ASTVผู้จัดการรายวัน – “ณุศาศิริ” ฉีกตลาดอสังหาฯ จับมือ “วิลล่าเมดิก้า” เตรียมผุดโรงพยาบาลกลางหมู่บ้านหรูอีก 2 แห่งพระราม 2 และเขาใหญ่
นาบยวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSU เปิดเผยว่า ภายหลังประสบความสำเร็จจากโครงการอัพเอกมัยที่ บริษัท วิลล่าเมดิก้า จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ทางเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์บำบัด เปิดสาขาให้บริการซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีมาก เพียงระยะเวลา 3 ปีมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 10,000 ราย นอกจากนี้เทรนด์การดูแลสุขภาพก่อนเจ็บป่วยได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีแนวความคิดที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ที่จะจับมือกับวิลล่าเมดิก้าในโครงการต่อๆไป
โดยล่าสุดได้ร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการ มาย โอโซน (My Ozone) เขาใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 1,200 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น สนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม จำนวน 500-600 ไร่ พัฒนาบ้านเดี่ยวหรูจำนวน 200 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 15 บาท มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมพัฒนาโรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาดไม่เกิน 100 ห้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกเชนบริหาร ซึ่งลูกค้าที่ซื้อบ้านสามารถนำมาให้โรงแรมบริหารการเช่ารวมไปถึงการให้บริการลูกบ้านอีกด้วย
ในส่วนของวิลล่าเมดิก้า ได้ซื้อที่ดินขนาด 12 ไร่ เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 16 เตียง มูลค่าการลงทุน 400 ล้านบาท เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าภายในโครงการและลูกค้าทั่วไป หากคนไขเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถให้เฮลิปคอปเตอร์ส่งตัวมารักษาต่อที่กรุงเทพได้ทันที สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านภายในโครงการจะได้รับการดูแลจากวิลล่าเมดิก้า โดยลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการใดก็ได้ฟรีทั้งครอบครัวแต่ตองมีมูลค่าไม่เกิน 8 แสนบาท/ปี เป็นระยะเวลา 5 ปี
ด้านนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิลล่าเมดิก้าฯ กล่าวว่า วิลล่าเมดิก้าเตรียมที่จะไปลงทุนเปิดโรงพยาบาลภายในโครงการของณุศาศิริ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากโรงพยาบาลที่เขาใหญ่แล้วยังเตรียมลงทุนสร้างโรงพยาบาลย่านพระราม 2 อีก 1 แห่ง ขนาด 30 เตียง ภายในโครงการของณุศาศิริ ส่วนที่โรงพยาบาลที่ภูเก็ตนั้นไม่ได้ร่วมมือกับณุศาศิริ
นานวิษณุ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ปัจุจุบันสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 4,000 ล้านบาท ในขณะที่มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือแล้ว 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายยอดขายดังกล่าวเอาไว้ได้เนื่องจากจะมีโครงการใหม่ๆ เปิดตัวในช่วงปลายปี ซึ่งปีนี้ยอมรับว่าเปิดตัวโครงการใหม่ล่าช้าเนื่องจากต้องรอผ่าน EIA ในขณะที่ปีหน้าบริษัทจะมีรายได้โตก้าวกระโดดถึง 6 เท่าตัว จากการโอนโครงการทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ ส่วนแผนการลงทุนในปี 56 เตรียมเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการละประมาณ 1,000 ล้านบาท
นาบยวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSU เปิดเผยว่า ภายหลังประสบความสำเร็จจากโครงการอัพเอกมัยที่ บริษัท วิลล่าเมดิก้า จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ทางเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์บำบัด เปิดสาขาให้บริการซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีมาก เพียงระยะเวลา 3 ปีมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 10,000 ราย นอกจากนี้เทรนด์การดูแลสุขภาพก่อนเจ็บป่วยได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีแนวความคิดที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ที่จะจับมือกับวิลล่าเมดิก้าในโครงการต่อๆไป
โดยล่าสุดได้ร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการ มาย โอโซน (My Ozone) เขาใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 1,200 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น สนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม จำนวน 500-600 ไร่ พัฒนาบ้านเดี่ยวหรูจำนวน 200 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 15 บาท มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมพัฒนาโรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาดไม่เกิน 100 ห้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกเชนบริหาร ซึ่งลูกค้าที่ซื้อบ้านสามารถนำมาให้โรงแรมบริหารการเช่ารวมไปถึงการให้บริการลูกบ้านอีกด้วย
ในส่วนของวิลล่าเมดิก้า ได้ซื้อที่ดินขนาด 12 ไร่ เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 16 เตียง มูลค่าการลงทุน 400 ล้านบาท เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าภายในโครงการและลูกค้าทั่วไป หากคนไขเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถให้เฮลิปคอปเตอร์ส่งตัวมารักษาต่อที่กรุงเทพได้ทันที สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านภายในโครงการจะได้รับการดูแลจากวิลล่าเมดิก้า โดยลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการใดก็ได้ฟรีทั้งครอบครัวแต่ตองมีมูลค่าไม่เกิน 8 แสนบาท/ปี เป็นระยะเวลา 5 ปี
ด้านนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิลล่าเมดิก้าฯ กล่าวว่า วิลล่าเมดิก้าเตรียมที่จะไปลงทุนเปิดโรงพยาบาลภายในโครงการของณุศาศิริ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากโรงพยาบาลที่เขาใหญ่แล้วยังเตรียมลงทุนสร้างโรงพยาบาลย่านพระราม 2 อีก 1 แห่ง ขนาด 30 เตียง ภายในโครงการของณุศาศิริ ส่วนที่โรงพยาบาลที่ภูเก็ตนั้นไม่ได้ร่วมมือกับณุศาศิริ
นานวิษณุ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ปัจุจุบันสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 4,000 ล้านบาท ในขณะที่มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือแล้ว 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายยอดขายดังกล่าวเอาไว้ได้เนื่องจากจะมีโครงการใหม่ๆ เปิดตัวในช่วงปลายปี ซึ่งปีนี้ยอมรับว่าเปิดตัวโครงการใหม่ล่าช้าเนื่องจากต้องรอผ่าน EIA ในขณะที่ปีหน้าบริษัทจะมีรายได้โตก้าวกระโดดถึง 6 เท่าตัว จากการโอนโครงการทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ ส่วนแผนการลงทุนในปี 56 เตรียมเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการละประมาณ 1,000 ล้านบาท