ASTVผู้จัดการรายวัน- บีโอไอ เผยสถิติลงทุน 10 เดือนขยายตัวทั้งภาพรวมและการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ โดยมูลค่ายื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดสูงถึง 862,000 ล้าน ขณะที่มูลค่าขอรับส่งเสริมจากต่างประเทศสูงถึง 465,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65%
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนในช่วง 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม 2555) ว่า มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 1,757 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 862,000 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการปรับเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 1,408 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 94% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 444,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กิจการที่ได้รับความสนใจเข้ามาลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบริการและสาธารณูปโภคจำนวน 478 โครงการ เงินลงทุน 253,500 ล้านบาท รองมาเป็นผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 438 โครงการ เงินลงทุน 202,800 ล้านบาท กลุ่มกิจการเคมี กระดาษ และพลาสติก จำนวน 229 โครงการ เงินลงทุน 182,100 ล้านบาท กลุ่มกิจการอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 266 โครงการเงินลงทุน 107,200 ล้านบาท และกลุ่มเกษตรกรรม และผลิตผลทางการเกษตร จำวน 235 โครงการ เงินลงทุน 65,000 ล้านบาท ตามลำดับ
“ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จะก่อให้เกิดการขยายตัวในการจ้างงานด้วย โดยโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในช่วง 10 เดือนนี้ จะมีการจ้างงานคนไทย 230,414 คน เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการจ้างงานทั้งสิ้น 147,701 คน ทั้งนี้ มั่นใจว่าภายในปี 2555 จะมีมูลค่าเงินลงทุนระดับไม่ต่ำกว่า 900,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นอีกมาก”เลขาธิการบีโอไอกล่าว
สำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ก็ขยายตัวมากเช่นกัน โดยมีการขอรับส่งเสริม 1,152 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 465,708 ล้านบาท ขยายตัว 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลงทุนจากญี่ปุ่นยื่นขอลงทุนมากที่สุด จำนวน 638 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 300,523 ล้านบาท ตามด้วยการลงทุนจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งแม้จะมีจำนวนโครงการเพียง 30 โครงการ แต่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ จึงทำให้มีมูลค่าเงินลงทุนรวมถึง 22,254 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ จำนวน 104 โครงการ เงินลงทุนรวม 22,135 ล้านบาท
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนในช่วง 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม 2555) ว่า มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 1,757 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 862,000 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการปรับเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 1,408 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 94% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 444,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กิจการที่ได้รับความสนใจเข้ามาลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบริการและสาธารณูปโภคจำนวน 478 โครงการ เงินลงทุน 253,500 ล้านบาท รองมาเป็นผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 438 โครงการ เงินลงทุน 202,800 ล้านบาท กลุ่มกิจการเคมี กระดาษ และพลาสติก จำนวน 229 โครงการ เงินลงทุน 182,100 ล้านบาท กลุ่มกิจการอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 266 โครงการเงินลงทุน 107,200 ล้านบาท และกลุ่มเกษตรกรรม และผลิตผลทางการเกษตร จำวน 235 โครงการ เงินลงทุน 65,000 ล้านบาท ตามลำดับ
“ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จะก่อให้เกิดการขยายตัวในการจ้างงานด้วย โดยโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในช่วง 10 เดือนนี้ จะมีการจ้างงานคนไทย 230,414 คน เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการจ้างงานทั้งสิ้น 147,701 คน ทั้งนี้ มั่นใจว่าภายในปี 2555 จะมีมูลค่าเงินลงทุนระดับไม่ต่ำกว่า 900,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นอีกมาก”เลขาธิการบีโอไอกล่าว
สำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ก็ขยายตัวมากเช่นกัน โดยมีการขอรับส่งเสริม 1,152 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 465,708 ล้านบาท ขยายตัว 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลงทุนจากญี่ปุ่นยื่นขอลงทุนมากที่สุด จำนวน 638 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 300,523 ล้านบาท ตามด้วยการลงทุนจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งแม้จะมีจำนวนโครงการเพียง 30 โครงการ แต่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ จึงทำให้มีมูลค่าเงินลงทุนรวมถึง 22,254 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ จำนวน 104 โครงการ เงินลงทุนรวม 22,135 ล้านบาท