ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วัยรุ่นคู่อรินัดหมายมาท้าดวลปืนกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านบางนา หลังจากนายชัยโย มะคงสุก หนึ่งในสมาชิกแก๊ง “ซาไก” โทรศัพท์ท้าทายพูดจาดูถูก นายจักรภัทร หรือ “แดง คำใส” อายุ 29 ปี ชาว จ.ลพบุรี นายหน้าขายอะไหล่รถยนต์มือสอง หัวหน้าแก๊ง “ตาลาย” จึงเกิดความบันดาลโทสะ นัดหมายเรียกรวมพรรคพวก ประกอบไปด้วย นายสุเทพ ทองสุก อายุ 27 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ นายปองพล กิจโอสถ อายุ 24 ปี ชาว กทม. นายธนัยพร วงษ์แพทย์ อายุ 25 ปี ชาว กทม. นายภูรินทร์ หรือภูมิ เหล่าขจร อายุ 20 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ นายอู๊ด นายอ๊อฟ และนายบอล มาดักซุ่มรอรถคู่อริตนผ่านมาหวังยิงถล่มล้างแค้นโจทย์เก่าตัวแสบที่บริเวณบ้านพักอาศัย ซึ่งอยู่ภายในซอยลิขิต 7 แยกซอย 3 ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจากทราบข้อมูลว่านายชัยโย ย้ายไปอยู่ที่นั่น
ทั้งนี้ สมาชิกแก๊งซาไกขับรถยนต์มาด้วยกัน 3 คัน จนกระทั่งมีคนขับรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กจ - 7609 สมุทรปราการ ออกมาจากภายในซอยบ้านพักดังกล่าว ซึ่งนายจักรภัทร จำรถยนต์ของนายชัยโย ได้เป็นอย่างดี จึงเรียกพรรคพวกขับตามรถเป้าหมายมาเรื่อยๆ จนสบโอกาสลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนที่เตรียมมากระหน่ำยิงอย่างไม่เลี้ยงแ ต่ยังไม่หายแค้น จึงขับรถกลับมายิงซ้ำก่อนเร่งเครื่องหลบหนีไป บริเวณหน้าร้านคาราโอเกะใกล้ปากซอยขจรวิทย์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ชาวบ้านพลเมืองดีบริเวณย่านใกล้เคียงรีบช่วยกันนำร่างโชกเลือดของผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลบางพลีและโรงพยาบาลบางนา 5 แต่มีผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา 2 ราย เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไว้ คือ นายอภิสิทธิ์ หรือ แซม อินทรชัย อายุ 23 ปี ถูกยิงเข้าที่กลางหน้าอก 2 นัด ที่ต้นแขนซ้ายอีก 1 นัด และนายวีรวัช หรือ เป้ ขวัญเพชร อายุ 24 ปี ถูกยิงเข้าที่กลางลำตัว 2 นัด รวมทั้งมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน คือ นายสายันห์ หรือ เบียร์ แก้วนุช อายุ 27 ปี ถูกยิงที่มือข้างซ้ายทะลุและต้นขาซ้ายกระสุนฝังใน กับ น.ส.วรรณนิสา เปรมศรี อายุ 27 ปี โดนยิงที่ต้นขาข้างซ้ายกระสุนฝังใน ส่วน น.ส.อ้อม (นามสมมุติ) เพื่อนอีกหนึ่งคนที่นั่งมาในรถคันเกิดเหตุด้วยแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจผกก.สภ.บางแก้ว พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ. สง่า ธีรศรัณญานนท์ ผกก.สภ.บางแก้ว และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สภาพรถพบรูกระสุนรอบคัน จำนวน 33 นัด จอดอยู่กลางถนนข้างเกาะกลาง ยังมีปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมดมี 2 ขนาด คือ ขนาด 9 มม. และขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 41 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เพื่อนในกลุ่มผู้บาดเจ็บเดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวด้วยความตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุเพื่อนๆได้ชวนกันออกมาหาข้าวกินกัน โดยขับรถออกมาจากบ้านพักของนายชัยโย จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสาวที่นั่งในรถออกมาด้วยกันว่าเพื่อนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบทุกคนยกเว้นตัวเอง ที่นั่งมากลางเบาะหลังที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเพียงคนเดียวเท่านั้น
ต่อมา วันที่ 1 พ.ย.2555 เวลา 11.00 น. ที่ สภ.บางแก้ว พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.1 เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าคดียิงถล่มกลางถนนเส้นเทพารักษ์มุ่งหน้าสำโรงเมื่อคืนที่ผ่านมา สร้างความไม่ปลอดภัยแก่ผู้ที่สัญจรไปมาและชาวบ้านโดยรอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้ง พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.สง่า ธีรศรัญณานนท์ ผกก.สภ.บางแก้ว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว , ชุดสืบสวน สภ.บางพลี , ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปรการ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1
“จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้บาดเจ็บทั้งหมดรวม 5 คนได้ขับขี่รถเก๋งคันดังกล่าวออกมาจากบ้านพักย่านบางพลี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายซึ่งเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถยนต์ที่มีความสูงกว่ารถของผู้บาดเจ็บขับตามมาทางด้านหลังและใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าที่รถ นอกจากนี้ คนร้ายยังกลับรถมากระหน่ำยิงใส่รถของผู้ตายอีกครั้ง ก่อนที่จะขับ หลบหนีไป” พล.ต.อ.เอก กล่าวภายหลังการประชุม
ด้าน พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้จัดตั้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้องร่วมคลี่คลายคดี โดยให้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บเดินทางออกจากบ้านพัก ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.บาพลี จนกระทั้งมาถึงจุดที่เกิดเหตุในพื้นที่สภ.บางแก้ว ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะสะกดรอยตามรถของผู้ตาย และผู้บาดเจ็บมาตั้งแต่ออกจากบ้าน โดยคนร้ายน่าจะใช้โทรศัพท์ติดต่อกันจนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ จึงลงมือกระหน่ำยิง
จากการตรวจสอบประวัติของผู้ตาย และผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน พบว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และคดีอื่น ๆ ในพื้นที่ สน.พระโขนง และพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา จึงคาดว่าน่าจะเป็นปมเหตุที่คนร้ายได้ติดตามมาก่อเหตุดังกล่าว
แต่ตำรวจไทยเก่งใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน สามารถจับกุมผู้ต้องหาแก๊ง “ตาลาย” ได้ 5 ราย ประกอบด้วย นายจักรภัทร นายสุเทพ นายปองพล นายธนัยพร และนายภูรินทร์ พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อกล็อค ขนาด 9 มม.จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อบาเรตต้า ขนาด 6.35 มม.จำนวน 1 กระบอก รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น อแวนซ่า สีดำ ทะเบียน ฎฟ 1446 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ทะเบียน สอ 5681 กรุงเทพมหานคร โดยเป็นรถที่ใช้ในวันก่อเหตุทั้ง 2 คัน ได้ที่ภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่ย่าน ต.วัดศรีวารีน้อย อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2555
หลังจากนั้น 1 วัน (5 พ.ย.2555) ตำรวจได้แถลงผลการจับกุม 5 ผู้ต้องหา ได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแม็คโคร ศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
โดย นายจักรภัทร กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพขายอะไหล่เซียงกง และมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายชัยโย ซึ่งเป็นคนในกลุ่มผู้ตายที่ใช้ชื่อแก๊ง "ซาไก" มาโดยตลอด กระทั่งวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา นายชัยโยได้ใช้อาวุธปืนยิงน้องชายของตนเสียชีวิตหน้าร้านตำนัว ในเขตกทม. และยังตระเวนมารอดักพวกตนตามสถานบันเทิงต่างๆ จนกระทั่งวันเกิดเหตุ นายชัยโยได้โทรศัพท์มานัดให้ไปดวลปืนกันอีกครั้งที่หน้าสถานบันเทิง ย่านบางนา พร้อมพูดจาดูถูก หยาบคายจนตนทนไม่ไหว จึงวางแผนกับพวกรวม 8 คนชิงลงมือก่อน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนตนและพวกก็กลับไปนั่งดื่มสุรากันต่อที่ห้องเช่าดังกล่าว จนกระทั่งถูกตำรวจจับกุมได้ จึงรู้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนไม่ใช่คู่อริ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจและสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับแก๊งตาลาย เป็นแก๊งวัยรุ่นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งตำรวจได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมมานานแล้วจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คน คือ นายอู๊ด นายอ๊อฟ และนายบอล ที่กำลังหลบหนี ตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมเชื่อว่าหนีกฎหมายไม่พ้นอย่างแน่นอน
และนี่เป็นบทสรุปปิดฉากตำนาน “แก๊งตาลาย - ตาถั่ว” ตามล้างแค้นโจทย์ผิดตัวจนคนอื่นต้องมาเป็นแพะรับบาปเซ่นสังเวยชีวิตอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่! อีกเรื่องที่ตำรวจต้องทำคือการดำเนินคดีกับนายชัยโยอย่างเด็ดขาด!ให้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมายอย่างสาสมตามกันไป ฐานไปก่อกรรม - สร้างเวร ฆ่าน้องชายนายจักรภัทรจนเป็นที่มาของความแค้น
พระท่านว่า... “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” แล้วชีวิตจักมีสุข.