ตั้งแต่รัฐบาลเริ่มดำเนินโครงการรับจำนำข้าว มีการวิเคราะห์และวิจารณ์กันมาอย่างต่อเนื่อง นักวิชาการส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นถึงอันตรายในด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการเงิน พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าโครงการนี้จะนำไปสู่การสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลพร้อมกับการสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หนี้มีโอกาสสูงที่จะผลักดันให้ประเทศล้มละลาย นอกจากนั้น ยังมีการชี้ให้เห็นถึงกระบวนการฉ้อฉลในขั้นตอนต่างๆ ของการดำเนินงาน การถดถอยทางด้านคุณภาพของข้าวไทยและชาวนาที่ยากจนได้รับผลดีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
นักวิชาการและกระบอกเสียงของรัฐบาลพยายามชี้แจง แต่แทนที่จะชี้ให้เห็นแบบเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาทำให้เกิดความสับสนเพิ่มขึ้น การออกมาคัดค้านโครงการอย่างเปิดเผยโดยประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นอาการของความไม่ชอบมาพากลและปัญหาเบื้องต้นของโครงการ แต่เนื่องจากรัฐบาลยังยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไป จึงสรุปได้ว่าการคัดค้านนั้นสายเกินไปแล้ว นอกจากผลกระทบทางลบต่างๆ ดังที่นักวิชาการส่วนใหญ่ได้อธิบายไว้ ขอนำ 3 ประเด็นมาเสริมเนื่องจากยังไม่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
ประเด็นแรกเกี่ยวกับโอกาสที่โครงการจะนำไปสู่การผูกขาดในตลาดข้าวโดยรัฐบาลและคนในวงการรัฐบาล โครงการรับจำนำข้าวด้วยราคาสูงกว่าราคาตลาดถึง 30-40% นี้มีลักษณะของนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายโดยปราศจากข้อสงสัยอีกต่อไปแล้ว ประชานิยมแบบนี้มีลักษณะของยาเสพติดทุกประการ เมื่อเริ่มเสพมันแล้วย่อมเลิกยาก เรื่องนี้มีข้อพิสูจน์เชิงประจักษ์แล้วทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศจากกรีซย้อนไปถึงเวเนซุเอลาและอาร์เจนตินา นั่นหมายความว่า โครงการจะดำเนินต่อไปไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลแม้รูปแบบอาจจะเปลี่ยนไปบ้างก็ตาม เมื่อรัฐบาลรับจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาด โอกาสที่ภาคเอกชนจะเข้ามาแข่งขัน หรือชาวนาจะมาไถ่ถอนข้าวคืนจากรัฐบาลย่อมหมดไป ส่งผลให้รัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดตลาดข้าวแต่เพียงผู้เดียว
เรื่องความสามานย์ของการผูกขาดและการขาดศักยภาพของภาครัฐโดยทั่วไปคงไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เมื่อเดือนก่อน คอลัมน์นี้พูดถึงผลของการผูกขาดตลาดมะพร้าวในฟิลิปปินส์โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีจอมโกงเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส บทบาทของมะพร้าวในเศรษฐกิจและชีวิตของชาวฟิลิปินส์ไม่ต่างกับบทบาทของข้าวในเศรษฐกิจและชีวิตของชาวไทยยกเว้นอย่างเดียว นั่นคือ มะพร้าวมิใช่อาหารหลักของชาวฟิลิปปินส์ แต่ข้าวเป็นอาหารหลักของชาวไทย นั่นหมายความว่า