วันนี้พวกกลุ่มที่อ้างว่าเป็นพวก นปช. (เสื้อแดง) ไปฟ้องร้องศาล รธน.ให้เอาผิดกับ เสธ.อ้าย และคุณสนธิฯ ที่ยุยงให้ล้มล้างระบบการปกครอง ปชต.อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่บัญญัติไว้ใน รธน.๕๐
ก่อนอื่นต้องตั้งข้อสังเกตก่อนว่า กลุ่มคนพวกที่ไปฟ้องร้องนี้ไม่ใช่หรือที่ต้องการล้มล้าง รธน.๕๐ มาโดยตลอด เพื่อเอา รธน. ๔๐ มาใช้แทน ...แสดงว่าคนพวกนี้ (และคนชักใยคนพวกนี้) เป็นคนพวกสองมาตรฐาน ก็คุณไม่นิยม รธน. ๕๐ แล้วไปฟ้องคนอื่นเขาว่าผิด รธน.๕๐ ทำไม ไม่ต่างอะไรกับการที่คนบางคนไม่ยอมรับคำพิพากษาศาลไทย หนีคำพิพากษาให้ติดคุก แต่กลับไปฟ้องศาลไทยเพื่อเอาผิดกับคนอื่นเป็นประจำ
แสดงว่าคนพวกนี้เป็นคนปากว่าตาขยิบ ซึ่งภาษิตไทยบอกว่าเป็นคนคบไม่ได้ แต่อนิจจาพี่น้องชาวไทยจำนวนมากก็ยังหลับหูหลับตาเชิดชูบูชาพวกเขากันอยู่นั่นแหละ (เมื่อไรจะตาสว่างเสียที)
แต่จริงๆ แล้วผมเชื่อว่าคนสองคนนี้ เขาไม่ได้ต้องการล้มระบอบ ปชต. อันมีในหลวงทรงเป็นประมุข แต่เขาต้องการล้มล้างระบอบทักษิณต่างหาก
ดังนั้นไม่ใช่ผิด รธน. ๕๐ ..แต่ถูก รธน.ด้วยซ้ำไป เพราะพวกเขากระทำไปเพื่อผดุงไว้ซึ่งเจตนารมณ์แห่ง รธน. ๕๐ แท้ๆ กล่าวคือ เพื่อผดุงไว้ซึ่งปชต. อันมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การที่ เสธ.อ้าย และ คุณสนธิ ฯ เสนอให้ประชาชนช่วยกันพิทักษ์รักษาชาตินั้น เป็นหน้าที่ของประชาชน ตาม รธน. ๕๐ ด้วยซ้ำไป เช่น
มาตรา ๗๐
บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนการพูดปราศรัย โดยเจตนาบริสุทธิ์ของบุคคลทั้งสองนั้น รธน. ๕๐ ก็ให้การรับรอง เช่น
มาตรา ๔๕
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ...
รัฐบาลคงไปตีความว่า การพูดของคุณสนธิ และ เสธ.อ้าย กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ แต่จริงๆ แล้วกระทบต่อความมั่นคงของ “รัฐบาล” ต่างหาก ซึ่งรัฐบาล และรัฐนั้น มันต่างกันแบบฟ้ากะเหว เพราะเราอาจมีรัฐ โดยไม่ต้องมีรัฐบาลก็ยังได้
ตรงกันข้าม..การพูดของคุณสนธิ และ เสธ.อ้ายนั้น พูดไปเพื่อความมั่นคงของรัฐต่างหาก เพราะพูดไปเพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ ที่พวกเขาเข้าใจว่ากำลังบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ
ส่วนพวก นปช.ที่ไปทำการฟ้องร้องนั้น เข้าใจว่าพวกเขาฟ้องตามมาตรา ๖๘ ...
