ASTVผู้จัดการรายวัน-ส.อ.ท.ร้าวหนักกว่าเดิมหลังเลขาธิการส.อ.ท.เปิดหน้าท้าชน”พยุงศักดิ์”ร่อนหนังสือตอบโต้ข้อกล่าวหาอาศัยกลุ่มเดือดร้อนจากการขึ้นค่าแรง 300บาท/วัน สร้างสถานการณ์นำไปสู่ผลประโยชน์ บิ๊ก“สหพัฒน์”รับผิดหวังเด็กปั้น
รายงานข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แจ้งว่า ความขัดแย้งต่อกรณีนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วันทั่วประเทศ 1 ม.ค. 56 ที่สมาชิกส.อ.ท.กลุ่มงานสายต่างจังหวัดต้องการให้รัฐบาลชะลอและหามาตรการรองรับนั้นยังคงสร้างความแตกแยกให้ส.อ.ท.ร้าวหนักขึ้น เมื่อล่าสุดนายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท.ได้ทำหนังสือชี้แจงสมาชิกทั่วประเทศลงวันที่ 14 พ.ย. 55 เพื่อตอบโต้นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. ซึ่งทำหนังสือเวียนถึงสมาชิกเมื่อ 12 พ.ย.55
ทั้งนี้ นายสมมาตได้ตอบโต้หนังสือเวียนของประธานส.อ.ท.โดยเฉพาะประเด็นที่นายพยุงศักดิ์ ระบุว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยใช้สมาชิกที่เดือดร้อนจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วันมาเป็นเครื่องมือสร้างสถานการณ์และจะนำไปสู่ผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้องว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นจริง
นอกจากนี้ ยังได้ระบุถึงการแก้ไขปัญหาของนายพยุงศักดิ์ที่ไม่มีความตั้งใจจริงในการตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำข้อมูลและผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างเมื่อ 24 ก.ย. 55 แต่ตั้งขึ้นเพราะถูกแรงกดดันจากสมาชิกและยังบ่ายเบี่ยงในการนำเรื่องร้องเรียนของสมาชิกส.อ.ท.ส่งให้นายกรัฐมนตรี
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตประธานส.อ.ท. และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งที่ให้การสนับสนุนนายพยุงศักดิ์ขึ้นมาเป็นประธานส.อ.ท. กล่าวยอมรับว่าจุดยืนของสหพัฒน์แต่เดิมเราคิดว่ามองคนไม่ผิด แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนไปไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากนี้ก็คงจะต้องดูความเหมาะสมและคุยกันให้มากกว่านี้เพราะประธานจะต้องทำงานเพื่อสมาชิก
“หลังจากนี้ทางสหพัฒน์ฯ เองคงต้องดูว่าใครจะเป็นผู้เหมาะสมคนใหม่อีกครั้ง แต่คนใหม่นี้คงต้องดูให้ละเอียดกว่าเดิม ” นายสันติ กล่าว
นายเอกพร โฆษะครรชิต รองเลขาธิการประธานส.อ.ท.ภาคตะวันออก กล่าวว่า ประธานส.อ.ท.ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อสมาชิกตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งสมาชิกสายงานต่างจังหวัดและสายแรงงานรับไม่ได้ และเห็นว่าไม่สมควรที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไปแต่การที่จะปลดออกมีระเบียบข้อบังคับอยู่แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
“สมาชิกสายแรงงานและต่างจังหวัดทั่วประเทศเราได้รวมพลังที่จะเข้ามาแก้ไขเรื่องการขึ้นค่าจ้างทั่วประเทศที่เราบอกเลยว่าไม่เคยรวมตัวกันได้ขนาดนี้นี่ไม่ใช่พลังเงียบแต่เป็นพลังที่แท้จริงที่ผ่านมาเราทำงานกันตลอดแต่ก็มีผู้ใหญ่คอยมาบอกไม่ให้เราพูดเรื่องนี้ไม่อยากกระทบรัฐบาลจนกระทั่งเราพยายามที่จะเข้าพบนายกฯทางประธานเองก็เพิ่งจะเริ่มเข้ามาและล่าสุดได้นัดหารือเรื่องนี้ 20 พ.ย.ซึ่งเราคงไม่เข้าร่วมเพราะเห็นว่าข้อมูลเรามีกันพร้อมหมดแล้ว”นายเอกพรกล่าว
