ASTVผู้จัดการรายวัน - “โตชิบา” หวั่นปีหน้าปัญหาแรงงานรุนแรงหนัก ทั้งหายาก ต้นทุนพุ่งและแรงาต่างด้าวทะลักเข้าไทย พร้อมปรับแผนธุรกิจ รับเออีซี โหมช่องทางดีลเลอร์มากขึ้น ลุยสินค้านวัตกรรม พร้อมขยายความแข็งแกร่งกลุ่มบิวตี้และเฮลท์ตี้
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในปีหน้า (ปี2556) คือ ปัญหาบุคลากร เพราะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเน 300 บาทั่วประเทศที่จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นแล้วการหาแรงงานก็จะยากมากขึ้น เพราะแรงงานส่วนใหญ่ก็อาจจะเลือกทำงานในถิ่นฐานเดิมของตัวเอง เพราะไม่ต้องเสียค่าครองชีพที่แพงขึ้นแต่รายได้ก็เท่ากัน
นอกจากนั้นยังมีปัญหาทางด้านแรงงานจากต่างประทศ ที่จะเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น ซึ่งจะกระทบกับแรงงานไทยที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 เช่น ตอนนี้ก็มีแรงานจากฟิลิปปินส์เข้ามาทำงานในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว สังเกตุได้จากการที่เราเจอพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้
ทั้งนี้บริษัทฯได้ปรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า ( 2556) เพื่อ่ชรองรับกับการแข่งขันในธุกริจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดเออีซีด้วย
โดยแผนงานใหม่นั้น บริษัทฯจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานและสร้างความเข้าใจร่วมกับดีลเลอร์ที่มีอยู่ประมาณ 350 รายให้มากขึ้นจากเดิมทำอยู่แล้ว เพื่อใช้เป็นช่องทางขายที่สำคัญอีกช่องทางหนึ่ง เนื่องจากระบบการขายแบบเน้นแต่ช่องทางโมเดิร์นเทรดนั้น ไม่สามารถที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แบบครอบคลุม
นอกจากนั้นจะนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาทำตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างจากคุ่แข่งเช่น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถออกแบบลวดลายและสีสันของประตูตู้เย็นได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีสินค้านวัตกรรมใหม่ลงตลาดดมากกว่า 10 รายการ เช่น กลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ฟฟ้าภายในบ้าน 4-5 รายการ กลุ่มเอวี หรือภาพและเสียง 2-3 รายการ และกลุ่มไอที 4-5 รายการ
รวมทั้งจะขยายการทำตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพหรือเฮลท์ตี้และกลุ่ทความงามหรือบิวตี้มากขึ้นด้วย เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปโดยหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและดูแลตัวเองมากขึ้น
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในปีหน้า (ปี2556) คือ ปัญหาบุคลากร เพราะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเน 300 บาทั่วประเทศที่จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นแล้วการหาแรงงานก็จะยากมากขึ้น เพราะแรงงานส่วนใหญ่ก็อาจจะเลือกทำงานในถิ่นฐานเดิมของตัวเอง เพราะไม่ต้องเสียค่าครองชีพที่แพงขึ้นแต่รายได้ก็เท่ากัน
นอกจากนั้นยังมีปัญหาทางด้านแรงงานจากต่างประทศ ที่จะเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น ซึ่งจะกระทบกับแรงงานไทยที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 เช่น ตอนนี้ก็มีแรงานจากฟิลิปปินส์เข้ามาทำงานในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว สังเกตุได้จากการที่เราเจอพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้
ทั้งนี้บริษัทฯได้ปรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า ( 2556) เพื่อ่ชรองรับกับการแข่งขันในธุกริจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดเออีซีด้วย
โดยแผนงานใหม่นั้น บริษัทฯจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานและสร้างความเข้าใจร่วมกับดีลเลอร์ที่มีอยู่ประมาณ 350 รายให้มากขึ้นจากเดิมทำอยู่แล้ว เพื่อใช้เป็นช่องทางขายที่สำคัญอีกช่องทางหนึ่ง เนื่องจากระบบการขายแบบเน้นแต่ช่องทางโมเดิร์นเทรดนั้น ไม่สามารถที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แบบครอบคลุม
นอกจากนั้นจะนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาทำตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างจากคุ่แข่งเช่น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถออกแบบลวดลายและสีสันของประตูตู้เย็นได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีสินค้านวัตกรรมใหม่ลงตลาดดมากกว่า 10 รายการ เช่น กลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ฟฟ้าภายในบ้าน 4-5 รายการ กลุ่มเอวี หรือภาพและเสียง 2-3 รายการ และกลุ่มไอที 4-5 รายการ
รวมทั้งจะขยายการทำตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพหรือเฮลท์ตี้และกลุ่ทความงามหรือบิวตี้มากขึ้นด้วย เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปโดยหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและดูแลตัวเองมากขึ้น