ASTVผู้จัดการรายวัน-ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญไต่สวน "ม๊อบเสธ.อ้าย" ได้ไปต่อหรือไม่วันนี้ หลังเรียกแกนนำมาชี้แจง ด้านเสธ.อ้ายไม่สน ยันเดินหน้าชุมนุมต่อ โวยถูกตำรวจ ผู้ว่าฯ รวมหัวกดดันเบรกมวลชนรวมพลัง สภาสั่งเพิ่ม รปภ. พร้อมขอ ฮ. ไว้พา "ปู" หนี ด้าน ปชป.จับสัญญาณ "คนชิน" เผ่น "เหลิม" กบดาน มีปัญหาแน่ แดงชั่วไม่เลิก กุชาวรายวันใส่ไฟม็อบ ด้าน ทบ.ปัดข่าวไล่ครอบครัวทหารพ้นบ้านพัก หากร่วมชุมนุม
นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้ (21 พ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย และนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรม ยื่นคำร้องรวม 3 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.) ได้กระทำการโดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ และต้องสั่งให้พล.อ.บุญเลิศ ยุติการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าหรือไม่ โดยศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่เพียงพอ
ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา จึงมีหนังสือเรียกให้พล.อ.บุญเลิศ และพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม มาไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในวันนี้ (22 พ.ย.) เวลา 14.00 น. ณ.ห้องพิจารณาวินิจฉัยคดีชั้น 3 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
“จากการประสานกับบุคคลทั้ง 2 ทราบว่าได้รับหนังสือเรียกของศาลเรียบร้อยแล้ว และระบุว่าจะเดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลด้วยตนเอง ซึ่งกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกผู้ถูกร้องเข้าชี้แจง ถือเป็นอำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงการเมือง และไม่กังวลว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญเกิดปัญหาความขัดแย้งกับฝ่ายการเมือง ส่วนหลังการไต่สวน ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะตุลาการฯ”นายพิมลกล่าว
เมื่อถามว่า ศาลจะมีอำนาจที่จะสั่งยุติการชุมนุมหรือไม่ นายพิมลกล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของศาล หลังจากได้ฟังและพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนแล้ว โดยกรณีนี้อาจถือได้ว่าเป็นกรณีแรกที่มีการเรียกผู้ถูกร้องมาไต่สวนก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง และการเรียกไต่สวนยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับเงื่อนเวลาวันที่ 24 พ.ย.นี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีตุลาการที่เข้าประชุมเพียง 7 คนจาก 9 คน เนื่องจากนายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ลาการประชุม ซึ่งองค์คณะทั้ง 7 คน เห็นตรงกันว่าควรเรียกพล.อ.บุญเลิศ และพล.อ.ท.วัชระ มาชี้แจงเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณา
** "เสธ.อ้าย"เมินศาลยันพร้อมเดินหน้า
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวภายหลังจากที่ทราบข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญเรียกให้ไปชี้แจงในวันนี้ (22 พ.ย.) ว่า จะส่งนายประยงค์ ไชยศรี ทนายความเป็นตัวแทนไปชี้แจงกับศาลในเวลา 14.00 น. แต่ยืนยันว่า ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งออกมาในทิศทางใด องค์กรพิทักษ์สยามจะเดินหน้าต่อไป เนื่องจากนัดมวลชนไว้แล้ว โดยการชุมนุมจะชี้วัดจากจำนวนผู้ชุมนุมเป็นหลัก
