**เริ่มขุดมุกเก่าเอามาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ “พลพรรครักนายห้าง” ที่ช่วงนี้แทบจะครองพื้นที่ข่าวแต่ละวันได้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงเคาต์ดาวน์ ถอยหลังสู่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่จ้ออะไรก็เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ไปเสียทุกเรื่อง
ยิ่งในสถานการณ์ช่วงก่อนศึกซักฟอกของฝ่ายค้านหนนี้ ต้องยอมรับว่า อุณหภูมิการเมืองเดือดมากกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการโหมโรงของทั้งสองฝั่ง ที่เล่นกันรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดิสเครดิตฝั่งตรงข้าม การป้ายสีข้อครหา การเปิดโปงภูมิหลังชำแหละกัน ฯลฯ เรียกว่า ถูกจัดเต็มครบทุกรส ตลอดช่วงเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งหากวัดกันตามเนื้อหนังที่ออกมา ก็ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาลเองจะเป็นฝ่ายช่วงชิงพื้นที่ข่าวได้มากกว่าฝ่ายค้านในช่วงโค้งแรก ทั้งๆ ที่โดยปกติ ตามสถานการณ์การเมืองก่อนขึ้นสังเวียนซักฟอก มักจะเป็นฝ่ายค้านที่แย่งสปอตไลต์ทุกดวง ให้มาสาดส่องที่ตนเองได้อยู่เสมอ
โดยเฉพาะกับพะพี่ย้อฝ่ายค้านขนานแท้อย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ลับมีดเมื่อไหร่ หลายรัฐบาลมีอันต้องนั่งทำการบ้านกันอย่างขมักเขม้น เพราะรู้ดีว่า แค่กระดาษใบเดียวค่ายสีฟ้าก็คมพอจะเคี้ยวสมันน้อยทางการเมืองให้ยืนทื่ออยู่บนฟลอร์ได้อย่างสบาย
กระนั้น หนังม้วนเดิมที่เคยฉายซ้ำๆ ถึงความดุดันของพรรคฝ่ายค้านในวันก่อนๆ ก็กลับตาลปัตร เพราะเกมดันพลิกไปอยู่ทางฝั่งรัฐบาลที่กลายมาเป็นตัวกำหนดประเด็น แย่งซีนฝ่ายค้านไปได้หลายหน หลายคราวในรอบนี้ ไล่ตั้งแต่ในช่วงโค้งแรกก่อนเข้าเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ฝ่ายค้านกำลังประโคมเรื่องการทุจริต เพื่อเรียกน้ำย่อยตามธรรมเนียม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าว และการทุจริตโครงการต่างๆ ระหว่างนั้นอยู่ดีๆ ทีมงานยุทธศาสตร์เพื่อไทย ก็โพล่งออกมาด้วยการใช้เฟซบุ๊ก “Oak Panthongtae Shinawatra” ออกมาประโคมข่าวแผนการลอบสังหาร “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมอาวุธสงครามได้บริเวณชายแดนไทย–พม่า
จากนั้นทั้ง “สารวัตรเฉลิม” หรือแม้แต่ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ช่วงแรกรับมุกไม้นี้ไม่ทัน ก็ออกมารับลูกตามน้ำว่า มีการแผนการสังหารอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมรายนี้จริง ชนิดชั่วโมงนั้นทุกสายตาเพ่งเล็งไปทีข่าวการลอบสังหารแบบติดลมบน จนกลบข่าวการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน และการชุมนุมของ “พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์” ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ไปได้ร่วมสัปดาห์
กระทั่งเรื่องเริ่มซา ก็ถึงคิวฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาฯ เพื่อทำการถอดถอน และอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ที่งวดนี้ปรากฏนาม “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จนหลายคนฮือฮา เพราะค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์ กับลิสต์รายชื่อ
