อคนไทยรับเทศกาลของขวัญปีใหม่ “สก๊อต-แบรนด์” ระบุตลาดกระเช้าสินค้าเพื่อสุขภาพคึกคัก เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลมาแรงเป็นสินค้ายอดฮิตจัดกระเช้า ด้านกิ๊ฟช็อปของขวัญ-ของชำร่วยซบเซาหนัก โอดนโยบายรถคันแรกกระทบกำลังซื้อ คนระมัดระวังเก็บเงินดาวน์รถปีหน้า

นายสมโภช ชวาลเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสก๊อตรังนก เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซุปไก่สกัด รังนก ผลไม้สกัด ในช่วงไตรมาสสี่ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายของสินค้า ปีนี้จะมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีปัจจัยน้ำท่วม โดยเฉพาะยอดขายสินค้าที่จัดเป็นกระเช้าของขวัญปีใหม่จะขายดีเป็นพิเศษ โดยนโยบาย รถคันแรก ไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อ สินค้าเพื่อสุขภาพอย่างแน่นอน

การตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทได้ใช้งบ 50 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับโฆษณากระเช้าของขวัญของสก๊อต เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง โดยกระเช้าของขวัญของสก๊อต มีราคาตั้งแต่ 400-2,000 บาท เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 15 พ.ย.นี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ตั้งเป้ายอดขายกระเช้าของขวัญราว 1,300 ล้านบาทและปีนี้คาดว่าผลประกอบการของบริษัทเติบโต 40% หรือมีรายได้ 3,400 ล้านบาท

ด้านความเคลื่อนไหวจากค่ายคู่แข่ง”แบรนด์”ปีนี้ได้จัดกระเช้าของขวัญขึ้นมาจำหน่ายเช่นเดียวกัน มีราคาตั้งแต่ 385 -1,700 บาท ภายใต้การใช้กลยุทธ์ราคา ชูความคุ้มค่าคุ้มราคาและความสะดวก โดยจัดโปรโมชั่นชุด Ultimate Wealthy Hamperลดราคาโดยเฉลี่ย 5-10% ซึ่งมีทั้งสินค้าแบรนด์ซุปไก่สกัด รังนก และผลไม้สกัด นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งกระเช้าของขวัญฟรีทางออนไลน์ โดยต้องมียอดการสั่งมูลค่า 1.2 หมื่นบาท

จากการสำรวจตลาดกระเช้าของขวัญปีใหม่ปีนี้ค่อนข้างมีความคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพที่เป็นสินค้าที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายภาครัฐไม่สนับสนุนการมอบกระเช้าของขวัญที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยกระเช้าของขวัญยอดนิยมและมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซุปไก่สกัด รังนก ผลไม้สกัด รวมไปถึงน้ำผลไม้ เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ อาทิ เปปทีน ฯลฯ และมีกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพนำเข้าจากต่างประเทศก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยราคากระเช้ามีเริ่มตั้งแต่ราคา 500-2,000 บาทขึ้นไป

***สินค้ากิ๊ฟช็อปซบเซาหนัก***
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ เลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ไทยมูลค่า 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 7กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจของขวัญและของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน อุตสาหกรรมของเล่นไทย ธุรกิจเครื่องใช้ในครัวเรือน ธุรกิจเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานไทย ธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้าน ธุรกิจผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แนวดีไซน์ ธุรกิจผู้ผลิต และผู้ส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือว่า ในช่วงปลายปีนี้หรือไตรมาสสุดท้ายสภาพอุตสาหกรรมไม่มีความคึกคักมากนัก ซึ่งปกติเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง คนไทยจะออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อซื้อสินค้ามอบเป็นของขวัญส่งท้ายปลายปีต้อนรับปีใหม่

ทั้งนี้ปกติยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ของกลุ่มอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วนถึง 50% ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าและระมัดระวังการจับจ่าย มาจากผลพวงจากนโยบายรถคันแรกของทางภาครัฐ ซึ่งพบว่า คนต้องการเก็บเงินเพื่อไปดาวน์รถยนต์ในอีก 5-6 เดือนข้างหน้านี้

จากการสำรวจในย่านเยาวราชหรือสำเพ็งของสมาพันธ์ฯ ซึ่งเป็นแหล่งซื้อของขวัญต่างๆค่อนข้างเงียบไม่มีความคึกคัก และเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะปีปัจจัยลบวิกฤติน้ำท่วม แต่คนส่วนใหญ่ก็ออกมาจับจ่าย โดยเฉพาะการซื้อสินค้าไปเพื่อบริจาค เชื่อว่าปีนี้ความคึกคักหรือเม็ดเงินสะพัดจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

***รถคันแรกพ่นพิษของขวัญ-ชำร่วย***
ด้านนายสิริชัย เลิศศิริมิตร นายกสมาคมของ ขวัญและชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน กล่าวว่า กำลังการซื้อของ ผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้ชะลอตัวลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จากปกติในช่วงเวลานี้ต้องการออกจับจ่ายใช้สอย เพื่อซื้อสินค้ามอบเป็นของขวัญ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากผลพวงจากนโยบายรถคันแรกนอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมของคนไทยชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมมากกว่าจะซื้อสินค้าของคนไทยด้วยกัน

“พฤติกรรมของคนไทยไม่ค่อยอุดหนุนสินค้าที่เป็นของไทยมากนัก ในส่วนนี้ต้องการให้ภาครัฐหันมารณรงค์ให้คนไทยใช้ของไทยเช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น เศรษฐกิจจะได้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย”

นายสิริชัย กล่าวว่า บรรยากาศโดยรวมการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จะมีปัจจัยจากวิกฤตน้ำท่วม แต่คนส่วนใหญ่ก็หันไปซื้อสินค้าในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าแทน ในขณะที่ปีนี้บรรยากาศกระทั่งเข้ากลางเดือนธันวาคม การจับจ่ายใช้สอยยังไม่คึกคักเท่าที่ควร
กำลังโหลดความคิดเห็น