**แฉตำรวจ-ผู้ว่าฯสกัดคนร่วมชุมนุม
ที่สนามม้านางเลิ้ง พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษก อพส. กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวการสกัดกั้นการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. โดยเฉพาะทั่วชุมชนในกรุงเทพฯ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์ และไปพูดคุยกับแกนนำชุมชนเพื่อกดดันไม่ให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัด ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอ กำนัน เเละผู้ใหญ่บ้าน ให้ไปชี้แจงกับประชาชนไม่ให้ออกมาร่วมชุมนุมเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ การที่รัฐบาลใช้อำนาจมากดดันประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลยุติการบริหารประเทศ องค์การพิทักษ์สยามจึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วางตัวเป็นกลาง
**ยัน อพส. ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
เวลา 10.00 น.คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาแนวทางการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทัศนะขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ตลอดจนจุดมุ่งหมายในการขับเคลื่อนการเมืองของ อพส. ทั้งนี้ ได้มีการเชิญพล.อ.บุญเลิศ เข้าชี้แจง แต่พล.อ.บุญเลิศ ปฏิเสธเข้าร่วม เนื่องจากติดภารกิจ โดยได้ส่งนายประยงค์ ไชยศรี ทนายความอพส.เข้าชี้แจงแทน
นายประยงค์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ อพส. ถือเป็นการทำหน้าที่ของประชาชนทุกคน และเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญด้วยความเสียสละ เป็นการทำหน้าที่ที่ไม่มีเงินเดือน แตกต่างจาก ส.ส.ที่มีค่าตอบแทน แต่กลับมีการคอร์รัปชั่น ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้สงบสุข ปล่อยให้มีบุคคลอื่นมามีอำนาจอยู่เหนือรัฐบาล นอกจากนี้ ยังปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างกว้างขวาง โดยที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับได้รับตำแหน่งในรัฐบาล ทั้งนี้ ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหากมีผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมากแล้ว สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นสิทธิของผู้ชุมนุมที่จะแสดงออก
**จับตาคนชินหนี-"เหลิม"กบดาน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ระบุว่ามีการจ้างคนให้มาร่วมการชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) หัวละ 300-1,500 บาท และจะมีการเคลื่อนไหวในลักษณะดาวกระจายไปปิดสถานที่สำคัญต่างๆ ว่า น่าเสียดายที่องค์กรหลักอย่าง สตช. ออกมารับลูกด้วยการใส่ร้ายและดูถูกประชาชน ทำงานรับใช้การเมืองโดยไม่คำนึงว่า จะเป็นการทำลายสถาบันของตัวเอง และการบอกว่ามีกลุ่มแดงเทียม 5 พันคน จะมาป่วนการชุมนุมนั้น ขอยืนยันว่ามีแต่แดงฮาร์ดคอร์ที่ต้องการใช้กำลัง ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจนคุมไม่ได้ และหากเสธ.อ้ายแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกในฐานะแกนนำตามที่ประกาศไว้ ตนอยากถามว่าใครจะมารับช่วงเป็นผู้นำต่อ เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากจะไม่ยอมที่ถูกลอบทำร้าย และอาจเกิดการเอาคืน จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ขอให้ตรวจสอบสัญญาณของการสร้างเหตุการณ์ง่ายๆ ว่าในช่วงชุมนุมของ อพส. บรรดาคนของตระกูลชินวัตรเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ รวมถึงวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลความมั่นคง ก็ออกตัวเป็นนกรู้ รู้สถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร จึงโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ควบคุมการชุมนุม แล้วหนีไปนอนตีพุงรับลมหนาวที่ภาคเหนือ โดยไม่รับผิดชอบอะไร หากสองข้อนี้เป็นจริง ขอให้ประเมินสถานการณ์ได้เลยว่า จะมีการสร้างสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง”นายถาวรกล่าว
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ระบุว่ามีการว่าจ้างเอาระเบิดหม้อดินปาใส่ผู้ชุมนุมนั้น คงเป็นเพราะพล.ต.ท.ชัจจ์ มีอาการเบลอ ในเรื่องที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ เพราะจากการสอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญเรื่องระเบิด เขาบอกว่า ถ้าเอาระเบิดใส่หม้อดิน หิ้วปากลุ่มผู้ชุมนุม คนที่ปาระเบิดก็จะต้องถูกระเบิดเองเสียก่อน จึงถือว่าพล.ต.ท.ชัจจ์พูดเพื่อยั่วยุ ซึ่งจะทำให้เกิดความรุนแรงต่อไป