สิ่งเลวร้ายที่เกิดแก่มะพร้าวจะไม่มีผลเสียหายเท่ากับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดแก่ข้าวไทย การผูกขาดตลาดมะพร้าวเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งทำให้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ต้องเป็นง่อยมานาน การผูกขาดตลาดข้าวไทยจะมีผลร้ายแรงยิ่งกว่านั้น ข้อคิดสำคัญประการหนึ่งคือ เมื่อรัฐบาลและพวกพ้องเป็นเจ้าของข้าวแบบผูกขาด พวกเขาย่อมจะสามารถเป็นเจ้าชีวิตของชาวนาและคนไทยได้ คนไทยจึงควรนำไปคิดกันให้หนักโดยเฉพาะในบริบทที่ปรากฏเป็นเชิงประจักษ์แล้วว่าในรัฐบาลมีคนฉ้อฉลปะปนอยู่จำนวนมาก
ประเด็นที่สองเกี่ยวกับการใช้ชาวนาเป็นฐานกำลังจัดตั้งทางการเมือง นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเป็นกระบวนการซื้อใจผู้ได้รับประโยชน์ การที่ชาวไร่ชาวนาในบางส่วนของประเทศแสดงความชื่นชมนักโทษหนีคุกอย่างไม่อายผีสางเทวดาแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นถูกเขาซื้อใจได้แล้ว ยิ่งกว่านั้น บางกลุ่มถึงกับเข้าไปร่วมในกระบวนการทางการเมืองในกรุงเทพฯ แม้จะต้องไปกินนอนอยู่ตามริมถนนอย่างลำบากลำบนก็ตาม ปรากฏการณ์ยึดครองสี่แยกราชประสงค์ที่จบลงด้วยการเผาอาคารร้านค้าและการฆ่ากันหลายสิบศพเมื่อปี 2553 เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าอะไรอาจเกิดขึ้นได้เมื่อคนชั่วร้ายต้องการใช้ชาวไร่ชาวนาเป็นกำลังจัดตั้งเพื่อเข้าสู่บรรลังก์ทางอำนาจของตน
หากมองจากประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์ที่เห็นเป็นเพียงขั้นต้นของกระบวนการเท่านั้น มันจะวิวัฒน์ต่อไปในทางเลวร้ายจนถึงขั้นหายนะ อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ใช้กำลังจัดตั้งที่มีแกนนำจากทหารผ่านศึกซึ่งมีความน้อยเนื้อต่ำใจหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 กองกำลังจัดตั้งนั้นใช้เสื้อสีน้ำตาลเป็นสัญลักษณ์ เบนนิโต มุสโสลินี ของอิตาลีสร้างฐานของกองกำลังจัดตั้งในแนวเดียวกันและใช้สีดำเป็นสัญลักษณ์ ฮวน เปโรน ใช้กรรมกรแรงงานในอาร์เจนตินาเป็นกองกำลังจัดตั้งเพื่อเป็นฐานของการเข้าสู่และครองอำนาจ นักการเมืองไทยใช้เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์และกำลังจะใช้ชาวนาเป็นกองกำลังจัดตั้งอย่างกว้างขวางต่อไปโดยชาวนาไม่รู้ตัว ปรากฏการณ์ต่อไปจะเป็นการใช้กองกำลังชาวนาปกป้องการครองอำนาจของทรราชฉ้อฉล ผลสุดท้ายหายนะก็จะมาเยือนเมืองไทยเนื่องจากคนไทยอีกส่วนหนึ่งจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอันจะเป็นการก่อให้เกิดความแตกแยกร้ายแรงถึงฆ่าแกงกันอย่างแพร่หลาย
