xs
xsm
sm
md
lg

ลดค่าใช่จ่ายให้ประชาชน...ฝากถึงนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ทวิช จิตรสมบูรณ์

ที่ผ่านมาพรรคการเมืองมักเน้นประเด็นหาเสียงไปที่การเพิ่มรายได้ ด้วยการเพิ่มจีดีพี (การลงทุนจากต่างชาติ ตามฟอร์ม) แต่สิ่งที่ผมกำลังจะเสนอในที่นี้คือ การลดรายจ่ายให้ประชาชน ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าพรรคการเมืองใดเอาไปใช้หาเสียงข้อใดข้อหนึ่ง หรือทั้งหมด น่าจะได้คะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำเป็นแน่

วิธีการลดรายจ่าย เช่น....

ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลง ซึ่งจะทำได้อย่างง่ายดายด้วยการนำเอาบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเชื้อเพลิงกลับคืนมาบริหารโดยรัฐ แล้วจัดราคาให้เป็นสองระดับคือ ระดับประชาชนทั่วไปให้มีราคาถูกพอกำไรเล็กน้อย ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมให้มีราคาที่สูงขึ้น เพื่อทำกำไรพอประมาณ โดยเฉพาะโรงงานของต่างชาติ

ลดราคามือถือลงมา ด้วยการให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการด้านเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือเพียงเจ้าเดียว ส่วนบริษัทเอกชนทำหน้าที่ให้บริการต่อเชื่อมกับประชาชน โดยบริษัทเช่าเครือข่ายจากรัฐตามปริมาณที่ใช้จริง วิธีนี้จะทำให้ราคาค่าใช้มือถือถูกลงมาก เพราะแต่ละบริษัทไม่ต้องลงทุนมหาศาลในการสร้างและบำรุงรักษาระบบเครือข่าย อีกทั้งยังทำให้บริษัทเล็กบริษัทน้อยก็สามารถแข่งกับบริษัทใหญ่ได้เพื่อตัดราคากัน

ยกเลิกด่านตำรวจทั่วประเทศ เพราะด่านตำรวจนั้นทำให้ประชาชนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงก็คือต้องจ่ายค่าปรับ (ซึ่งไม่รู้เข้ากระเป๋าใคร) ทางอ้อมคือเสียเวลาจากการที่รถติดยาวเหยียด (เวลาเป็นเงินเป็นทอง) เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น (เงิน) แต่ที่มองเห็นยากคือทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น เพราะรถขนสินค้า (เช่น ผัก เสื้อ ผ้า) ต้องเสียเงินผ่านด่านในการขนสินค้า พวกเขาก็เงินที่เสียไปนั้นมาบวกเข้ากับราคาสินค้าที่ขายนั่นเอง

ลดค่าน้ำดื่ม..ด้วยการทำน้ำประปาให้สะอาดจนดื่มได้ เพราะทุกวันนี้คนไทยเราเสียเงินไปกับน้ำดื่มมาก เช่น ขวดละ ๑๐ บาท ดื่มวันละขวด ปีละ ๓,๖๕๐ บาทเข้าไปแล้ว นี่มันกำไรสุทธิจากการขายข้าวจำนวนสองไร่ของชาวนาอีสานเลยนะ แล้วชาวนาอีสานส่วนใหญ่มีนากันเพียง ๕ ไร่เท่านั้นเอง ทั้งที่การทำน้ำประปาให้ดื่มได้นั้นราคาลิตรละ ๑ สตางค์เท่านั้น แถมจะใส่ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุก็ยังได้ ใน สรอ. ยุโรป ญี่ปุ่น ประชาชนเขาห่วงสุขภาพกว่าเราร้อยเท่า เขาก็ยังกินน้ำก๊อกกันหมดทุกครัวเรือน

