xs
xsm
sm
md
lg

คาใจ ปม“บีทีเอส” “ประภัสร์”ย้อนกลับ“ปชป.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(3ธ.ค.55)นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องวุฒิสภาถอดถอน 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากทำผิดรัฐธรรมนูญ อภิปรายกล่าวนอกเหนือจากที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อที่ยื่นว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยคาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะส่งให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลเพื่อส่งกลับมาที่วุฒิสภา จึงจะเข้ากระบวนการถอดถอนได้
อีกด้านที่ทำเนียบรัฐบาลร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ ว่า เป็นปัญหาหนักของรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งตนได้สั่งสอบไปแล้ว แบบนี้เสียหายหมด ไม่มีครั้งไหนที่หน่วยล่างไม่ได้ขอและหน่วยบนให้ เมื่อประมูลก็แป็ปเดียว ได้เงินได้ทองกันไป แต่ใครได้บ้างตนไม่ทราบ ส่วนจะสามารถเอาผิดกับบริษัทที่ประมูลได้หรือไม่ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ และเนื้องานก็ไม่เสร็จ เมื่อรู้ว่าทำแล้วขาดทุนก็หนี แล้วปล่อยให้ผิดสัญญา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นของดี เชื่อว่าจะสามารถหาต้นตอได้ และจะไม่เพิกเฉย แต่ต้องค่อยๆทำ เดี๋ยวจะหาว่าแกล้งกัน เพราะเรื่องนี้เสียหาย 5,800 กว่าล้าน
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบการแต่งตั้งตนเองเป็นผู้ว่าการรถไฟว่า ในเรื่องนี้ตนไม่สามารถแต่งตั้งตัวเองได้ ต้องมีคณะกรรมการสรรหา มีกระบวนการตามกฎหมาย และการที่ พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า ขณะที่ตนไปสมัครนั้น ยังมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรมว.คมนาคม ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองอยู่จึงขาดคุณสมบัตินั้น ข้อเท็จจริงตนได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. และนายกรัฐมนตรีก็ได้เซ็นอนุมัติในวันดังกล่าว แต่มีการลงนามในประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ซึ่งในประกาศดังกล่าวก็ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. ก็ถือว่าชัดเจนแล้วในประเด็นนี้
นายประภัสร์ กล่าวว่าต่อทางคณะกรรมการสรรหา ของการรถไฟได้มีหนังสือไปสอบถามคุณสมบัติจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งก็ได้พิจารณาให้ตนได้คะแนนสูงสุด และกระบวนการสรรหาของตนใช้เวลานานกว่าครึ่งปี ซึ่งก็คิดว่าไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือกันแน่นอน เพราะหากช่วยกันจริงคงใช้เวลา 1-2 เดือนก็น่าจะจบ และไม่อยากให้มองอย่างนั้นอยากให้มองที่การทำงานมากกว่า
“เรื่องนี้อยู่ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ก็ขอให้ดำเนินการไปก่อน แต่หากผลออกมาแล้วว่าไม่มีมูล ผมก็ลูกผู้ชายพอ ผมไม่ฟ้องกลับหรอกเพราะไม่ชอบค้าความ ขอแค่ให้เขาเป็นลูกผู้ชายพูดคำว่า ขอโทษออกสื่อหน่อยแค่นั้น ซึ่งจะได้หรือไม่ผมไม่หวังหรอก แต่อยากจะบอกว่าคนเรามีเกียรติทุกคน ถ้าเขาคิดว่าเขาไม่มีเกียรติก็ช่วยไม่ได้ คนเราถ้าผิดก็ต้องบอกว่าผิด ไม่ต้องไปตะแบง ไม่ต้องไปสรรหาคำพูดหรู ๆ มาพูด ไม่ต้อง ผิดหรือถูกก็พูดออกมาตรง ๆ” นายประภัสร์ กล่าว
นายประภัสร์ กล่าวต่อว่าขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อจากผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้เข้าไปให้ ข้อมูลแต่อย่างใด หากมีการเรียกมาตนก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล และย้ำว่าตนแต่งตั้งตัวเองไม่ได้จะร้องถอดถอนตนคงไม่ได้ต้องดูที่วิธีการ สรรหา ว่าพิจารณาอย่างไร ซึ่งการทำงานในหน้าที่ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้นก็ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนสาเหตุที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไปยื่นต่อผู้ตรวจการตรวจสอบ ตนไม่อยากคาดเดา เพราะมองว่าเป็นการทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในการตรวจสอบ แต่อาจเป็นเพราะตนได้กล่าวโจมตี กรุงเทพมหานคร เรื่องรถไฟฟ้า บีทีเอส ไว้ แล้วจึงมีการมาตามขอคืนแต่ไม่เป็นไร ความจริงคือความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าอาจเป็นเพราะเขามองว่าท่านเป็นคนเพื่อไทยเหมือนกัน ก็เลยช่วยเหลือกัน นายประภัสร์ กล่าวว่า ถ้ามองอย่างนั้น ตนก็ขอย้อนไปตอนที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นดีดีการบินไทย ใช้เวลาสรรหาอยู่แค่ 2 เดือนเท่านั้น ก็ขอย้อนถามว่านายปิยสวัสดิ์ ก็คนประชาธิปัตย์เหมือนกัน ดังนั้นตนว่าอย่าไปมองคนอย่างนั้นเลย เอาเป็นว่าเขาศรัทธาพรรคการเมืองไหนมากกว่า ถือว่าธรรมดา
“ผมเองเขาอาจมองว่าไปว่าเขาไว้เยอะเรื่องบีทีเอส เขาก็เลยมาตามเช็คบิลคืน ก็ไม่เป็นไร ความจริงคือความจริง และผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด และความจริงผมก็แต่งตั้งตัวผมเองไม่ได้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการสรรหาตามกฎหมาย ซึ่งมีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไปสั่งเขาไม่ได้ หรือว่าท่านเคยสั่งบ่อย ๆ เลยคิดว่าสั่งได้”นายประภัสร์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น