ASTVผู้จัดการรายวัน- นายกสมาคมโบรกเกอร์ คาดดัชนีตลาดห้นไทยปีหน้า 1,450 จุด จากปีนี้คาดทรงตัวระดับ 1.3 พันจุด เหตุ ภาวะเศรษฐกิจไทยเติบโต 5% กำไรบจ.เพิ่มขึ้น 14-15% จากปีก่อน ภาวะดอกเบี้ยหนุน -พีอีตลาดทุนไทยยังไม่สูงเทียบกับเพื่อนบ้าน "ภัทธีรา" แจง โอบามาชนะเลือกตั้ง ไม่ส่งผลกระทบตลาดหุ้นมากนัก
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1,450 จุด เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะมีการเติบโต 5% จากปีนี้ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีการเติบโต 14% ค่าP/E ของตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ แม้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ไม่สูงก็จะช่วยหนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้นักลงทุนจะมีการลงทุนในหุ้นยากขึ้น เนื่องจาก ในช่วงที่ 3 ปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการที่ดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้นั้น จะต้องมีปัจจัยเข้ามาหนุน โดยหุ้นที่นักลงทุนจะให้ความสนใจในการลงทุนมากขึ้น คือหุ้นขนาดกลางและเล็ก อยู่ในSET 51- SET150 จากที่ราคาหุ้นขนาดใหญ่มีราคาที่สูง
สำหรับปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้นถือว่าทรงตัวในระดับ 1,300 จุด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ จากที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ถือว่าเป็นอีก 1 ตลาด ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในโลกอีกตลาดหนึ่ง โดยการที่สหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น โดยหาก โอบามา ชนะการเลือกตั้งเชื่อว่านโยบายเรื่องเศรษฐกิจเหมือนเดิม ซึ่งจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มาก โดยหาก รอมนีย์ ได้รับการเลือกตั้ง นั้นอาจมีผลกระทบจากที่นดบายจะมีการปรับเผนเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และจะมีการเปลี่ยนประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ซึ่งจะต้องมีการจับตาอย่างใกล้ชิด
สำหรับกำไรของบล.ปีนี้เชื่อว่าจะมีกำไรที่ดี เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวดีขึ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปรับตัวพิ่มขึ้น บล.มีรายได้จากการซื้อขายหุ้นเพื่อบัญชีของบริษัท (พร๊อพเทรด) และ ธุรกิจอนุพันธ์ดีขึ้น ส่วนธุรกิจที่ไม่ค่อยดีเรื่องงานที่ปรึกษาทางการเงิน
นางภัทธีรา กล่าว แผนสมาคมปีหน้าจะเน้นเรื่องการเพิ่มจำนวนบุคลากรในการให้คำแนะนำการลงทุนมาขึ้น อีก 100 คน จากปีนี้ ที่มีการอบรบุคลากรใหม่เพิ่มในตลาดทุนแล้วจำนวน 400 คน และปีหน้าจะมีการยกระดับผู้ให้คำแนะนำการลงทุนอีก 1,000 คน ให้สามารถแนะนำการลงทุนได้ทุกสินค้า จากปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ให้คำแนะนำการลงทุน 6,000 คน
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1,450 จุด เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะมีการเติบโต 5% จากปีนี้ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีการเติบโต 14% ค่าP/E ของตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ แม้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ไม่สูงก็จะช่วยหนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้นักลงทุนจะมีการลงทุนในหุ้นยากขึ้น เนื่องจาก ในช่วงที่ 3 ปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการที่ดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้นั้น จะต้องมีปัจจัยเข้ามาหนุน โดยหุ้นที่นักลงทุนจะให้ความสนใจในการลงทุนมากขึ้น คือหุ้นขนาดกลางและเล็ก อยู่ในSET 51- SET150 จากที่ราคาหุ้นขนาดใหญ่มีราคาที่สูง
สำหรับปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้นถือว่าทรงตัวในระดับ 1,300 จุด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ จากที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ถือว่าเป็นอีก 1 ตลาด ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในโลกอีกตลาดหนึ่ง โดยการที่สหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น โดยหาก โอบามา ชนะการเลือกตั้งเชื่อว่านโยบายเรื่องเศรษฐกิจเหมือนเดิม ซึ่งจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มาก โดยหาก รอมนีย์ ได้รับการเลือกตั้ง นั้นอาจมีผลกระทบจากที่นดบายจะมีการปรับเผนเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และจะมีการเปลี่ยนประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ซึ่งจะต้องมีการจับตาอย่างใกล้ชิด
สำหรับกำไรของบล.ปีนี้เชื่อว่าจะมีกำไรที่ดี เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวดีขึ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปรับตัวพิ่มขึ้น บล.มีรายได้จากการซื้อขายหุ้นเพื่อบัญชีของบริษัท (พร๊อพเทรด) และ ธุรกิจอนุพันธ์ดีขึ้น ส่วนธุรกิจที่ไม่ค่อยดีเรื่องงานที่ปรึกษาทางการเงิน
นางภัทธีรา กล่าว แผนสมาคมปีหน้าจะเน้นเรื่องการเพิ่มจำนวนบุคลากรในการให้คำแนะนำการลงทุนมาขึ้น อีก 100 คน จากปีนี้ ที่มีการอบรบุคลากรใหม่เพิ่มในตลาดทุนแล้วจำนวน 400 คน และปีหน้าจะมีการยกระดับผู้ให้คำแนะนำการลงทุนอีก 1,000 คน ให้สามารถแนะนำการลงทุนได้ทุกสินค้า จากปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ให้คำแนะนำการลงทุน 6,000 คน