ASTVผู้จัดการรายวัน-“บุญทรง”เคาะเป้าส่งออกปี 56 โต 8-9% มูลค่า 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมทบทวนเป้าหมายในอีก 5 เดือนข้างหน้า จับตาวิกฤตยูโร ค่าแรง ฉุดส่งออกไทย
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยปี 2556 เพิ่มขึ้น 8-9% มูลค่า 250,410 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากการส่งออกปี 2555 ที่คาดว่าจะส่งออกได้มูลค่า 231,861 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.17% ซึ่งกระทรวงฯ เห็นว่า เป้าดังกล่าวน่าจะทำได้และสอดคล้องกับที่ได้มีการหารือร่วมกับทูตพาณิชย์ และภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่างๆ ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ ได้ประเมินไว้มีตั้งแต่ขั้นต่ำไปจนถึงขั้นสูง ตั้งแต่ 5-12.2%
“เป้าหมายการส่งออกปีหน้าที่กำหนดไว้ 8-9% จะถือเป็นเป้าทำงาน โดยจะมีการทบทวนเป้าหมายดังกล่าวอีกครั้งในเดือนพ.ค.2556 หรืออีก 5 เดือนข้างหน้า ซึ่งตอนนั้นจะดูว่าการส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ หรือควรจะมีการปรับลดหรือเพิ่มเป้าส่งออกอย่างไร”นายบุญทรงกล่าว
ทั้งนี้ สินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงในปี 2556 ได้แก่ ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 15% เครื่องใช้ไฟฟ้า 5% วัสดุก่อสร้าง 10% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 10% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป 12% ขณะที่สินค้าที่มีแนวโน้มการส่งออกทรงตัว ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เม็ดพลาสติก เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการส่งออกลดลง เช่น กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป ติดลบ 10% และผักผลไม้ ติดลบ 5% โดยสินค้าที่ส่งออกลดลงจะพยายามเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อผลักดันให้ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกุ้งที่ติดปัญหาเรื่องแรงงานและเชื้อโรค
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกปีหน้า ยังคงเป็นผลกระทบจากวิกฤติยูโรโซน ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการแข่งขันกับประเทศที่ผลิตสินค้าในลักษณะเดียวกันกับไทย และผลกระทบจากการปรับค่าแรงงาน 300 บาท ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะร่วมหากับภาคเอกชนในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)
เพื่อเตรียมมาตรการรองรับเรื่องผลกระทบค่าแรงงาน 300 บาทในวันนี้ (18 ธ.ค.)
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จะตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบต่อการส่งออก เพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาและอุปสรรคทางการค้าและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ส่งออกได้ทันท่วงที รวมทั้งจะนำข้อมูลที่ได้จากการประชุมทูตพาณิชย์ และภาคเอกชน มาจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อผลักดันการส่งออกในปี 2556 โดยจะมีโครงการและกิจกรรมใหม่ๆ ที่จะเร่งผลักดันการส่งออก โดยเฉพาะการเจาะตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งปีหน้าจะเน้นเจาะตลาดไปยังตลาดอาเซียน อินเดีย จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น
โดยเป้าหมายการส่งออกแยกเป็นรายตลาดในปี 2556 ได้แก่ อาเซียน เพิ่มขึ้น 10% โดยเฉพาะอินโดจีนเพิ่มขึ้น 20% จีน เพิ่มขึ้น 8% เอเชียใต้ 5% ตะวันออกกลาง 5% ออสเตรเลีย 10% สหรัฐฯ 5% ลาตินอเมริกา 15% แอฟริกา 8% ญี่ปุ่น 5% สหภาพยุโรป 0% เป็นต้น
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยปี 2556 เพิ่มขึ้น 8-9% มูลค่า 250,410 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากการส่งออกปี 2555 ที่คาดว่าจะส่งออกได้มูลค่า 231,861 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.17% ซึ่งกระทรวงฯ เห็นว่า เป้าดังกล่าวน่าจะทำได้และสอดคล้องกับที่ได้มีการหารือร่วมกับทูตพาณิชย์ และภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่างๆ ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ ได้ประเมินไว้มีตั้งแต่ขั้นต่ำไปจนถึงขั้นสูง ตั้งแต่ 5-12.2%
“เป้าหมายการส่งออกปีหน้าที่กำหนดไว้ 8-9% จะถือเป็นเป้าทำงาน โดยจะมีการทบทวนเป้าหมายดังกล่าวอีกครั้งในเดือนพ.ค.2556 หรืออีก 5 เดือนข้างหน้า ซึ่งตอนนั้นจะดูว่าการส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ หรือควรจะมีการปรับลดหรือเพิ่มเป้าส่งออกอย่างไร”นายบุญทรงกล่าว
ทั้งนี้ สินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงในปี 2556 ได้แก่ ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 15% เครื่องใช้ไฟฟ้า 5% วัสดุก่อสร้าง 10% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 10% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป 12% ขณะที่สินค้าที่มีแนวโน้มการส่งออกทรงตัว ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เม็ดพลาสติก เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการส่งออกลดลง เช่น กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป ติดลบ 10% และผักผลไม้ ติดลบ 5% โดยสินค้าที่ส่งออกลดลงจะพยายามเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อผลักดันให้ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกุ้งที่ติดปัญหาเรื่องแรงงานและเชื้อโรค
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกปีหน้า ยังคงเป็นผลกระทบจากวิกฤติยูโรโซน ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการแข่งขันกับประเทศที่ผลิตสินค้าในลักษณะเดียวกันกับไทย และผลกระทบจากการปรับค่าแรงงาน 300 บาท ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะร่วมหากับภาคเอกชนในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)
เพื่อเตรียมมาตรการรองรับเรื่องผลกระทบค่าแรงงาน 300 บาทในวันนี้ (18 ธ.ค.)
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จะตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบต่อการส่งออก เพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาและอุปสรรคทางการค้าและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ส่งออกได้ทันท่วงที รวมทั้งจะนำข้อมูลที่ได้จากการประชุมทูตพาณิชย์ และภาคเอกชน มาจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อผลักดันการส่งออกในปี 2556 โดยจะมีโครงการและกิจกรรมใหม่ๆ ที่จะเร่งผลักดันการส่งออก โดยเฉพาะการเจาะตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งปีหน้าจะเน้นเจาะตลาดไปยังตลาดอาเซียน อินเดีย จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น
โดยเป้าหมายการส่งออกแยกเป็นรายตลาดในปี 2556 ได้แก่ อาเซียน เพิ่มขึ้น 10% โดยเฉพาะอินโดจีนเพิ่มขึ้น 20% จีน เพิ่มขึ้น 8% เอเชียใต้ 5% ตะวันออกกลาง 5% ออสเตรเลีย 10% สหรัฐฯ 5% ลาตินอเมริกา 15% แอฟริกา 8% ญี่ปุ่น 5% สหภาพยุโรป 0% เป็นต้น
