ASTV ผู้จัดการรายวัน - แบรนด์รถหรู “เลกซัส” ในเครือโตโยต้า ประกาศอีก 2 ปี เพิ่มยอดขายเท่าตัว หรือมีแชร์ในตลาดรถหรู 10% จากการมีรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดต่อเนื่อง ล่าสุดส่ง “เลกซัส แอลเอส” ใหม่เขย่าคู่แข่ง เปิดราคา 9.85-13.58 ล้านบาท เผยได้ศึกษาและยื่นเรื่องไปยังบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นพิจารณา ขอขึ้นไลน์ประกอบและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตของภูมิภาค
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า แผนกรถยนต์ “เลกซัส” ที่เป็นแบรนด์รถหรูในเครือของโตโยต้าในประเทศไทย ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นไลน์ประกอบ และใช้ไทยเป็นฐานผลิตของภูมิภาคเอเชีย จากปัจจุบันรถยนต์ยี่ห้อนี้มีประกอบอยู่แค่ที่ประเทศญี่ปุ่นและแคนาดาเท่านั้น
“ขณะนี้แผนกรถหรูเลกซัสในประเทศไทย ได้ยื่นเรื่องไปยังบริษัทแม่โตโยต้าและเลกซัสในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้พิจารณาขึ้นไลน์ประกอบและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตไปแล้ว เพราะเชื่อมั่นมีความพร้อมและศักยภาพเพียงพอในการผลิต แต่เรื่องนี้ยังไม่มีท่าทีตอบกลับอย่างใดจากบริษัทแม่ ซึ่งเข้าใจว่าคงจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณตลาดและยอดขาย รวมถึงพิจารณาความเหมาะสมจะใช้โรงงานที่ญี่ปุ่น ว่าจะยังคงดีกว่าหรือรองรับได้หรือไม่ เนื่องเลกซัสเป็นแบรนด์รถหรู ไม่ใช่รถยนต์ตลาดที่ความต้องการมีมากสามารถส่งออกได้ทั่วโลก หรือได้ประโยชน์ชัดเจนจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี (AEC) อย่างรถยนต์โตโยต้า”
นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า รถยนต์เลกซัสในประเทศไทยตั้งเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ประมาณ 750 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ทำได้กว่า 600 คัน หรือมีส่วนแบ่ง หรือแชร์ในตลาดรถหรู 5% จากภาพรวมยอดขายปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นคัน และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโตอีก 5-10% หรือมียอดขายประมาณ 850 คันขึ้นไป
“อีกประมาณ 2 ปี หรือในปี 2557 เลกซัสในไทยน่าจะมียอดขายเพิ่มเท่าตัวเป็นประมาณ 1,500 คันต่อปี หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 10% โดยปัจจัยสำคัญมาจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้น อย่างล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถรุ่นธง เลกซัส แอลเอสสู่ตลาดไทย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดูสภาวะเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวด้วยหรือไม่ ซึ่งหากทุกอย่างยังปกติน่าจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ”
สำหรับเลกซัส แอลเอส ใหม่ ที่เปิดตัวสู่ตลาดไทยครั้งนี้ เป็นการปรับโฉมใหญ่ หรือเมเจอร์เชนจ์ ด้วยการปรับปรุงรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน มีสมรรถนะการขับที่โดดเด่น แต่ยังคงเอกลัษณ์เฉพาะภายในของเลกซัส ไม่ว่าจะเป็นความเงียบ ความประณีต ความสะดวกสบาย ความล้ำสมัย และความปลอดภัย เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
นายศิตชัยเปิดเผยว่า เลกซัส แอลเอส ใหม่ มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ เริ่มจากรุ่นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-TiE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยทำตลาดแยกเป็น 2 รุ่น เริ่มจากสแตนดาร์ด LS460 (5 ที่นั่ง) ราคา 9.85 ล้านบาท รุ่นตัวถังยาว LS460L ที่มาพร้อมความหรูหราในแบบ 5 ที่นั่ง และ 4 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 11.68 และ 11.78 ล้านบาทตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่น F-Sport ที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตในราคา 9.99 ล้านบาท และอีกทางเลือกกับรถยนต์ไฮบริด LS600hL ที่นำเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร มาผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ให้แรงม้าสูงสุด 445 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบตลอดเวลา (Full-Time AWD) ราคา 13.58 ล้านบาท