การที่ชาวนามีรายได้สุทธิต่อไร่น้อยมากเป็นเพราะมีค่าใช้จ่ายจากค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมาก เช่น หนึ่งไร่ได้ข้าว ๔๐๐ โล น่าจะขายได้สัก ๔,๐๐๐ บาท แต่เป็นค่ายาเสีย ๑,๐๐๐ อื่นๆ อีก มันก็เหลือเพียง ๒,๐๐๐ ถูกหักความชื้นอีก ๕๐๐ ก็เหลือเพียง ๑,๕๐๐ ดังนั้น รัฐต้องส่งเสริมเกษตรชีวภาพอย่างจริงจัง ควรถึงประกาศเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป พร้อมกันนั้นต้องผลักดันให้มหาวิทยาลัยทำการวิจัยด้านเกษตรชีวภาพแบบครบวงจร ทำดีๆ จะได้ไร่ละ ๖๐๐ กก. ขายได้ กก.ละ ๑๒ บาท (แพงกว่าข้าวปกติ) ค่าโสหุ้ยแล้ว (รวมทั้งปุ๋ยชีวภาพ ๓๐๐ บาท) ได้เงิน ๕,๓๐๐ ต่อไร่ (เทียบเดิม ๑,๕๐๐)

การทำเกษตรชีวภาพยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยอ้อมให้ประชาชนทั้งประเทศ คือ มีโรคน้อยลง (จากการกินอาหารที่ไม่ปนเปื้อนสารพิษ) พอมีโรคน้อยลงก็ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

การลดค่าใช้จ่ายอีกทาง คือ การทำถนนให้สะอาดปราศจากฝุ่น เพราะถนนโดยเฉพาะในตัวเมือง มีฝุ่นมาก จากการที่รถขนดินนำเอามาทิ้งไว้ทีละนิด จนมันพอกอยู่ริมฟุตปาธ พอรถวิ่งผ่านก็พัดฝุ่นปลิวออกไปเข้าบ้านเรือนริมถนน รวมทั้งระยะไกล ดังนั้นคนไทยเราวันนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคทางเดินหายใจกันมากเหลือเกิน (รวมทั้งโรคอื่นซึ่งมาจากอาหารปนสารพิษ)

ลดค่าทางด่วน (ในกทม.และปริมณฑล) ค่าทางด่วนใน สรอ.นั้นยิ่งนานไปก็จะยิ่งลดลง แต่ในประเทศไทยเรา ยิ่งนานไปยิ่งแพงขึ้น จนตอนนี้โดยเฉลี่ยจะเสียกันวันละประมาณ ๒๐๐ บาท เดือนละ ๖,๐๐๐ บาท การที่เขาลดค่าทางด่วนนั้นเป็นเพราะใช้หนี้เงินกู้หมดแล้ว จึงเก็บเอาเฉพาะค่าบำรุงรักษาถนนเท่านั้น เช่นเมื่อก่อนเคยเก็บ ๓๐ บาทมา ๒๐ ปี หลังจากนั้นเหลือ ๕ บาท แต่ของไทยเราวันนี้ขึ้นเป็น ๖๐ บาทไปแล้ว

ทำถนนให้ไร้หลุมบ่อทั่วประเทศ เพราะการมีหลุมบ่อทำให้เกิดอันตราย (เสียเงินซ่อมรถ ซ่อมสุขภาพ) นอกจากนี้ยังเสียค่าบำรุงรักษารถสูงมากด้วย (คนส่วนใหญ่ไม่รู้) โดยเฉพาะเครื่องล่างจะเสื่อมสภาพไวมาก ทำให้ต้องเสียเงินเปลี่ยนลูกหมาก โช๊ก ลูกปืนดุมล้อ ตั้งศูนย์ล้อบ่อยๆ (ซึ่งพวกนี้แพงมาก)

การทำถนนให้ไร้หลุมบ่อนั้นเป็นเทคโนโยลีที่แสนง่าย ที่ทำกันไม่ได้ก็เพราะการโกงกินนั่นเอง ผมขับรถมาบนถนนทุกสายในประเทศหลายเที่ยว ส่วนใหญ่ถนนเป็นหลุมบ่อ ยุบ ย่น แต่มีบางสายที่ดีมากยาวนาน แต่ที่ดีที่สุดคือถนนสาย ๓๐๔ (โคราช- กบินทร์บุรี) โดยเฉพาะช่วงอ.ปักธงชัย สร้างมา ๒๐ กว่าปี ยังไม่มีหลุม ทั้งที่รถหนักก็วิ่งกันมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเราถ้าตั้งใจก็ทำดีกะเขาได้เหมือนกัน

ยังมีอีกมาก วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เพราะหมดโควตาคำเขียนแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น