พล.อ.อ.สุกำพล ที่เป็นหนึ่งในขุนพลที่ถูกถอดถอน ก็ตอบโต้ทันควัน ด้วยการจรดปากกา ลงนามดำเนินการถอดยศ ร้อยตรีของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้นำฝ่ายค้านทันทีในเวลาไล่เลี่ยกัน ชนิดแย่งซีนข่าวรัฐมนตรีบัญชีดำ ที่ฝ่ายค้านเพิ่งยื่นซักฟอกไปแบบหน้าตาเฉย
นอกจากการชิงพื้นที่ข่าวทำลายความสนใจในสิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังเดินเครื่องแล้ว “พรรคเพื่อไทย” เองก็ดูเหมือนจะคอยมอนิเตอร์ความเป็นไปของฝ่ายต้านอย่าง “องค์การพิทักษ์สยาม” ที่จะมีการจัดชุมนุมใหญ่ ขึ้นในวันที่ 24–25 พฤศจิกายนนี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเช่นเดียวกัน
เพราะกระแสขณะนี้ของ “เสธ.อ้าย” นั้นค่อนข้างได้รับการจับตามากขึ้นเรื่อยๆ และมีวี่แววว่าจะมีมวลชนพร้อมใจกันพาเหรดเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อร่วมชุมนุมในครั้งนี้มากกว่าการชุมนุมครั้งแรก ที่ราชตฤณมัยสมาคม หรือ สนามม้านางเลิ้ง เป็นเท่าตัว
จนตัวเลขของผู้ชุมนุมกลายเป็นจุดที่ทั้งประชาชน รวมถึงฝ่ายกุมอำนาจในมือกำลังคอยจับตาประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะปริมาณจะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่า ฝ่ายที่ไม่พอใจ และเตรียมจะขับไล่รัฐบาล มีกำลังพลพอจะเขย่าได้หรือไม่
เมื่อกระแสทุกอย่างดูจะเอนไปเข้าทางฝ่ายของ “เสธ.อ้าย” อย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติการแก้เกมของรัฐบาล ก็ได้เวลาหยิบขึ้นมาอีกครั้ง ตามจังหวะที่ “กุมารทองเฉลิม” ในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแลตำรวจ ก็ออกมาปูดข่าวเรื่องมือที่สามอาจป่วนม็อบขององค์การพิทักษ์สยามได้ โดยเฉพาะลีลาข่มแรงๆ หากมีใครขว้างระเบิดไปป่วนขึ้นมา เรื่องจะโกลาหล
สมทบด้วยบทสัมภาษณ์เข้มๆของ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่แย้มๆว่าอาจถึงขั้นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในการควบคุมผู้ชุมนุมกันทีเดียว
จับท่าทีของสองบิ๊กกุมตำรวจ เล่นใช้สูตรสำเร็จในการปรามม็อบ กะเล่นกระตุกขวัญให้คนกลัว โดยการปล่อยคิวข่มขวัญพี่น้องประชาชนที่ตั้งใจจะมาร่วมชุมนุมให้เสียวสันหลังวาบ ก่อนเปลี่ยนใจถอยหลัง นอนอยู่บ้านเฉยๆกันไปเลย !
และก็เป็นอะไรที่เข้าทางอีหรอบเดิม คือ หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปถึงเรื่องมือที่สามกันเรียบร้อย “โรงเรียนแม้ว” ตามฟอร์ม ชนิดไม่ยอมเสียพื้นที่ข่าวให้ขั้วตรงข้ามยึดซีนเด่นๆไปได้นาน
**ขมวดปมทั้งหมด วันนี้รัฐบาลงัดมุก “วิชามาร” ตามแบบยุทธศาสตร์ชิงพื้นที่ข่าว กลบกระแสไม่ดีของตัวเองที่เคยใช้สมัย “นายห้างดูไบ” แบบลอกกันมาเป๊ะๆ
ดังภาพที่สะท้อนออกมาวันนี้ “ประชาธิปัตย์” ขยับหรือเขี่ยเรื่องอะไรติด ทีมงานยุทธศาสตร์เพื่อไทย หันขวับปล่อยข่าวหวือหวาบล็อกกระแสทันที
เรื่องนี้ก็เลยน่าสนใจไม่น้อยว่า หากถึงใกล้ๆวันที่ “ยิ่งลักษณ์” เตรียมจะขึ้นเขียงในสภาฯ “วิชามาร” แบบนี้อาจถูกงัดขึ้นมาใช้อีกหนเพื่อกลบภาพความ “เอ๋อเหรอ” ในสังเวียนซักฟอก ก็เป็นได้