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ครม.มีมติตั้งครม.ชุดเล็ก ประกอบด้วย 9รัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์การชุมนุมว่า แสดงว่า ร.ต.อ.เฉลิม และอีก 8รัฐมนตรี จะต้องร่วมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้ทำงานอย่างจริงจัง ดูแลประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ตั้งครม.เล็กขึ้นมาเพื่อกดดัน คุกคามผู้ที่จะมาชุมนุม แต่จากรายชื่อผู้ที่อยู่ในครม.เล็กทั้ง 9 พบว่าไม่มีลักษณะประนีประนอม แต่กลับเป็นสายที่มีแนวโน้มที่จะใช้ไม้แข็งในการเจรจา ฉะนั้นอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม ตระหนักว่าเมื่อได้รับมอบหมายก็มีหน้าที่ดูแลประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ดูแลเฉพาะกลุ่มคนของรัฐบาล และหากเกิดอะไรขึ้นร.ต.อ.เฉลิมก็คงหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะตั้งครม.เล็กกี่คน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็คงจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ด้วยเช่นกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลรู้ที่มาที่ไปของกลุ่มป่วนม็อบ ก็ควรทำการจับกุม อย่าปล่อยให้เข้าไปสร้างความวุ่นวายได้ และหากในวันดังกล่าวมีเหตุรุนแรงจริง ก็แสดงว่ารัฐบาลบกพร่องในหน้าที่ ไม่ยอมจัดการ ทั้งๆ ที่ทราบข่าวอยู่แล้ว อาจทำให้สังคมมองได้ว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลเองที่จัดฉากดังกล่าวขึ้นมา ขณะเดียวกันโดยส่วนตัวแล้วคิดว่ารัฐบาลควรต้องพยายามสื่อสารและรับฟัง อย่าสร้างเงื่อนไข เติมความตึงเครียด และความขัดแย้งจะดีที่สุด
***กลัว! เตรียม ฮ. ให้"ปู"หนี
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะรับผิดชอบงานด้านการรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ 3 กองร้อย และตำรวจรัฐสภาอีก 100 นาย รวม 550 นาย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย รวมถึงจะมีการคุมเข้มตรวจอาวุธ วัตถุระเบิด ทั้งเจ้าหน้าที่ ส.ส. และผู้ติดตาม รวมถึงผู้สื่อข่าว อย่างเข้มงวด พร้อมกันนี้ ได้มีการประสานขอให้เฮลิคอปเตอร์ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอาไว้สำหรับให้นายกรัฐมนตรีหลบหนีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องไปผู้ชุมนุมอย่าทำการปิดล้อมรัฐสภา เพราะจะเป็นการขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่หากผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาก็จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด เช่นเดียวกับ ส.ส.ที่หากนำผู้ชุมนุมเข้ามา ก็จะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดเช่นกัน
** "ปลอด"ท้าถ้าหนีให้เรียก"ชาติหมา"
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยส่วนตัวได้มีการพูดคุยกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการไว้แล้ว หากผู้ชุมนุมบุกเข้าสภา ตนและนายพงศ์เทพจะไม่หนี ใครหนีขอให้เรียกเลยว่า "ชาติหมา" เพราะปัญหา คือ มีคนอยากสร้างเรื่อง เท่าที่ทราบมีการแย่งชิงการนำกันระหว่างสองกลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งเป็นพวกอายุมากใจร้อน เป็นทหารแก่ ทหารเก่า พวกนี้อยากรวบรัด อีกกลุ่มเป็นนักการเมือง อยากจะยืดๆ ดูสถานการณ์ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูก นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่แอบแฝงอยู่ ไม่กล้าทำไรที่โฉ่งฉ่าง เพราะติดคดีอยู่เยอะ นัยยะ คือ การแย่งชิงการนำภายในกันอยู่ แต่วินาทีนี้ดูเหมือนม้าแก่ใจร้อนจะได้เปรียบ
