ASTVผู้จัดการรายวัน-องคมนตรี ฝากศธ. เดินตามพระราชดำรัส สร้างคนดี สู่สังคม ชี้ร.ร.จะดีได้ต้องแก้ปัญหาคอรัปชั่น ตัดครูไม่ดีออก ครูดีจะมีกำลังใจปั้นศิษย์ “สุเมธ” แนะวิธีถวายพระพร ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
วานนี้ (29 พ.ย.) บริษัทนานมีบุ๊คส์ จัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง”โรงเรียนที่ดีควรเป็นอย่างไร“ ถึงเวลาแล้วที่ต้องยกระดับการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน โดย นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนอยากฝากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2 ข้อ ข้อแรก คือพระบรมราโชวาท ซึ่งรวบรวมไว้ในหนังสือพระบรมราโชวาท ทรงรับสั่งว่าเด็กไทยควรจะได้เรียนความรู้ เรียนความดี และเรียนทำงานเป็น เรียนความรู้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องผ่านสถานศึกษา เหตุที่ต้องสอนความดีก็ชัดเจนว่าเป็นหน้าที่ของพ่อ แม่ ครูและโรงเรียน ที่จะต้องสร้างเด็กดี สู่สังคม และรับสั่งว่าที่ต้องสอนให้เด็กทำงานเป็น เพราะถ้าเด็กฝึกทำงาน เด็กจะรู้ว่าความลำบากคืออะไร และจะรู้วิธีแก้ปัญหา และถ้าเด็กทำงานสำเร็จแต่ละชิ้น เขาจะมีความภูมิใจในตัวเองที่ทำสำเร็จ
ส่วนเรื่องที่สองที่เป็นพระราชดำริ ทรงมีพระราชประสงค์จะให้โรงเรียนผลิตคนดีสู่สังคมไทย โดยทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ตั้งกองทุนการศึกษา เพื่อให้โรงเรียนผลิตคนดีสู่สังคม ตนคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปหารือกัน โดยเฉพาะคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ทั่วประเทศ ซึ่งทำหน้าที่ผลิตครู ต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรจะผลิตครูที่ดี เพื่อให้ออกไปสร้างคนดีสู่สังคมต่อไป
นพ.เกษม กล่าวต่อว่า หากต้องการปลูกฝังให้เด็กเป็นคนดีมีคุณธรรมได้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะต้องกระจายอำนาจการจัดการศึกษาลงไปสู่เขตพื้นที่และจังหวัด พร้อมกันนี้ ศธ.ต้องถามตัวเองว่าจะทำอะไร เพราะจะไม่มีทางสร้างโรงเรียนดีได้เลย ถ้าตราบใดการแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนยังอยู่ที่ว่าพวกใคร และถ้าได้ผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาจากพวกใคร ครูที่อยากได้ดี ก็ไปเอาใจผู้อำนวยการโรงเรียน และเท่าที่ตนสัมผัสทุกโรงเรียนที่มีเรื่องกินเล็กกินน้อยตลอด เพราะฉะนั้นปัญหาคอรัปชั่นเป็นอีกเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข
ตนอยากให้ทำวิจัยเรื่องการศึกษาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ คือการฉ้อราษฎรบังหลวงในระบบการศึกษา เรื่องวินัยและการลงโทษ ทำอย่างไรให้ครูที่ไม่ดีออกไปนอกระบบ ครูดีจะได้มีกำลังใจ ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่เป็นพื้นที่มืด หรือ Dark Area และที่ทำอย่างไรนักการเมืองจะไม่ใช้ระบบการศึกษาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เข้าใจว่าเป็นเรื่องยาก เพราะระบบการศึกษาเป็นหัวคะแนน งบประมาณการศึกษา เป็นช่องทางหาเงิน ตรงนี้เป็นที่รู้กันดี และที่สำคัญระบบการศึกษาขาดการเอาใจใส่ของผู้บริหารระดับบน เช่นเรื่องคะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต พอผลออกมาว่าคะแนนต่ำก็ออกมาต่อต้าน แทนที่จะไปถามโรงเรียนและแก้ไข
อีกด้านดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา แนะวิธีถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมนี้ ระหว่างเป็นประธานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “สายน้ำแห่งความเพียร” ณ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันนี้-1 มกราคม 2556
“วิธีถวายความจงรักภักดีที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมาตลอดเวลา และพระองค์ทรงรับสั่งขอด้วย ถ้าอยากถวายพรท่าน ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองแต่ละคนให้ดีที่สุด นึกถึงชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เพราะเรายืนอยู่ กินอยู่ มีชีวิตอยู่บ้านเมืองนี้ ถ้าไม่ถนอมบ้านเมืองนี้ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน และคงไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่านี้ ต้องช่วยกันรักษาแผ่นดิน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด สมานสามัคคีและตั้งอยู่บนฐานให้ใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต ทรงขอไว้ตลอดเวลา ก็สนองเถอะ และชีวิตเราก็จะมีความสุขด้วย” นายสุเมธกล่าว.