รายงานข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แจ้งว่า ความขัดแย้งต่อกรณีนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วันทั่วประเทศ 1 ม.ค. 56 ที่สมาชิกส.อ.ท.กลุ่มงานสายต่างจังหวัดต้องการให้รัฐบาลชะลอและหามาตรการรองรับนั้นยังคงสร้างความแตกแยกให้ส.อ.ท.ร้าวหนักขึ้น เมื่อล่าสุดนายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท.ได้ทำหนังสือชี้แจงสมาชิกทั่วประเทศลงวันที่ 14 พ.ย. 55 เพื่อตอบโต้นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. ซึ่งทำหนังสือเวียนถึงสมาชิกเมื่อ 12 พ.ย.55
ทั้งนี้ นายสมมาตได้ตอบโต้หนังสือเวียนของประธานส.อ.ท.โดยเฉพาะประเด็นที่นายพยุงศักดิ์ ระบุว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยใช้สมาชิกที่เดือดร้อนจากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วันมาเป็นเครื่องมือสร้างสถานการณ์และจะนำไปสู่ผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้องว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นจริง
นอกจากนี้ ยังได้ระบุถึงการแก้ไขปัญหาของนายพยุงศักดิ์ที่ไม่มีความตั้งใจจริงในการตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำข้อมูลและผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างเมื่อ 24 ก.ย. 55 แต่ตั้งขึ้นเพราะถูกแรงกดดันจากสมาชิกและยังบ่ายเบี่ยงในการนำเรื่องร้องเรียนของสมาชิกส.อ.ท.ส่งให้นายกรัฐมนตรี
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตประธานส.อ.ท. และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งที่ให้การสนับสนุนนายพยุงศักดิ์ขึ้นมาเป็นประธานส.อ.ท. กล่าวยอมรับว่าจุดยืนของสหพัฒน์แต่เดิมเราคิดว่ามองคนไม่ผิด แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนไปไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากนี้ก็คงจะต้องดูความเหมาะสมและคุยกันให้มากกว่านี้เพราะประธานจะต้องทำงานเพื่อสมาชิก
“หลังจากนี้ทางสหพัฒน์ฯ เองคงต้องดูว่าใครจะเป็นผู้เหมาะสมคนใหม่อีกครั้ง แต่คนใหม่นี้คงต้องดูให้ละเอียดกว่าเดิม ” นายสันติ กล่าว
นายเอกพร โฆษะครรชิต รองเลขาธิการประธานส.อ.ท.ภาคตะวันออก กล่าวว่า ประธานส.อ.ท.ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อสมาชิกตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งสมาชิกสายงานต่างจังหวัดและสายแรงงานรับไม่ได้ และเห็นว่าไม่สมควรที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไปแต่การที่จะปลดออกมีระเบียบข้อบังคับอยู่แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
“สมาชิกสายแรงงานและต่างจังหวัดทั่วประเทศเราได้รวมพลังที่จะเข้ามาแก้ไขเรื่องการขึ้นค่าจ้างทั่วประเทศที่เราบอกเลยว่าไม่เคยรวมตัวกันได้ขนาดนี้นี่ไม่ใช่พลังเงียบแต่เป็นพลังที่แท้จริงที่ผ่านมาเราทำงานกันตลอดแต่ก็มีผู้ใหญ่คอยมาบอกไม่ให้เราพูดเรื่องนี้ไม่อยากกระทบรัฐบาลจนกระทั่งเราพยายามที่จะเข้าพบนายกฯทางประธานเองก็เพิ่งจะเริ่มเข้ามาและล่าสุดได้นัดหารือเรื่องนี้ 20 พ.ย.ซึ่งเราคงไม่เข้าร่วมเพราะเห็นว่าข้อมูลเรามีกันพร้อมหมดแล้ว”นายเอกพรกล่าว
