xs
xsm
sm
md
lg

โหวตวาระ3เดือดแน่พธม.พร้อมชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐบาลนัดประกาศเจตนารมณ์ วันรัฐธรรมนูญ "วราเทพ" เผยเลื่อนส่งมอบรายงานคณะทำงานให้พรรคร่วมเร็วขึ้นเป็น 11 ธ.ค. ด้าน"โฆษกฯรัฐบาล" เชื่อ ดันรธน.วาระ3 เดือดแน่ ติงปชป. ขวางทุกวิธี ซัดรธน.ปี 50 ทหาร เคยบีบประชาชนให้ยอมรับ ปชป. กลับไม่โวยวาย "จำลอง" ลั่นโหวตวาระ 3 เจอพลังพันธมิตรฯแน่ กลุ่ม"สยามประชาภิวัฒน์" ออกแถลงการณ์ ให้ยุติการโหวตวาระ 3 เพราะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ขณะที่กลุ่มเสื้อแดง จัดแรลลี่ตระเวนกรุง รณรงค์โหวต วาระ 3 เอแบคโพลล์ ชี้ แก้รธน.จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง และจะเกิดการชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลในปีหน้า

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กล่าวถึงการนับหนึ่งเริ่มกิจกรรมรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญ ที่ 10 ธ.ค. และมีความพิเศษคือ จะเป็นวันครบรอบ 80 ปี ประกอบกับอยู่ในช่วงที่มีการพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตย มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญค้างพิจารณาในสภา จึงถือเป็นโอกาสดีที่พรรคการเมืองซึ่งจะไปร่วมพิธีวางพวงมาลา วันรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภา จะได้พบปะ และร่วมหารือระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็ไม่ขัดข้องหากพรรคการเมืองอื่นจะเข้าร่วม จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. หลังการหารือแล้ว หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทำให้ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับการส่งมอบรายงานผลการศึกษาของคณะทำงานฯให้กับพรรคร่วมรัฐบาล เดิมที่กำหนดไว้วันที่ 17ธ.ค. จะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม เป็นวันที่ 11 ธ.ค. เมื่อพรรคร่วมได้ศึกษารายงานแล้วจึงได้ความชัดเจนเรื่องของการลงมติวาระ 3 รวมถึงรูปแบบของกิจกรรมรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

**ดัน “รธน.วาระ3” เดือดแน่

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเสนอให้เดินหน้าลงมติ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ว่า สถานการณ์คงดุเดือดขึ้น แต่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เพราะเรื่องนี้เราก็สู้กันมาอย่างเต็มที่แล้วในสภา พรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามสู้ทุกวิถีทาง เช่น แปรญัตติเล่นกันทุกมาตรา อภิปรายกันหลายวัน รวมทั้งมีการแย่งเก้าอี้ประธานสภา มีการขว้างแฟ้ม และท้ายที่สุดก็ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแล้ว ก็น่าจะยอมรับกระบวนการที่จะดำเนินต่อไป และก็เห็นว่าจะไปยื่นอีกรอบ ถ้าเล่นกันอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

นพ.ทศพร กล่าวว่า สมัยที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นยิ่งเห็นชัดเลยว่า ก่อนหน้านั้นมีการเลือกตั้งที่เป็นเขตละ 3 คน แต่ประชาธิปัตย์มองว่า พรรคพลังประชาชน ในขณะนั้นได้เปรียบ ก็เลยอยากจะแก้กลับไปเป็นเขตเดียว-คนเดียว เหมือนเดิม เพื่อสลายความได้เปรียบ จุดมุ่งหมายแบบนี้แท้ๆเลย เขายังทำได้ และเมื่อประชาธิปัตย์มีเสียงข้างมากกว่าในขณะนั้น ก็ลากผ่านไปได้ พรรคเพื่อไทยไม่เห็นจะออกมาโวยวาย หรือขัดขวาง ก็ยังปล่อยให้มีการแก้ไข แล้วตอนนี้ถ้าจะมีการแก้ไขบ้าง ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้าแก้กันโดยวิถีทางประชาธิปไตย มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากทั่วประเทศ จากนั้นก็มีประชามติอีกครั้ง

"แล้วทีทหารทำประชามติในปี 2550 ก็รู้กันชัดเจนว่าทหารในยุคนั้น ออกมาบีบบังคับมาควบคุมประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เห็นตำหนิโวยวาย อะไรเลย แต่ครั้งนี้เป็นวิถีทางประชาธิปไตย ทำไมต้องมาขวางกัน ก็สู้กันในวิถีทางประชาธิปไตยไป" นพ.ทศพร กล่าว