ประเด็นที่สามเป็นการทำลายการเคลื่อนไหวเข้าสู่การใช้แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คงเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดมานานแล้วว่า รัฐบาลนี้มีแรงสนับสนุนจากกลุ่มซ้ายหลงยุคซึ่งต้องการล้มราชบรรลังก์มาตั้งแต่ครั้งระบบคอมมิวนิสต์ยังไม่พ่ายแพ้สงครามเย็น ณ วันนี้โลกมีปัญหาสารพัดที่มีฐานอยู่บนการแย่งชิงทรัพยากรเพราะประชากรโลกยังเพิ่มขึ้นทุกวันและคนส่วนใหญ่ต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นแบบไม่หยุดยั้ง แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นทางแก้ปัญหาดังกล่าวของชาวโลก ชาวไร่ชาวนาสามารถประยุกต์แนวคิดนี้ได้โดยการใช้การทำเกษตรกรรมตามทฤษฎีใหม่ซึ่งแต่ละครอบครัวทำหลายๆ อย่างในที่ดินแปลงเดียวกันรวมทั้งการปลูกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ปีก เลี้ยงหมู ปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพร ปลูกต้นไม้ผลต่างๆ และต้นไม้เพื่อใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้และเชื้อเพลิง การมีสิ่งต่างๆ อย่างหลากหลายนี้ทำให้แต่ละครอบครัวมีเกือบทุกอย่างที่จำเป็นในชีวิตประจำวันยังผลให้แทบไม่มีความเสี่ยงเหลืออยู่ในครอบครัว
พวกซ้ายหลงยุคไม่ต้องการเห็นแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงประสบความสำเร็จเพราะมันจะเสริมความแข่งแกร่งให้แก่ราชบัลลังก์และสังคมไทย การรับจำนำข้าวด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากๆ จะกระตุ้นให้ชาวไร่ชาวนาซึ่งกำลังใช้แนวคิดใหม่หันกลับไปทำนาเพียงอย่างเดียวเพราะหลงผิดคิดว่ามันจะคุ้มค่ากว่าการทำตามทฤษฎีใหม่ การทำนาเพียงอย่างเดียวก็เช่นเดียวกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยวอื่นๆ ในด้านการเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้นไปโดยไม่จำเป็น ในภาวะที่การผูกขาดตลาดข้าวเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ การทำนาเพียงอย่างเดียวจะทำให้ชาวนากลายเป็นทาสที่แทบไม่มีโอกาสไถ่ถอนตัวจากรัฐบาลและกลุ่มคนฉ้อฉลที่ปะปนอยู่ในรัฐบาล
เมื่อนำสามประเด็นดังกล่าวไปรวมกับอันตรายในด้านต่างๆ ที่นักวิชการพูดถึงแล้ว ภาพที่ได้ออกมาน่าจะชี้ให้เห็นอย่างแจ้งชัดอีกครั้งหนึ่งว่า โครงการรับจำนำข้าวคือกระบวนการสร้างทาสจากชาวนาพร้อมกับการฆ่าชาติไทยแบบเลือดเย็น
นักวิชาการและกระบอกเสียงของรัฐบาลพยายามชี้แจง แต่แทนที่จะชี้ให้เห็นแบบเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาทำให้เกิดความสับสนเพิ่มขึ้น การออกมาคัดค้านโครงการอย่างเปิดเผยโดยประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นอาการของความไม่ชอบมาพากลและปัญหาเบื้องต้นของโครงการ แต่เนื่องจากรัฐบาลยังยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไป จึงสรุปได้ว่าการคัดค้านนั้นสายเกินไปแล้ว นอกจากผลกระทบทางลบต่างๆ ดังที่นักวิชาการส่วนใหญ่ได้อธิบายไว้ ขอนำ 3 ประเด็นมาเสริมเนื่องจากยังไม่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