“แกนนำในการชุมนุมเป็นพวกแก่หงำเหงือก เลอะเทอะ ไม่ได้คบค้ากับใคร เพียงคุยกันในห้องตัวเองมืดๆ และคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง ผมไม่แคร์ น่าเบื่อหน่ายรำคาญ พวกไดโนเสาร์เต่าพันปี กลุ่มพวกนี้มันเจ้าของโรงน้ำแข็งทั้งนั้น"
**"ปู"เรียกผวจ.-ผบก.รับนโยบาย
ส่วนความคืบหน้าในการรับมือของภาครัฐ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และนายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ได้ประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และกำหนดแนวทางการรับมือกับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น โดยนายนายจารุพงศ์กล่าวว่า ได้กำชับให้เน้นย้ำกรม และรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เข้มงวดเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ ยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัยและดับเพลิง รวมทั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิดให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ มอบหมายให้สำนักอำนวยการกองรักษาดินแดน กรมการปกครอง จัดทำแผนเผชิญเหตุ กรณีกลุ่มมวลชนปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย
"การประเมินสถานการณ์ผู้ชุมนุม ไม่ได้ประเมินในลักษณะกระต่ายตื่นตูม แต่ก็ไม่ประมาท จะนำเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 และ 7 ต.ค.2551 เป็นมาตรฐานในการติดตามสถานการณ์"
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดทุกจังหวัดให้มารับนโยบายที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (22 พ.ย.) เวลา 14.00 น. เพื่อเป็นการประสานทั้ง 2 หน่วยงาน
** ปูเรียกรัฐมนตรี 9 คน หารือ
เวลา 15.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคเพื่อไทยว่า นายกฯ ให้ตนดูแลผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม ห้ามใช้ความรุนแรงด้วยเด็ดขาด และก็เกรงว่าจะมีผู้สร้างสถานการณ์ ส่วนการหารือในส่วนของรัฐมนตรีทั้ง 9 คนนั้น จะต้องดูว่าสถานการณ์พัฒนาไปในทางลบหรือไม่ เพราะการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง มีกองอำนวยการรักษาความภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นต้นเรื่อง ซึ่งหากแจ้งความจำนงมาตนก็จะนำเข้าครม.ทันที
สำหรับรัฐมนตรีทั้ง 9 คน ในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ จะต้องอยู่กทม. เผื่อกรณีฉุกเฉินด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร โทรศัพท์เรียกได้ อย่าไปต่างประเทศก็แล้วกัน
**เชิญองค์อิสระสังเกตผวายุบพรรค
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สำหรับแผน 9 ขั้นที่ร่างขึ้นมา เพื่อดูแลผู้ชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีการปะทะกันจะต้องป้องกันเจ้าหน้าที่ไม่ให้ถูกดำเนินคดี ขณะเดียวกันตนยังเชิญตัวแทนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) องค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ และองค์อื่นๆ มาสังเกตการณ์อีกด้วย ทั้งนี้ กกต.ไม่ได้เชิญมาคุมม็อบ แต่เชิญมาสังเกตการณ์ เพราะต่อไปอาจมีการมายื่นยุบพรรคโดยกล่าวหาว่าพวกตนปฏิบัติหน้าที่ไม่จริง ซึ่งหากเชิญแล้วไม่มาก็เป็นหลักฐานว่าเราบริสุทธิ์ใจเพราะได้เชิญแล้ว
** ชั่วได้อีก "แดง"กุข่าว ใส่ไฟม็อบ
ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ประกอบด้วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ และจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ ร่วมกันแถลง
โดยนายก่อแก้วกล่าวว่า จะมีการวางแผนก่อเหตุ ซึ่งไม่ได้จากมือที่สาม แต่มาจากกลุ่มผู้ชุมนุมเอง
