xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ยื่นผลศึกษาตั้งโรงกลั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ปตท.เสนอผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นโครงการตั้งโรงกลั่นขนาดวันละ 6.6 แสนบาร์เรลและปิโตรเคมี มูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาทต่อประธานคณะกรรมการจังหวัดจังหวัดBinh Dinh ประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีภายในประเทศเวียดนามและส่งออก ระบุยังอยู่ในขั้นตอนผลการศึกษาฯ
ยังมีความไม่แน่นอนสูงว่ารัฐบาลเวียดนามจะสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน

แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปตท.ได้เสนอผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น(Pre-feasibility Study )โครงการตั้งโรงกลั่นน้ำมัน ขนาดกำลังการกลั่น 6.6 แสนบาร์เรล/วันและโรงปิโตรเคมีครบวงจร รวมมูลค่า 2.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.6 แสนล้านบาทต่อประธานคณะกรรมการจังหวัดBinh Dinh (chairman of Binh Dinh province's People's Committee) ประเทศเวียดนามเพื่อพิจารณา หากทางคอมมิตี้ แชร์แมนจังหวัด Binh
Dinh เห็นชอบก็จะเสนอต่อหน่วยงานกลางก่อนไปยังรัฐบาลเวียดนามเพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณา

ผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นนี้จะตั้งโรงกลั่นน้ำมันขนาดวันละ 6.6 แสนบาร์เรล ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่ออกแบบเน้นต่อยอดสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีแบบครบวงจร โดยจะมีโรงโอเลฟินส์ขนาดกำลังผลิต 6.5 ล้านตัน/ปี และโรงอะโรเมติกส์ขนาด 3.7 ล้านตัน/ปี นับเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ให้Yieldปิโตรเคมีคิดเป็น 30%ของกำลังการกลั่น
ต่างจากโรงกลั่นน้ำมันของไทยที่เน้นกลั่นน้ำมันแล้วค่อยต่อยอดสู่ปิโตรเคมีภายหลัง ซึ่งปิโตรเคมีให้มาร์จินสูงกว่าการกลั่น และขนาดการลงทุนโครงการนี้นับว่าใกล้เคียงนิคมฯมาบตาพุด จังหวัดระยอง

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีของไทย เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาดำเนินการไม่น้อยกว่า 6-7ปีหลังผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งช่วงเวลานั้นความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคนี้โตขึ้นวันละ 6-7 แสนบาร์เรล อีกทั้งโครงการนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง เพราะไม่ทราบว่ารัฐบาลเวียดนามจะสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน
เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก จำเป็นต้องหาพันธมิตรร่วมทุนและแหล่งเงินกู้

อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาพบว่าประเทศเวียดนามมีศักภาพที่จะลงทุนโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีครบวงจรได้ เนื่องจากมีตลาดภายในประเทศเอง ค่าแรงไม่สูงเกินไป รวมทั้งจังหวัด Binh Dinh มีทำเลที่ดีติดกับทะเลน้ำลึก มีนิคมฯที่มีพื้นที่ที่นับหมื่นไร่ที่จะรองรับโครงการนี้ได้ ทำให้สามารถขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง และทั่วโลกได้อย่างสะดวก
ขณะที่ประเทศไทยพบว่าการขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทำได้ยากในปัจจุบัน และมาบตาพุดก็ไม่สามารถรองรับการขยายการลงทุนได้มากกว่านี้ หากจะรอโครงการเซ้าเทิร์น ซีบอร์ดก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง

" โครงการดังกล่าวนี้เป็นการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนต่างๆมากมาย ทำให้โครงการยังมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐ(เวียดนาม)จะสนับสนุนโครงการหรือไม่ หากแม้ว่าจะผ่านการเห็นชอบก็ต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility Study )อีกครั้ง และมีหลายขั้นตอนต้องทำ "แหล่งข่าวกล่าว

ปัจจุบันเวียดนามมีโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียว กำลังการกลั่น 1.1 แสนบาร์เรล/วัน และทางปิโตรเวียดนามร่วมกับพันธมิตรก็มีแผนจะสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 2 กำลังการกลั่น 2 แสนบาร์เรล/วันในเร็วๆนี้ ปัจจุบันหากโรงกลั่นน้ำมันมีขนาดกำลังการกลั่นไม่ใหญ่พอ โอกาสที่จะแข่งขันกับโรงกลั่นในต่างประเทศทั้งสิงคโปร์ เกาหลี
ก็ทำได้ลำบากหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)ในปี 2558
กำลังโหลดความคิดเห็น