วานนี้ (29 พ.ย.) บริษัทนานมีบุ๊คส์ จัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง”โรงเรียนที่ดีควรเป็นอย่างไร“ ถึงเวลาแล้วที่ต้องยกระดับการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน โดย นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนอยากฝากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2 ข้อ ข้อแรก คือพระบรมราโชวาท ซึ่งรวบรวมไว้ในหนังสือพระบรมราโชวาท ทรงรับสั่งว่าเด็กไทยควรจะได้เรียนความรู้ เรียนความดี และเรียนทำงานเป็น เรียนความรู้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องผ่านสถานศึกษา เหตุที่ต้องสอนความดีก็ชัดเจนว่าเป็นหน้าที่ของพ่อ แม่ ครูและโรงเรียน ที่จะต้องสร้างเด็กดี สู่สังคม และรับสั่งว่าที่ต้องสอนให้เด็กทำงานเป็น เพราะถ้าเด็กฝึกทำงาน เด็กจะรู้ว่าความลำบากคืออะไร และจะรู้วิธีแก้ปัญหา และถ้าเด็กทำงานสำเร็จแต่ละชิ้น เขาจะมีความภูมิใจในตัวเองที่ทำสำเร็จ
ส่วนเรื่องที่สองที่เป็นพระราชดำริ ทรงมีพระราชประสงค์จะให้โรงเรียนผลิตคนดีสู่สังคมไทย โดยทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ตั้งกองทุนการศึกษา เพื่อให้โรงเรียนผลิตคนดีสู่สังคม ตนคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปหารือกัน โดยเฉพาะคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ทั่วประเทศ ซึ่งทำหน้าที่ผลิตครู ต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรจะผลิตครูที่ดี เพื่อให้ออกไปสร้างคนดีสู่สังคมต่อไป
นพ.เกษม กล่าวต่อว่า หากต้องการปลูกฝังให้เด็กเป็นคนดีมีคุณธรรมได้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะต้องกระจายอำนาจการจัดการศึกษาลงไปสู่เขตพื้นที่และจังหวัด พร้อมกันนี้ ศธ.ต้องถามตัวเองว่าจะทำอะไร เพราะจะไม่มีทางสร้างโรงเรียนดีได้เลย ถ้าตราบใดการแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนยังอยู่ที่ว่าพวกใคร และถ้าได้ผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาจากพวกใคร ครูที่อยากได้ดี ก็ไปเอาใจผู้อำนวยการโรงเรียน และเท่าที่ตนสัมผัสทุกโรงเรียนที่มีเรื่องกินเล็กกินน้อยตลอด เพราะฉะนั้นปัญหาคอรัปชั่นเป็นอีกเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข
ตนอยากให้ทำวิจัยเรื่องการศึกษาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ คือการฉ้อราษฎรบังหลวงในระบบการศึกษา เรื่องวินัยและการลงโทษ ทำอย่างไรให้ครูที่ไม่ดีออกไปนอกระบบ ครูดีจะได้มีกำลังใจ ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่เป็นพื้นที่มืด หรือ Dark Area และที่ทำอย่างไรนักการเมืองจะไม่ใช้ระบบการศึกษาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เข้าใจว่าเป็นเรื่องยาก เพราะระบบการศึกษาเป็นหัวคะแนน งบประมาณการศึกษา เป็นช่องทางหาเงิน ตรงนี้เป็นที่รู้กันดี และที่สำคัญระบบการศึกษาขาดการเอาใจใส่ของผู้บริหารระดับบน เช่นเรื่องคะแนนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต พอผลออกมาว่าคะแนนต่ำก็ออกมาต่อต้าน แทนที่จะไปถามโรงเรียนและแก้ไข
อีกด้านดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา แนะวิธีถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมนี้ ระหว่างเป็นประธานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “สายน้ำแห่งความเพียร” ณ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันนี้-1 มกราคม 2556
“วิธีถวายความจงรักภักดีที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมาตลอดเวลา และพระองค์ทรงรับสั่งขอด้วย ถ้าอยากถวายพรท่าน ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองแต่ละคนให้ดีที่สุด นึกถึงชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เพราะเรายืนอยู่ กินอยู่ มีชีวิตอยู่บ้านเมืองนี้ ถ้าไม่ถนอมบ้านเมืองนี้ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน และคงไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่านี้ ต้องช่วยกันรักษาแผ่นดิน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด สมานสามัคคีและตั้งอยู่บนฐานให้ใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต ทรงขอไว้ตลอดเวลา ก็สนองเถอะ และชีวิตเราก็จะมีความสุขด้วย” นายสุเมธกล่าว.
