xs
xsm
sm
md
lg

ปูนใหญ่สบช่องตลาดปูนล้น จีบซื้อโรงซีเมนต์ในเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -  ปูนซิเมนต์ไทยสบช่อง เล็งซื้อโรงปูนในเวียดนามภายใน 1-2 ปีนี้ หลังกำลังการผลิตปูนในเวียดนามล้นตลาด ยันโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์มูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญไม่สะดุด แม้พันธมิตรร่วมทุนเวียดนามลดการถือหุ้นลง ล่าสุดได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 สาขาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เป็นปีที่2 จากDJSI

      นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (เอสซีจี)เปิดเผยว่า บริษัทฯมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อกิจการ (M&A)โรงปูนซีเมนต์ในเวียดนามขณะนี้ได้มีการเจรจาหลายรายในเวียดนาม โดยยอมรับสถานการณ์ปูนซีเมนต์ในเวียดนามไม่ค่อยดี เพราะมีกำลังการผลิตปูนล้นตลาดอยู่ค่อนข้างมาก  แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปซื้อกิจการดังกล่าวภายในช่วง  1-2 ปีข้างหน้า

     ที่ผ่านมา เอสซีจีได้เข้าไปซื้อกิจการโรงบดปูนซีเมนต์เทา และปูนซีเมนต์ขาว รวมทั้งการตั้ง โรงงานผสมคอนกรีตในเวียดนาม นับเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เอสซีจีจะเข้าไปตั้งโรงปูนซีเมนต์ นอกเหนือจากการลงทุนตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย โครงการขยายกำลังผลิตปูนซีเมนต์ในกัมพูชา ส่วนการตั้งโรงงานผลิตปูนในพม่านั้นได้ยื่นขออนุญาตลงทุนจากรัฐบาลแล้วอยู่ระหว่างรอกฎหมายการลงทุนของพม่า หากได้รับอนุมัติโครงการดังกล่าวก็พร้อมที่จะเดินหน้าก่อสร้างทันทีเพื่อรองรับความต้องการใช้ปูนที่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้ บริษัทฯส่งออกปูนซีเมนต์ไปพม่าเกือบ 2 ล้านตัน โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มีอยู่ 3.7 หมื่นล้านบาท และยังมีวงเงินในการออกหุ้นกู้ที่ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ 1.5 แสนล้านบาท แต่ยังออกไม่ครบ

    นายกานต์ กล่าวถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม เงินลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐว่า มีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี หลังจากสถานการณ์ปิโตรเคมีในตลาดโลกในปี2555 จะดีขึ้นกว่าปีนี้และราคาผลิตภัณฑ์ก็ขยับตัวสูงขึ้นด้วยหลังจากโครงการดังกล่าวได้เลื่อนโครงการมา3-5ปี เนื่องจากไม่มีความชัดเจนการจัดหาเงินกู้ยืม เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดี

    ล่าสุด นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ กล่าวมั่นใจการจัดหาเงินกู้ในโครงการนี้จะได้ข้อสรุปในปลายปี 2556  แม้ว่าพันธมิตรร่วมทุนเวียดนามจะลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการดังกล่าวลงจากเดิมที่มีปิโตรเวียดนาม และวีนาเคม ถือหุ้นรวม 29% ก็ตาม  โดยหุ้นที่ลดลงนี้คงจะจัดสรรให้กับผู้ร่วมทุนอื่นๆในสัดส่วนเท่ากัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการแต่อย่างใด  ปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย กาตาร์ปิโตรเลียมอินเตอร์แนชั่นแนล ( QPI) ถือหุ้นอยู่ 25% เวียดนาม 29% และที่เหลือทางกลุ่มเอสซีจีถือหุ้นทั้งหมด

    นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯใช้เงินลงทุน 4 หมื่นล้านบาทในการM&A กิจการทั้งในและต่างประเทศ ส่วนอีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับโอกาส โดยบริษัทฯมองการลงทุนในอาเซียนเป็นการลงทุนระยะยาว
SCG เป็นที่1จากDJSIเป็นปีที่ 2
    วานนี้(5 พ.ย.)  เอสซีจีได้จัดงานAsean Sustainable Development Symposium 2012 ครั้งที่ 3 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันเป็นเครือข่ายเผยแพร่แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในไทยและอาเซียน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้โตไปพร้อมกัน โดยได้รับความสนใจจากซีอีโอ ผู้บริหาร และผู้ที่ดูแลรับผิดชอบงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากหลายองค์กรธุรกิจเข้าร่วมงานมากกว่า 1 พันคน

     นายกานต์ กล่าวว่า จากการดำเนินการธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SD) อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI)ให้เป็นที่ 1 ของโลกในสาขาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับGold Class ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีตั้งแต่ปี 2551 โดยเอสซีจีมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้องค์กรต่างๆนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะเริ่มจากองค์กรหรือหน่วยงานที่เอสซีจีเกี่ยวข้องด้วย

     อีกทั้งปัจจุบันกองทุนต่างๆทั่วโลกได้ใช้SDเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาการลงทุน ด้วยความเชื่อมั่นว่าบริษัทที่อยู่ในDJSI จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น