** เพราะการปั้นน้ำเป็นตัวอาจเป็นทางเดียวที่จะช่วยชีวิต “น้องรักพี่แม้ว” ให้เหลือความเป็นผู้นำอยู่บ้าง
ยิ่งในสถานการณ์ช่วงก่อนศึกซักฟอกของฝ่ายค้านหนนี้ ต้องยอมรับว่า อุณหภูมิการเมืองเดือดมากกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการโหมโรงของทั้งสองฝั่ง ที่เล่นกันรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดิสเครดิตฝั่งตรงข้าม การป้ายสีข้อครหา การเปิดโปงภูมิหลังชำแหละกัน ฯลฯ เรียกว่า ถูกจัดเต็มครบทุกรส ตลอดช่วงเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งหากวัดกันตามเนื้อหนังที่ออกมา ก็ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาลเองจะเป็นฝ่ายช่วงชิงพื้นที่ข่าวได้มากกว่าฝ่ายค้านในช่วงโค้งแรก ทั้งๆ ที่โดยปกติ ตามสถานการณ์การเมืองก่อนขึ้นสังเวียนซักฟอก มักจะเป็นฝ่ายค้านที่แย่งสปอตไลต์ทุกดวง ให้มาสาดส่องที่ตนเองได้อยู่เสมอ
โดยเฉพาะกับพะพี่ย้อฝ่ายค้านขนานแท้อย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ลับมีดเมื่อไหร่ หลายรัฐบาลมีอันต้องนั่งทำการบ้านกันอย่างขมักเขม้น เพราะรู้ดีว่า แค่กระดาษใบเดียวค่ายสีฟ้าก็คมพอจะเคี้ยวสมันน้อยทางการเมืองให้ยืนทื่ออยู่บนฟลอร์ได้อย่างสบาย
กระนั้น หนังม้วนเดิมที่เคยฉายซ้ำๆ ถึงความดุดันของพรรคฝ่ายค้านในวันก่อนๆ ก็กลับตาลปัตร เพราะเกมดันพลิกไปอยู่ทางฝั่งรัฐบาลที่กลายมาเป็นตัวกำหนดประเด็น แย่งซีนฝ่ายค้านไปได้หลายหน หลายคราวในรอบนี้ ไล่ตั้งแต่ในช่วงโค้งแรกก่อนเข้าเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ฝ่ายค้านกำลังประโคมเรื่องการทุจริต เพื่อเรียกน้ำย่อยตามธรรมเนียม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าว และการทุจริตโครงการต่างๆ ระหว่างนั้นอยู่ดีๆ ทีมงานยุทธศาสตร์เพื่อไทย ก็โพล่งออกมาด้วยการใช้เฟซบุ๊ก “Oak Panthongtae Shinawatra” ออกมาประโคมข่าวแผนการลอบสังหาร “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมอาวุธสงครามได้บริเวณชายแดนไทย–พม่า
จากนั้นทั้ง “สารวัตรเฉลิม” หรือแม้แต่ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ช่วงแรกรับมุกไม้นี้ไม่ทัน ก็ออกมารับลูกตามน้ำว่า มีการแผนการสังหารอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมรายนี้จริง ชนิดชั่วโมงนั้นทุกสายตาเพ่งเล็งไปทีข่าวการลอบสังหารแบบติดลมบน จนกลบข่าวการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน และการชุมนุมของ “พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์” ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ไปได้ร่วมสัปดาห์
กระทั่งเรื่องเริ่มซา ก็ถึงคิวฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาฯ เพื่อทำการถอดถอน และอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ที่งวดนี้ปรากฏนาม “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จนหลายคนฮือฮา เพราะค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์ กับลิสต์รายชื่อ