นายวรชัยกล่าวว่า มีการเตรียมก่อเหตุความรุนแรง โดยเตรียมอาวุธสงคราม เช่น ระเบิด เอ็ม 79 เพื่อยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมของม็อบเสธ.อ้าย และสร้างเหตุจลาจล อาจมีประชาชนเสียชีวิตจากการปฏิบัติการนับ 100 คน อาจมีการยิงเข้ามาในสภาด้วย สำหรับอาวุธมีการขนมาตามแนวชายแดน อ.แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน และจ.บุรีรัมย์
ขณะที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้มีมติยกเลิกการชุมนุมรอบปริมณฑลรวมทั้งกทม.ในวันที่ 24 พ.ย.แล้ว
จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสายข่าวสนามม้า ว่ามีทหารยศพล.อ. ชื่อย่อ "น." สั่งให้คนไปซื้อเหล็กแป๊ป100 ท่อน และไม่ตีหัวตะปู รวมถึงไม้ชนิดอื่นๆ รวมกว่าพันท่อน อยากถามว่าเตรียมไว้ทำอะไร นอกจากนี้ ยังได้ทราบข่าวจากทหารแตงโมในราบ 11 มีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา สั่งการให้ทหารไปร่วมการชุมนุมกับม็อบเสธ.อ้าย
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ นปช. ได้เผยแพร่ข้อความผ่านทางเว็บไซต์ http://robertamsterdam.com/thai/?p=1056 โดยระบุถึงการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นว่า เป็นการชุมนุมของกลุ่มหัวรุนแรงที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์ โดยประกาศจะตรวจสอบ เปิดโปงกลุ่มทุนที่สนับสนุนทางการเงิน พร้อมกับจะรวบรวมหลักฐาน รวมไปถึงการก่อความรุนแรงทุกประเภท การข่มขู่ว่าจะก่อความรุนแรง และการกระทำผิดทางอาญาอื่นๆ
**ทบ.ปฏิเสธข่าวไล่พ้นบ้านพัก
มีรายงานข่าวจากกองทัพบกว่า กองทัพบกได้ปฏิเสธกรณีมีสื่อเสนอข่าวว่า หากพบครอบครัวทหารไปร่วมชุมนุม ทบ. จะให้ย้ายออกจากที่พักนั้น กระแสข่าวนี้ไม่เป็นความจริง นอกจากนั้น กองทัพบกได้เลื่อนการซ้อมใหญ่การสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ จาก วันที่ 25 พ.ย.และ2 ธ.ค.ที่ ร.11 รอ. เป็น วันที่ 29 พ.ย. และ2 ธ.ค. เพราะต้องมีการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร หวั่นลือว่าจะมีการปฏิวัติและปราบม็อบ
ที่โรงเรียนนายเรืออากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า ไม่กังวลและมั่นใจว่าข้าราชการกำลังพลกองทัพอากาศมีความเข้าใจต่อสถานการณ์เป็นอย่างดี อยากให้ทุกทำตามหน้าที่ คือ การทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ในเรื่องของงานราชการและความมั่นคง
**เหนือ-อีสานร่วมม็อบเสธ.อ้าย
นางประภาวรรณ ศิริกุลวัฒน์ เลขานุการกลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้มีพันธมิตร และเครือข่ายประมาณ 3,000 คน ประสงค์ร่วมเดินทางแล้วบางส่วนได้เดินทางไปก่อนล่วงหน้า เพราะเกรงการสกัดกั้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำหนดเดินทางเป็นคาราวานวันที่ 23 พ.ย.นี้ ด้วยรถตู้ และรถยนต์ส่วนตัว จากหลายจังหวัด ประกอบด้วย จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ 0.นครราชสีมา นัดรวมพลประเมินสถานการณ์ที่จุด อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หากถูกเจ้าหน้าที่รัฐสกัดกั้น ก็จะรวมตัวกันปิดถนนทันที
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ 1 ในผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรจังหวัดเชียงใหม่จะมีการเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าวด้วย โดยจะออกเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงค่ำวันที่ 23 พ.ย.2555 ด้วยรถบัสปรับอากาศ 3 คัน และรถตู้อีกจำนวนหนึ่ง รวมจำนวนผู้ที่เดินทางพร้อมกันเพื่อเข้าร่วมการชุมในครั้งนี้ประมาณ 200 คน ทั้งนี้ จำนวนดังกล่าวยังไม่นับรวมผู้ที่ต่างแยกย้ายกันเดินทางด้วยช่องทางอื่นๆ และยังไม่นับรวมของกลุ่มวิหคเรดิโอที่จะเข้าร่วมการชุมนุมด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่น่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้หลายพันคน