***พธม.ลั่นรัฐแก้รธน.เจอแน่

วานนี้ (9 ธ.ค.) พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เปิดเวทีเสวนาปฏิรูปประเทศไทย ทวงคืน ปตท.ให้คนไทยทั้งประเทศที่ จ.หนองคาย โดยใช้สถานที่ห้องประชุมทับทิมโรงแรมแกรนด์ พาราไดซ์ อ.เมืองหนองคาย ซึ่งเริ่มเปิดเวทีตั้งแต่เวลา 10.00 น.กระทั่งเวลา 13.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม.ขึ้นเวทีเป็นคนแรก หลังจากนั้นแกนนำ พธม.ได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวที โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงภาพความประทับใจในวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้แสดงให้เห็นพลังของประชาชนที่จงรักภักดีได้ร่วมกันใส่เสื้อสีเหลืองอย่างพร้อมเพรียงกัน เปล่งเสียงทรงพระเจริญ จึงอยากเตือนสติทหารว่า การกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณพร้อมเดินสวนสนาม อย่าพูดแต่ปาก ขอให้ปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ในทุกรูปแบบที่ทำได้

"การชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยาม ที่ เสธ.อ้าย นำคลิป มาเปิดเป็นที่ชัดเจนถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจนถึงขั้นใส่ร้ายพระองค์ แต่ทหาร ตำรวจกลับนิ่งเฉย จนถึงตอนนี้ไม่มีการดำเนินการกับผู้ใด ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีผู้นำหลักฐานสำคัญไปมอบให้ทางการ ขอให้ดำเนินการอย่านิ่งเฉย"

พล.ต.จำลอง ยังขอให้ทุกคนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การที่รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ให้รีบทำแล้ววันนั้นจะได้เห็นพลังของมวลชนพันธมิตรฯ อีกครั้ง เพราะศาลชี้ชัดแล้วว่าการดำเนินการต้องผ่านการประชาพิจารณ์ก่อนหากรัฐยังเมินเฉย จนมีการแก้รัฐธรรมนูญหากมีความเสียหายต่อชาติและราชบัลลังก์ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

ด้านนายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษก พธม.กล่าวว่า หนังสือคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในการสั่งงดการจุดพลุในวันที่ 5 ธ.ค.55 ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ และต้องตอบให้ได้ว่าเหตุใดจึงให้งดจุดพลุในวันสำคัญเช่นนี้ จะมาอ้างว่าสิ้นเปลืองงบประมาณไม่ได้

ในเร็วๆ นี้ พธม.จะล่ารายชื่อให้ได้หนึ่งแสนรายชื่อเพื่อขับเคลื่อน ร่าง พรบ.ปิโตรเลียมฉบับใหม่ ที่สามารถให้คนไทยทั้งประเทศเป็นเจ้าของน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊สธรรมชาติ ให้ได้ใช้เชื้อเพลิงราคาถูกลง แก๊สเหลือ 7 บาท น้ำมันเบนซิน 91 เหลือลิตรละ 19 บาท โดยจะมีการยื่นฟ้องศาลปกครองทวงคืน ปตท.ให้แก่คนไทย ระหว่างนี้ พธม. ได้เดินสายให้ความรู้ถึงการนำ ปตท.กลับคืนมา และให้ความรู้ถึงแหล่งพลังงานในประเทศไทย ให้คนไทยทุกจังหวัดทั่วทุกภาคได้รู้ข้อมูลที่เป็นจริงและมีประโยชน์ให้มากที่สุด

ขณะที่นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม. ย้ำถึงความสำคัญของการทวงคืน ปตท. เป็นหน้าที่สำคัญของ พธม. และประชาชนทั้งประเทศที่ต้องร่วมมือกัน ดังนั้นอยากให้ทุกคนร่วมมือกัน และหากได้รับสัญญาณจากแกนนำ ขอให้รวมพลังกันไว้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน พลังขับเคลื่อนการปฏิรูปจึงจะสำเร็จผล.