พล.อ.อ.สุกำพล ที่เป็นหนึ่งในขุนพลที่ถูกถอดถอน ก็ตอบโต้ทันควัน ด้วยการจรดปากกา ลงนามดำเนินการถอดยศ ร้อยตรีของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้นำฝ่ายค้านทันทีในเวลาไล่เลี่ยกัน ชนิดแย่งซีนข่าวรัฐมนตรีบัญชีดำ ที่ฝ่ายค้านเพิ่งยื่นซักฟอกไปแบบหน้าตาเฉย
นอกจากการชิงพื้นที่ข่าวทำลายความสนใจในสิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังเดินเครื่องแล้ว “พรรคเพื่อไทย” เองก็ดูเหมือนจะคอยมอนิเตอร์ความเป็นไปของฝ่ายต้านอย่าง “องค์การพิทักษ์สยาม” ที่จะมีการจัดชุมนุมใหญ่ ขึ้นในวันที่ 24–25 พฤศจิกายนนี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเช่นเดียวกัน
เพราะกระแสขณะนี้ของ “เสธ.อ้าย” นั้นค่อนข้างได้รับการจับตามากขึ้นเรื่อยๆ และมีวี่แววว่าจะมีมวลชนพร้อมใจกันพาเหรดเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อร่วมชุมนุมในครั้งนี้มากกว่าการชุมนุมครั้งแรก ที่ราชตฤณมัยสมาคม หรือ สนามม้านางเลิ้ง เป็นเท่าตัว
จนตัวเลขของผู้ชุมนุมกลายเป็นจุดที่ทั้งประชาชน รวมถึงฝ่ายกุมอำนาจในมือกำลังคอยจับตาประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะปริมาณจะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่า ฝ่ายที่ไม่พอใจ และเตรียมจะขับไล่รัฐบาล มีกำลังพลพอจะเขย่าได้หรือไม่
เมื่อกระแสทุกอย่างดูจะเอนไปเข้าทางฝ่ายของ “เสธ.อ้าย” อย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติการแก้เกมของรัฐบาล ก็ได้เวลาหยิบขึ้นมาอีกครั้ง ตามจังหวะที่ “กุมารทองเฉลิม” ในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแลตำรวจ ก็ออกมาปูดข่าวเรื่องมือที่สามอาจป่วนม็อบขององค์การพิทักษ์สยามได้ โดยเฉพาะลีลาข่มแรงๆ หากมีใครขว้างระเบิดไปป่วนขึ้นมา เรื่องจะโกลาหล
สมทบด้วยบทสัมภาษณ์เข้มๆของ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่แย้มๆว่าอาจถึงขั้นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในการควบคุมผู้ชุมนุมกันทีเดียว
จับท่าทีของสองบิ๊กกุมตำรวจ เล่นใช้สูตรสำเร็จในการปรามม็อบ กะเล่นกระตุกขวัญให้คนกลัว โดยการปล่อยคิวข่มขวัญพี่น้องประชาชนที่ตั้งใจจะมาร่วมชุมนุมให้เสียวสันหลังวาบ ก่อนเปลี่ยนใจถอยหลัง นอนอยู่บ้านเฉยๆกันไปเลย !
และก็เป็นอะไรที่เข้าทางอีหรอบเดิม คือ หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปถึงเรื่องมือที่สามกันเรียบร้อย “โรงเรียนแม้ว” ตามฟอร์ม ชนิดไม่ยอมเสียพื้นที่ข่าวให้ขั้วตรงข้ามยึดซีนเด่นๆไปได้นาน
**ขมวดปมทั้งหมด วันนี้รัฐบาลงัดมุก “วิชามาร” ตามแบบยุทธศาสตร์ชิงพื้นที่ข่าว กลบกระแสไม่ดีของตัวเองที่เคยใช้สมัย “นายห้างดูไบ” แบบลอกกันมาเป๊ะๆ
ดังภาพที่สะท้อนออกมาวันนี้ “ประชาธิปัตย์” ขยับหรือเขี่ยเรื่องอะไรติด ทีมงานยุทธศาสตร์เพื่อไทย หันขวับปล่อยข่าวหวือหวาบล็อกกระแสทันที
เรื่องนี้ก็เลยน่าสนใจไม่น้อยว่า หากถึงใกล้ๆวันที่ “ยิ่งลักษณ์” เตรียมจะขึ้นเขียงในสภาฯ “วิชามาร” แบบนี้อาจถูกงัดขึ้นมาใช้อีกหนเพื่อกลบภาพความ “เอ๋อเหรอ” ในสังเวียนซักฟอก ก็เป็นได้
** เพราะการปั้นน้ำเป็นตัวอาจเป็นทางเดียวที่จะช่วยชีวิต “น้องรักพี่แม้ว” ให้เหลือความเป็นผู้นำอยู่บ้าง