มาตรา ๖๘ (การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย) บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ซึ่งผมได้อธิบายไปแล้วว่า เจตนารมณ์ของสองท่านที่ถูกฟ้องนี้เป็นไปเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยซ้ำไป (ด้วยการล้มล้างระบอบทักษิณ) แล้วมันจะผิด (เจตนารมณ์) ของ รธน.๕๐ ได้อย่างไร
การอ่านกฎหมายก็เหมือนอ่านพระไตรปิฎก กล่าวคือ ต้องอ่านบริบทอื่นๆ ประกอบด้วยจึงจะสมบูรณ์ อย่าไปอ่านเพียงมาตราเดียว เพราะมันจะผิดเพี้ยนได้มาก
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ที่เสธ.อ้าย เสนอขอหยุดประเทศห้าปีนั้น ผมขอผ่อนผันลดมาเหลือเพียงปีเดียวได้ไหม ทำงานให้เร็วหน่อย ไม่ใช่งุ่มง่ามแบบทหาร ราชการ ที่ต้องรอหนังสืออนุมัติเซ็นกันหลายชั้น ประชุมกันอยู่นั่นแหละ ทั้งที่ข้อมูล ความเห็น เชิงประจักษ์มีอยู่บริบูรณ์รอบตัวแล้ว
พวกคนดี ทำงานช้า ขอเวลาห้าปี แถมทำงานไปก็ขัดแย้งกันไป (ตามประสาคนดี) ส่วนพวกระบอบทักษิณเขามีประสิทธิภาพมาก นายใหญ่สั่งปุ๊บ เขาทำปั๊บ แล้วแบบนี้จะไปทันช่วยชาติแข่งกับพวกเขาหรือ
ถ้าจะเอาเร็วๆ แบบเป็นจุดตั้งต้นทางความคิด ให้ไปหาบทความเก่าๆ ผมมาอ่านก็ได้ ที่ได้เสนอทางเลือก ปชต.แบบไทยๆ มากหลายวิธีที่จะ “คานอำนาจ” กันทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ตามนิสัย “อิงนาย” แบบไทยๆ (ส่วน ปชต. ฝรั่ง “อิงตน” หรือ individualistic)
ส.ว.ระบบใหม่ที่ช่วยเยียวยาการเมืองไทยได้ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000103750)
มาคิดสร้างปชต.ไทยดีกว่า(http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000070488)
(ความจริงมีบทความมากกว่านี้กระจายอยู่ในหลายแห่ง สนใจอ่านเพิ่มติดต่อมาได้)
เสียดายสุดๆ ก็ตอน พล.อ.สุรยุทธุ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ที่เป็นสุภาพบุรุษนัก ปชต.อยู่นั่นแหละ ไม่ทำอะไรที่มันท้าทายบ้างเลย แม้แต่เปิดเว็บ ให้ ปชช.แสดงความเห็น แล้วเข้ามาอ่านเป็นบางเวลาบ้างก็ยังดี เอาแต่เก๊กหล่อ ออกทีวี พบประชาชนอยู่นั่นแหละ สุดท้าย ระบอบทักษิณเข้ามาครอบงำประเทศเหมือนเดิม
ครั้งต่อไป คงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่เอาอนาคตชาติไทยเป็นเดิมพัน ต้องจัดให้หนัก อย่าไปหวั่นไอ้พวก ปชต.จอมปลอม อ้างโลกาภิวัตน์ อ้างต่างชาติมหาอำนาจ อ้างเสียงข้างมาก ทั้งที่มันทำเพื่อตัวมันเองทั้งนั้น ถ้าเราหวั่นกลัว ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม (การเมือง) โอกาสนี้สุ่มเสี่ยงต่อการสิ้นชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะถูกกลืนกินด้วยระบอบทุนนิยมสามานย์ในคราบ ปชต.อย่างหมดสิ้นในไม่นาน