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า แผนกรถยนต์ “เลกซัส” ที่เป็นแบรนด์รถหรูในเครือของโตโยต้าในประเทศไทย ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นไลน์ประกอบ และใช้ไทยเป็นฐานผลิตของภูมิภาคเอเชีย จากปัจจุบันรถยนต์ยี่ห้อนี้มีประกอบอยู่แค่ที่ประเทศญี่ปุ่นและแคนาดาเท่านั้น
“ขณะนี้แผนกรถหรูเลกซัสในประเทศไทย ได้ยื่นเรื่องไปยังบริษัทแม่โตโยต้าและเลกซัสในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้พิจารณาขึ้นไลน์ประกอบและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตไปแล้ว เพราะเชื่อมั่นมีความพร้อมและศักยภาพเพียงพอในการผลิต แต่เรื่องนี้ยังไม่มีท่าทีตอบกลับอย่างใดจากบริษัทแม่ ซึ่งเข้าใจว่าคงจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณตลาดและยอดขาย รวมถึงพิจารณาความเหมาะสมจะใช้โรงงานที่ญี่ปุ่น ว่าจะยังคงดีกว่าหรือรองรับได้หรือไม่ เนื่องเลกซัสเป็นแบรนด์รถหรู ไม่ใช่รถยนต์ตลาดที่ความต้องการมีมากสามารถส่งออกได้ทั่วโลก หรือได้ประโยชน์ชัดเจนจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี (AEC) อย่างรถยนต์โตโยต้า”
นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า รถยนต์เลกซัสในประเทศไทยตั้งเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ประมาณ 750 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ทำได้กว่า 600 คัน หรือมีส่วนแบ่ง หรือแชร์ในตลาดรถหรู 5% จากภาพรวมยอดขายปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นคัน และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโตอีก 5-10% หรือมียอดขายประมาณ 850 คันขึ้นไป
“อีกประมาณ 2 ปี หรือในปี 2557 เลกซัสในไทยน่าจะมียอดขายเพิ่มเท่าตัวเป็นประมาณ 1,500 คันต่อปี หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 10% โดยปัจจัยสำคัญมาจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้น อย่างล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถรุ่นธง เลกซัส แอลเอสสู่ตลาดไทย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดูสภาวะเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวด้วยหรือไม่ ซึ่งหากทุกอย่างยังปกติน่าจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ”
สำหรับเลกซัส แอลเอส ใหม่ ที่เปิดตัวสู่ตลาดไทยครั้งนี้ เป็นการปรับโฉมใหญ่ หรือเมเจอร์เชนจ์ ด้วยการปรับปรุงรายละเอียดมากกว่า 3,000 จุด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน มีสมรรถนะการขับที่โดดเด่น แต่ยังคงเอกลัษณ์เฉพาะภายในของเลกซัส ไม่ว่าจะเป็นความเงียบ ความประณีต ความสะดวกสบาย ความล้ำสมัย และความปลอดภัย เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
นายศิตชัยเปิดเผยว่า เลกซัส แอลเอส ใหม่ มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ เริ่มจากรุ่นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.6 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-TiE ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยทำตลาดแยกเป็น 2 รุ่น เริ่มจากสแตนดาร์ด LS460 (5 ที่นั่ง) ราคา 9.85 ล้านบาท รุ่นตัวถังยาว LS460L ที่มาพร้อมความหรูหราในแบบ 5 ที่นั่ง และ 4 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 11.68 และ 11.78 ล้านบาทตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่น F-Sport ที่ให้อารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตในราคา 9.99 ล้านบาท และอีกทางเลือกกับรถยนต์ไฮบริด LS600hL ที่นำเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร มาผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ให้แรงม้าสูงสุด 445 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบตลอดเวลา (Full-Time AWD) ราคา 13.58 ล้านบาท