***"สยามประชาภิวัฒน์”ค้านโหวตวาระ 3

ด้านกลุ่ม "สยามประชาภิวัฒน์” ออกแถลงการณ์ ให้ยุติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า

สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันได้มีการตระเตรียมเสนอต่อรัฐสภา เพื่อให้นำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ค้างในวาระการประชุม เพื่อลงมติในวาระ 3 โดยไม่ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยไว้ว่า การที่รัฐสภาใช้อำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ2550 มาตรา 291 จนนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา 291 แต่กลุ่มผู้ตระเตรียมดังกล่าว กลับตีความเองว่าเป็นเพียง “คำแนะนำ” ซึ่งรัฐสภาจะดำเนินการตามหรือไม่ก็ได้

ดังนั้น กลุ่ม “สยามประชาภิวัฒน์” จึงขอเสนอหลักการทางรัฐธรรมนูญต่อสาธารณชนที่สำคัญเพื่อพิจารณาประกอบการวินิจฉัยในความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็น การยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อันสะท้อนถึงการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหลักการทางรัฐธรรมนูญและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ดังนี้

1. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้วินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยแก้ไขมาตรา 291 จนนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา 291 ไม่ใช่“คำแนะนำ” ต่อรัฐสภา แต่เป็นคำวินิจฉัยที่เป็น “คำพิพากษา” ตามประเด็นข้อพิพาทของผู้ฟ้องคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้เป็นประเด็นที่สาม จากจำนวนประเด็นที่ต้องวินิจฉัยจำนวนสี่ประเด็น เป็นการวินิจฉัยปัญหา “ข้อกฎหมาย” จากเจตนารมณ์มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ตามหลักการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นไปตามหลักการในการทำคำวินิจฉัยตามมาตรา 216 วรรคสี่ และมีผลผูกพันรัฐสภาและองค์กรต่างๆ ตามมาตรา 216 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญ 2550 การที่กระทำรัฐสภาและพรรคการเมืองกระทำการลงมติในวาระที่ 3 โดยไม่ปฏิบัติตามผลผูกพันของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
2. ข้อพิจารณาในทางวิชาการ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติและพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องพิจารณาและคำนึงถึงเป็นหลักการสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความชอบธรรม เป็นไปหลัก “นิติรัฐ” ที่สมกับเหตุผลชอบธรรม ไม่กระทำการเกินขอบอำนาจของรัฐสภาที่ได้รับมอบจากรัฐธรรมนูญ

3. การลงมติในวาระที่ 3 จะนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งสำคัญของประเทศ อันเนื่องมากจากการเสนอลงมติดังกล่าวจะเป็นการทำลายหลักการสำคัญของการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญ และฝืนความรู้สึกของประชาชนที่ร่วมสถาปนารัฐธรรมนูญ 2550 ขึ้น ตามหลักการใช้อำนาจอธิปไตยโดยตรงของประชาชนด้วยการออกเสียงประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กระทำเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่มโดยไม่คำนึงเสียงประชาชนที่ได้ออกเสียงประชามติ จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างรัฐสภากับประชาชน รัฐบาลกับประชาชน และระหว่างประชาชนด้วยกัน และจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงให้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งดังกล่าวในวงกว้างได้

กลุ่ม “สยามประชาภิวัฒน์” จึงขอเรียกร้องให้รัฐสภา พรรคการเมือง หรือกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ คำนึงถึงหลักการดังกล่าว หลักนิติรัฐ และหลักการในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ยุติการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยการลงมติในวาระที่ 3 ที่เป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนต่อผลผูกพันของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยทันที และดำเนินการให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้ว เพื่อสร้างความปรองดองและลดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน อันจะนำสังคมสู่สันติสุขได้อย่างแท้จริง

**สั่งจับตาแรลลี่แดงหนุนแก้รธน.

พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่าในวันที่ 10 ธ.ค. ทางกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายพายัพ ปั้นเกตุ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย และตนเอง จะจัดขบวนแรลลี "โค่นอำมาตย์ สถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน" เคลื่อนไปตามแต่ละจุดใน กทม. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าลงมติร่างรัฐธรรมนูญใน วาระ 3 เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 50 ที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นมรดกตกทอดของอำนาจเผด็จการและการรัฐประหารเมือปี 49 อีกทั้งที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภาได้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยความถูกต้อง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้กับประชาชน จนได้รับเลือกตั้งให้ด้วยเสียงข้างมากให้เป็นรัฐบาล