ส่วนตัวเรา ถ้ามีความรู้ มีสติ มีปัญญาเสียอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีเจตนาดีต่อประเทศอย่างจริงใจ ซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง ไม่มีวาระแอบแฝงเพื่อตนเองและพวกพ้อง ก็ต้องจัดให้หนักเพื่ออนาคตของชาติเรา ลูกหลานเราที่จะต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในโลกใบนี้ต่อไป
ก่อนอื่นต้องตั้งข้อสังเกตก่อนว่า กลุ่มคนพวกที่ไปฟ้องร้องนี้ไม่ใช่หรือที่ต้องการล้มล้าง รธน.๕๐ มาโดยตลอด เพื่อเอา รธน. ๔๐ มาใช้แทน ...แสดงว่าคนพวกนี้ (และคนชักใยคนพวกนี้) เป็นคนพวกสองมาตรฐาน ก็คุณไม่นิยม รธน. ๕๐ แล้วไปฟ้องคนอื่นเขาว่าผิด รธน.๕๐ ทำไม ไม่ต่างอะไรกับการที่คนบางคนไม่ยอมรับคำพิพากษาศาลไทย หนีคำพิพากษาให้ติดคุก แต่กลับไปฟ้องศาลไทยเพื่อเอาผิดกับคนอื่นเป็นประจำ
แสดงว่าคนพวกนี้เป็นคนปากว่าตาขยิบ ซึ่งภาษิตไทยบอกว่าเป็นคนคบไม่ได้ แต่อนิจจาพี่น้องชาวไทยจำนวนมากก็ยังหลับหูหลับตาเชิดชูบูชาพวกเขากันอยู่นั่นแหละ (เมื่อไรจะตาสว่างเสียที)
แต่จริงๆ แล้วผมเชื่อว่าคนสองคนนี้ เขาไม่ได้ต้องการล้มระบอบ ปชต. อันมีในหลวงทรงเป็นประมุข แต่เขาต้องการล้มล้างระบอบทักษิณต่างหาก
ดังนั้นไม่ใช่ผิด รธน. ๕๐ ..แต่ถูก รธน.ด้วยซ้ำไป เพราะพวกเขากระทำไปเพื่อผดุงไว้ซึ่งเจตนารมณ์แห่ง รธน. ๕๐ แท้ๆ กล่าวคือ เพื่อผดุงไว้ซึ่งปชต. อันมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การที่ เสธ.อ้าย และ คุณสนธิ ฯ เสนอให้ประชาชนช่วยกันพิทักษ์รักษาชาตินั้น เป็นหน้าที่ของประชาชน ตาม รธน. ๕๐ ด้วยซ้ำไป เช่น
มาตรา ๗๐
บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนการพูดปราศรัย โดยเจตนาบริสุทธิ์ของบุคคลทั้งสองนั้น รธน. ๕๐ ก็ให้การรับรอง เช่น
มาตรา ๔๕
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ...
รัฐบาลคงไปตีความว่า การพูดของคุณสนธิ และ เสธ.อ้าย กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ แต่จริงๆ แล้วกระทบต่อความมั่นคงของ “รัฐบาล” ต่างหาก ซึ่งรัฐบาล และรัฐนั้น มันต่างกันแบบฟ้ากะเหว เพราะเราอาจมีรัฐ โดยไม่ต้องมีรัฐบาลก็ยังได้
ตรงกันข้าม..การพูดของคุณสนธิ และ เสธ.อ้ายนั้น พูดไปเพื่อความมั่นคงของรัฐต่างหาก เพราะพูดไปเพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ ที่พวกเขาเข้าใจว่ากำลังบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ
ส่วนพวก นปช.ที่ไปทำการฟ้องร้องนั้น เข้าใจว่าพวกเขาฟ้องตามมาตรา ๖๘ ...
