xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติขายยาวหวั่นปัญหาศก.US

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้ ต่างชาติอาจขายทำกำไรช่วงที่เหลือปีนี้ จากใกล้เทศกาลหยุดยาว-ความเสี่ยงของสหรัฐฯในการต่ออายุมาตรการภาษีสิ้นสุด และ fiscal cliff “วิรไท”ระบุ วอลุ่มเทรดต่อวันตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตลาดเดียวในภูมิภาคเอเซีย สะท้อนนักลงทุนในและต่างชาติให้ความสนใจมากขึ้น

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยเรื่องหน้าผาทางการคลัง (fiscal cliff)ของสรัฐอเมริกาว่าจะมีการต่อมาตรการหรือไม่ และ มาตรการภาษีต่างๆของสหรัฐฯในการกระต้นเศรษฐกิจนั้นจะครบกำหนดในช่วงปลายปีนี้ว่าจะมีการต่ออายุหรือไม่ เพราะหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นคนเดิมเมื่อเข้าสู่สภาแล้วอาจจะมีความเห็นที่ต่างกันจากที่อยู่คนละพรรคการเมือง

"อาจจะเห็นนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นในตลาดที่ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ในช่วงที่เหลือของปีนี้ก่อน เพราะ เรื่องมาตรการภาษีแคปปิตอลเกนของสหรัฐฯก็จะมีการครบอายุเช่นกัน จึงขายออกมาก่อนเพราะหากไม่มีการต่อภาษีดังกล่าวนั้นอาจจะต้องเสียภาษีที่สูง"นายวิรไท กล่าว

ส่วนทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจมีการขายกำไรก่อนเพราะ เป็นช่วงที่นักลงทุนจะชะลอการลงทุนจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว แต่จากพิจารณมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของนักลงทุนต่างประเทศพบว่าในช่วง 10 เดือนปีนี้ พบว่านักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 7,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.15 % เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 6,714 ล้านบาท

ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น จากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเข้ามารับฟังข้อมูลจำนวนมาก และจากการที่ฟุตซี่ได้มีการปรับอันดับตลาดหุ้นไทยอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชั้นนำ หรือ Advanced Emerging Market ประกอกับการที่ประเทศไทยมีระดับซีจีที่ดีขึ้นจึงเป็นผลให้ทำให้ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้หากพิจารณามูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ไทยเทียบกับตลาดอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ในช่วงต้นม.ค.55 เทียบกับปี 2554 นั้นตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงตลาดเดียวในเอเชีย โดยปรับเพิ่มขึ้น 3% ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆมีการปรับตัวลดลงจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งแสดงว่าตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจจากักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายมากขึ้น

นายวิรไท กล่าวว่า ในช่วงเ2 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนให้ความสนใจซื้อขายหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมีสัดส่วนการซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 40% จากปีก่อนที่มีดสัดส่วน 28% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จากก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนจะให้ความสนใจลงทุนกระจุกในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะ ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีหุ้นใหม่เข้ามาจดทะเบียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาซื้อขาย
อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็จะต้องระมัดระวังการซื้อขายหุ้นขนาดกลางและเล็กและติดตามข่าวสารการลงทุน กัน เพราะ หุ้นบางตัวมีการมูลค่าการซื้อขายที่ผิดปกติ จากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการประกาศ Trading Alert หากหุ้นตัวไหนมีมูลค่าการซื้อขายสูงผิดปกติจากวันก่อนหน้า ซึ่งเดือนตุลาคม นั้นตลาดหลักทรัพย์ ฯมีการประกาศหุ้นถึง 5 ตัว ซึ่งสูงสุดตั้งแต่มีการประกาศ ประกาศ Trading Alert

สำหรับในเดือนตุลาคม 2555 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวม SET และ mai อยู่ที่ 37,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3.18% จากเดือนก่อนหน้า โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิรวม 18,203 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2555 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิรวม 47,572 ล้านบาท

ส่วนการระดมทุน บริษัทจดทะเบียนระดมทุนในรูปตราสารทุนมูลค่า 44,101 ล้านบาท โดยมีการระดมทุนในตลาดแรก 3,427 ล้านบาท จาก บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) และบมจ.ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม (TMC) และมีการระดมทุนในตลาดรอง 40,674 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการเพิ่มทุนของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB) เพื่อขยายธุรกิจ สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2555 มีมูลค่าระดมทุนรวม 125,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และในช่วงปีนี้มีบจ.และหุ้นใหม่เข้ามาระดมทุนมากขึ้น โดยถือว่าเป็นปีที่ดีในการะดมทุน

ขณะที่ ภาวะตลาดอนุพันธ์ ในเดือนตุลาคม 2555 ตลาดอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 44,430 สัญญา ลดลง 12.87% จากเดือนก่อนหน้า จากการลดลงของทุกผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดีในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2555 มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 44,141 สัญญา เพิ่มขึ้น 3.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

**หุ้นไทยลบ 9 จุด ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น

ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,279.29 จุด ลดลง 9.78 จุด หรือ -0.76% มูลค่าการซื้อขาย 33,522.72 ล้านบาท ภาพรวมแกว่งตัวแคบในแดนบวก-ลบคล้ายตลาดภูมิภาค เพราะขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น และใกล้สิ้นสุดประกาศงบฯของบริษัทจดทะเบียน ทำให้ปัจจัยบวกน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดฯยังเฝ้าติดตามกรีซว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่ และความคืบหน้าของ Fiscal Cliff ซึ่งสภาคองเกรสจะประชุม 16 พ.ย.นี้ โดยประเมินกรอบแกว่งสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,270-1,300 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น