ประเด็นแรกเกี่ยวกับโอกาสที่โครงการจะนำไปสู่การผูกขาดในตลาดข้าวโดยรัฐบาลและคนในวงการรัฐบาล โครงการรับจำนำข้าวด้วยราคาสูงกว่าราคาตลาดถึง 30-40% นี้มีลักษณะของนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายโดยปราศจากข้อสงสัยอีกต่อไปแล้ว ประชานิยมแบบนี้มีลักษณะของยาเสพติดทุกประการ เมื่อเริ่มเสพมันแล้วย่อมเลิกยาก เรื่องนี้มีข้อพิสูจน์เชิงประจักษ์แล้วทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศจากกรีซย้อนไปถึงเวเนซุเอลาและอาร์เจนตินา นั่นหมายความว่า โครงการจะดำเนินต่อไปไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลแม้รูปแบบอาจจะเปลี่ยนไปบ้างก็ตาม เมื่อรัฐบาลรับจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาด โอกาสที่ภาคเอกชนจะเข้ามาแข่งขัน หรือชาวนาจะมาไถ่ถอนข้าวคืนจากรัฐบาลย่อมหมดไป ส่งผลให้รัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดตลาดข้าวแต่เพียงผู้เดียว
เรื่องความสามานย์ของการผูกขาดและการขาดศักยภาพของภาครัฐโดยทั่วไปคงไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เมื่อเดือนก่อน คอลัมน์นี้พูดถึงผลของการผูกขาดตลาดมะพร้าวในฟิลิปปินส์โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีจอมโกงเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส บทบาทของมะพร้าวในเศรษฐกิจและชีวิตของชาวฟิลิปินส์ไม่ต่างกับบทบาทของข้าวในเศรษฐกิจและชีวิตของชาวไทยยกเว้นอย่างเดียว นั่นคือ มะพร้าวมิใช่อาหารหลักของชาวฟิลิปปินส์ แต่ข้าวเป็นอาหารหลักของชาวไทย นั่นหมายความว่า สิ่งเลวร้ายที่เกิดแก่มะพร้าวจะไม่มีผลเสียหายเท่ากับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดแก่ข้าวไทย การผูกขาดตลาดมะพร้าวเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งทำให้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ต้องเป็นง่อยมานาน การผูกขาดตลาดข้าวไทยจะมีผลร้ายแรงยิ่งกว่านั้น ข้อคิดสำคัญประการหนึ่งคือ เมื่อรัฐบาลและพวกพ้องเป็นเจ้าของข้าวแบบผูกขาด พวกเขาย่อมจะสามารถเป็นเจ้าชีวิตของชาวนาและคนไทยได้ คนไทยจึงควรนำไปคิดกันให้หนักโดยเฉพาะในบริบทที่ปรากฏเป็นเชิงประจักษ์แล้วว่าในรัฐบาลมีคนฉ้อฉลปะปนอยู่จำนวนมาก
ประเด็นที่สองเกี่ยวกับการใช้ชาวนาเป็นฐานกำลังจัดตั้งทางการเมือง นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเป็นกระบวนการซื้อใจผู้ได้รับประโยชน์ การที่ชาวไร่ชาวนาในบางส่วนของประเทศแสดงความชื่นชมนักโทษหนีคุกอย่างไม่อายผีสางเทวดาแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นถูกเขาซื้อใจได้แล้ว ยิ่งกว่านั้น บางกลุ่มถึงกับเข้าไปร่วมในกระบวนการทางการเมืองในกรุงเทพฯ แม้จะต้องไปกินนอนอยู่ตามริมถนนอย่างลำบากลำบนก็ตาม ปรากฏการณ์ยึดครองสี่แยกราชประสงค์ที่จบลงด้วยการเผาอาคารร้านค้าและการฆ่ากันหลายสิบศพเมื่อปี 2553 เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าอะไรอาจเกิดขึ้นได้เมื่อคนชั่วร้ายต้องการใช้ชาวไร่ชาวนาเป็นกำลังจัดตั้งเพื่อเข้าสู่บรรลังก์ทางอำนาจของตน
หากมองจากประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์ที่เห็นเป็นเพียงขั้นต้นของกระบวนการเท่านั้น มันจะวิวัฒน์ต่อไปในทางเลวร้ายจนถึงขั้นหายนะ อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ใช้กำลังจัดตั้งที่มีแกนนำจากทหารผ่านศึกซึ่งมีความน้อยเนื้อต่ำใจหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 กองกำลังจัดตั้งนั้นใช้เสื้อสีน้ำตาลเป็นสัญลักษณ์ เบนนิโต มุสโสลินี ของอิตาลีสร้างฐานของกองกำลังจัดตั้งในแนวเดียวกันและใช้สีดำเป็นสัญลักษณ์ ฮวน เปโรน ใช้กรรมกรแรงงานในอาร์เจนตินาเป็นกองกำลังจัดตั้งเพื่อเป็นฐานของการเข้าสู่และครองอำนาจ นักการเมืองไทยใช้เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์และกำลังจะใช้ชาวนาเป็นกองกำลังจัดตั้งอย่างกว้างขวางต่อไปโดยชาวนาไม่รู้ตัว ปรากฏการณ์ต่อไปจะเป็นการใช้กองกำลังชาวนาปกป้องการครองอำนาจของทรราชฉ้อฉล ผลสุดท้ายหายนะก็จะมาเยือนเมืองไทยเนื่องจากคนไทยอีกส่วนหนึ่งจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอันจะเป็นการก่อให้เกิดความแตกแยกร้ายแรงถึงฆ่าแกงกันอย่างแพร่หลาย
ประเด็นที่สามเป็นการทำลายการเคลื่อนไหวเข้าสู่การใช้แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คงเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดมานานแล้วว่า รัฐบาลนี้มีแรงสนับสนุนจากกลุ่มซ้ายหลงยุคซึ่งต้องการล้มราชบรรลังก์มาตั้งแต่ครั้งระบบคอมมิวนิสต์ยังไม่พ่ายแพ้สงครามเย็น ณ วันนี้โลกมีปัญหาสารพัดที่มีฐานอยู่บนการแย่งชิงทรัพยากรเพราะประชากรโลกยังเพิ่มขึ้นทุกวันและคนส่วนใหญ่ต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นแบบไม่หยุดยั้ง แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นทางแก้ปัญหาดังกล่าวของชาวโลก ชาวไร่ชาวนาสามารถประยุกต์แนวคิดนี้ได้โดยการใช้การทำเกษตรกรรมตามทฤษฎีใหม่ซึ่งแต่ละครอบครัวทำหลายๆ อย่างในที่ดินแปลงเดียวกันรวมทั้งการปลูกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ปีก เลี้ยงหมู ปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพร ปลูกต้นไม้ผลต่างๆ และต้นไม้เพื่อใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้และเชื้อเพลิง การมีสิ่งต่างๆ อย่างหลากหลายนี้ทำให้แต่ละครอบครัวมีเกือบทุกอย่างที่จำเป็นในชีวิตประจำวันยังผลให้แทบไม่มีความเสี่ยงเหลืออยู่ในครอบครัว
พวกซ้ายหลงยุคไม่ต้องการเห็นแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงประสบความสำเร็จเพราะมันจะเสริมความแข่งแกร่งให้แก่ราชบัลลังก์และสังคมไทย การรับจำนำข้าวด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากๆ จะกระตุ้นให้ชาวไร่ชาวนาซึ่งกำลังใช้แนวคิดใหม่หันกลับไปทำนาเพียงอย่างเดียวเพราะหลงผิดคิดว่ามันจะคุ้มค่ากว่าการทำตามทฤษฎีใหม่ การทำนาเพียงอย่างเดียวก็เช่นเดียวกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยวอื่นๆ ในด้านการเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้นไปโดยไม่จำเป็น ในภาวะที่การผูกขาดตลาดข้าวเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ การทำนาเพียงอย่างเดียวจะทำให้ชาวนากลายเป็นทาสที่แทบไม่มีโอกาสไถ่ถอนตัวจากรัฐบาลและกลุ่มคนฉ้อฉลที่ปะปนอยู่ในรัฐบาล
เมื่อนำสามประเด็นดังกล่าวไปรวมกับอันตรายในด้านต่างๆ ที่นักวิชการพูดถึงแล้ว ภาพที่ได้ออกมาน่าจะชี้ให้เห็นอย่างแจ้งชัดอีกครั้งหนึ่งว่า โครงการรับจำนำข้าวคือกระบวนการสร้างทาสจากชาวนาพร้อมกับการฆ่าชาติไทยแบบเลือดเย็น