มาตรา ๖๘ (การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย) บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ซึ่งผมได้อธิบายไปแล้วว่า เจตนารมณ์ของสองท่านที่ถูกฟ้องนี้เป็นไปเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยซ้ำไป (ด้วยการล้มล้างระบอบทักษิณ) แล้วมันจะผิด (เจตนารมณ์) ของ รธน.๕๐ ได้อย่างไร
การอ่านกฎหมายก็เหมือนอ่านพระไตรปิฎก กล่าวคือ ต้องอ่านบริบทอื่นๆ ประกอบด้วยจึงจะสมบูรณ์ อย่าไปอ่านเพียงมาตราเดียว เพราะมันจะผิดเพี้ยนได้มาก
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ที่เสธ.อ้าย เสนอขอหยุดประเทศห้าปีนั้น ผมขอผ่อนผันลดมาเหลือเพียงปีเดียวได้ไหม ทำงานให้เร็วหน่อย ไม่ใช่งุ่มง่ามแบบทหาร ราชการ ที่ต้องรอหนังสืออนุมัติเซ็นกันหลายชั้น ประชุมกันอยู่นั่นแหละ ทั้งที่ข้อมูล ความเห็น เชิงประจักษ์มีอยู่บริบูรณ์รอบตัวแล้ว
พวกคนดี ทำงานช้า ขอเวลาห้าปี แถมทำงานไปก็ขัดแย้งกันไป (ตามประสาคนดี) ส่วนพวกระบอบทักษิณเขามีประสิทธิภาพมาก นายใหญ่สั่งปุ๊บ เขาทำปั๊บ แล้วแบบนี้จะไปทันช่วยชาติแข่งกับพวกเขาหรือ
ถ้าจะเอาเร็วๆ แบบเป็นจุดตั้งต้นทางความคิด ให้ไปหาบทความเก่าๆ ผมมาอ่านก็ได้ ที่ได้เสนอทางเลือก ปชต.แบบไทยๆ มากหลายวิธีที่จะ “คานอำนาจ” กันทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ตามนิสัย “อิงนาย” แบบไทยๆ (ส่วน ปชต. ฝรั่ง “อิงตน” หรือ individualistic)
ส.ว.ระบบใหม่ที่ช่วยเยียวยาการเมืองไทยได้ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000103750)
มาคิดสร้างปชต.ไทยดีกว่า(http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000070488)
(ความจริงมีบทความมากกว่านี้กระจายอยู่ในหลายแห่ง สนใจอ่านเพิ่มติดต่อมาได้)
เสียดายสุดๆ ก็ตอน พล.อ.สุรยุทธุ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ที่เป็นสุภาพบุรุษนัก ปชต.อยู่นั่นแหละ ไม่ทำอะไรที่มันท้าทายบ้างเลย แม้แต่เปิดเว็บ ให้ ปชช.แสดงความเห็น แล้วเข้ามาอ่านเป็นบางเวลาบ้างก็ยังดี เอาแต่เก๊กหล่อ ออกทีวี พบประชาชนอยู่นั่นแหละ สุดท้าย ระบอบทักษิณเข้ามาครอบงำประเทศเหมือนเดิม
ครั้งต่อไป คงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่เอาอนาคตชาติไทยเป็นเดิมพัน ต้องจัดให้หนัก อย่าไปหวั่นไอ้พวก ปชต.จอมปลอม อ้างโลกาภิวัตน์ อ้างต่างชาติมหาอำนาจ อ้างเสียงข้างมาก ทั้งที่มันทำเพื่อตัวมันเองทั้งนั้น ถ้าเราหวั่นกลัว ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม (การเมือง) โอกาสนี้สุ่มเสี่ยงต่อการสิ้นชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะถูกกลืนกินด้วยระบอบทุนนิยมสามานย์ในคราบ ปชต.อย่างหมดสิ้นในไม่นาน
ส่วนตัวเรา ถ้ามีความรู้ มีสติ มีปัญญาเสียอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีเจตนาดีต่อประเทศอย่างจริงใจ ซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง ไม่มีวาระแอบแฝงเพื่อตนเองและพวกพ้อง ก็ต้องจัดให้หนักเพื่ออนาคตของชาติเรา ลูกหลานเราที่จะต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในโลกใบนี้ต่อไป