ทั้งนี้ จะมีการรวมขบวนทั้งรถมอเตอร์ไซค์ เเละรถยนต์ ที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 09.00 น. จากนั้นจะเคลื่อนไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อวางพวงมาลาถวายต่อ รัชกาลที่ 7 เคลื่อนไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้กำลังใจต่อรัฐบาลในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนจะเคลื่อนไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และ พรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกร้องให้ ส.ส.ทำหน้าที่เดินหน้าโหวต วาระ 3 ต่อ แล้วกลับมาสิ้นสุดที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อเปิดการเสวนาและการปราศรัย โดยจะมีนักวิชาการมาร่วมเสวนานำโดย นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และงานจะจบลง ในเวลาประมาณ 23.00 น. คาดว่าจะมีคนเสื้อแดงเข้าร่วมแรลลีครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน

**โพลชี้ขัดแย้งแรง-ไล่รัฐบาลปีหน้า

เอแบคโพลล์ สำรวจความคิดเห็นประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวน 2,062 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 26 พ.ย.ถึง 8 ธ.ค. 55 กรณีเรื่องง่าย เรื่องยากในประเด็นร้อนการเมืองไทย พบว่า ร้อยละ 90.8 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ขณะที่ร้อยละ 56.1 มองว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล จะลงมติวาระ 3 แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องง่าย และเห็นด้วยหากจะทำการแก้ไข ถึงร้อยละ 48.2 ส่วนร้อยละ 63.4 มองว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่จบยาก และคิดว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ในเดือนธันวาคมถึงร้อยละ 74.3 ตลอดจนมองว่าเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเป็นเรื่องที่จบยาก ถึงร้อยละ 65.9 และทำให้รัฐบาลอยู่ยาก หากปล่อยปละละเลย ถึงร้อยละ 59.2

นอกจากนี้ ร้อยละ 67.5 คิดว่าเป็นไปได้ง่าย ที่จะเกิดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลในปีหน้า รวมถึงความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง ระหว่างกลุ่มสนับสนุน และไม่สนับสนุนรัฐบาลจะจบยากถึงร้อยละ89.4 และร้อยละ 42.7 มองว่า ปัญหาที่เป็นตัวเร่งบั่นทอนความสุขของคนไทยมากที่สุดคือ ปัญหาการเมือง

** ไม่ให้แก้ทั้งฉบับ-ต้องผ่านประชามติ

อีสานโพล เผยผลสำรวจเรื่อง "ชาวอีสานกับรัฐธรรมนูญ” โดยผลสำรวจพบว่า แม้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งถ้าจะแก้ทั้งฉบับ ต้องมีการทำประชามติ และเชื่อว่าหากมีการ แก้ไขโดยไม่ถามความเห็นประชาชนก่อน อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งรุนแรง

อีสานโพล ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 6-7 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่าง 749 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด พบว่า ร้อยละ 43.8 เห็นว่าควรแก้เป็นรายมาตราตามความเหมาะสม ขณะที่ ร้อยละ 41.3 เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม มีเพียงร้อยละ 12.3 ที่เห็นว่าควรแก้ทั้งฉบับ
เมื่อสอบถามว่า ทราบหรือไม่ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาตรา 291 เป็นมาตรา ว่าด้วยเรื่องอะไร ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 76.5 ไม่ทราบเลย รองลงมาร้อยละ 20.7 ทราบเพียงเล็กน้อย มีเพียงร้อยละ 2.8 ที่ทราบ/เข้าใจเป็นอย่างดี

เมื่อถามว่า หากรัฐสภาจะทำการลงมติโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ในวาระ 3 เพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.1 เห็นว่าควรทำประชามติก่อนโหวตวาระ 3 และให้ทำประชามติอีกครั้ง เพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญ รองลงมาร้อยละ 26.7 เห็นว่า ให้ทำประชามติก่อนโหวตวาระ 3 เพียงครั้งเดียว อีกร้อยละ 17.8 เห็นว่า ควรเดินหน้าโหวตวาระ 3 แล้วค่อยลงประชามติรับรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายหลัง และร้อยละ 14.3 ให้เดินหน้าแก้ไขได้เลย โดยไม่ต้องทำประชามติ นอกจากนี้ยังมีความเห็นอีกร้อยละ 2.5 เห็นว่าให้รัฐสภาโหวตร่างรัฐธรรมนูญให้ตกไป และอีกร้อยละ 3.6 ไม่ทราบ/ไม่แน่ใจ

หากปล่อยให้รัฐสภามีการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 โดยไม่มีการทำประชามติ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 40.7 เชื่อว่าจะส่งผลไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้น หรือการประท้วงที่รุนแรง รองลงมาร้อยละ 35.8 ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 23.5 เชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น