xs
xsm
sm
md
lg

SCC ชี้สิ้นปี 56 สรุปเงินกู้ปิโตรคอมเพล็กซ์ แย้ม “เวียดนาม” จ่อลดการถือหุ้นลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม มูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดได้ข้อสรุปเงินกู้ปลายปีหน้า เผยพันธมิตรร่วมทุนเวียดนามส่อลดการถือหุ้นโครงการดังกล่าวลงจากเดิม 29% ยันไม่กระทบการลงทุน

นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ ในเครือปูนซิเมนต์ไทย (SCC)กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม มูลค่าเงินลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาแหล่งเงินกู้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปี 2556 หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการโอเลฟินส์แครกเกอร์กำลังผลิต 1 ล้านตันและโครงการปิโตรเคมีขั้นปลาย โดยใช้วัตถุดิบทั้งแนฟทาและก๊าซฯ จากพันธมิตรร่วมทุน

สำหรับโครงสร้างการถือหุ้นนั้น มีแนวโน้มที่จะพันธมิตรร่วมทุนเวียดนามจะลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการดังกล่าวลงจากเดิมที่มีปิโตรเวียดนาม และวีนาเคม ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 29% โดยหุ้นที่ลดลงนี้คงจะจัดสรรให้กับผู้ร่วมทุนอื่นๆ ในสัดส่วนเท่ากัน จึงไม่มีปัญหาหากเวียดนามจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลง

“โครงการนี้เป็นการลงทุนระยะยาว การใช้เงินจะทยอยใช้ ไม่เหมือนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โดยยืนยันว่าแม้เศรษฐกิจโลกซบเซาโครงการนี้ก็จะยังเดินหน้า ซึ่งปัจจุบันมีความพร้อมด้านที่ดิน วิศวกรรมและ Feedstock แล้ว”

ทั้งนี้ โครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่เวียดนามนี้ได้ชะลอโครงการลงทุนมา 3-5 ปีเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวย รวมทั้งปัญหาค่าเงินในเวียดนาม ทำให้สถาบันการเงินต่างประเทศเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย กาตาร์ปิโตรเลียมอินเตอร์แนชั่นแนล (QPI) ถือหุ้นอยู่ 25% เวียดนาม 29% และที่เหลือทางกลุ่มเอสซีจีถือหุ้นทั้งหมด

นายชลณัฐกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้แนวโน้มราคาเม็ดพลาสติกได้อ่อนตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน แต่ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกยังมีอยู่ โดยไตรมาส 3/2555 ถือเป็นไตรมาสที่ทำยอดขายสูงที่สุด และมาร์จินก็ยังดี โดยบริษัทฯส่งออกเม็ดพลาสติกคิดเป็น 57-58% ของกำลังการผลิต ขณะที่ยอดขายเม็ดพลาสติกในไตรมาส 4 ก็ยังดีอยู่แต่ไม่เท่ากับไตรมาส 3 ก็ตาม โดยสเปรดเม็ดพลาสติกอยู่ที่ 400 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ทั้งปีบริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้น 5%

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) อย่างเต็มที่ โดยปีนี้ทางเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้งบในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 850 ล้านบาท และมีสัดส่วนยอดขายสินค้าHVAอยู่ที่ 47%ของยอดขายรวม และจะเพิ่มเป็น 55%ในปี 2558 ล่าสุดบริษัทฯ ได้พัฒนาแนวทางที่จะนำครีเอทีฟและดีไซน์มาขับเคลื่อนสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยตั้งทีม Design Catalyst เพื่อให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและสร้างสรรค์งานเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบครบวงจร นับเป็นครั้งแรกในอาเซียนที่ผู้ผลิตปิโตรเคมีเข้าสู่ครีเอทีฟ พลาสติก

ส่วนแผนการลงทุนใหม่ในปี 2556 ขณะนี้บริษัทฯร่วมกับJX NIPPON OIL และซันโย เคมิคอลฯ ประเทศญี่ปุ่น ศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตสาร Ethylidene Norbornene (ENB) ในไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 4 เดือนนี้ โดย ENB เป็นวัตถุดิบในการผลิตยางสังเคราะห์ที่ทนความร้อนสูง รวมทั้งกรดและเบส ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก โดยโครงการดังกล่าวจะตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง มีกำลังการผลิต 20,000 ตันต่อปี และมีเป้าหมายที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2559
กำลังโหลดความคิดเห็น