xs
xsm
sm
md
lg

เสาร์และราหูเล็งดวงเมือง : บ่งบอกถึงความแตกแยก

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในช่วงนี้ได้มีผู้รู้โหราศาสตร์หลายท่านออกมาแสดงทัศนะเกี่ยวกับดวงเมือง ในกรณีที่มีดาวเสาร์และดาวราหูโคจรเข้ามาทำมุมเล็งลัคนาของดวงเมืองพร้อมกัน โดยที่ดาวเสาร์เข้ามาเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา และดาวราหูจะเข้ามาในวันที่ 10 ธันวาคมที่จะถึงนี้ และทั้งสองดวงจะโคจรในตำแหน่งเล็งลัคนาเป็นเวลาถึง 18 เดือน แล้วดาวราหูก็จะโคจรออกไป ส่วนดาวเสาร์จะคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

จากการที่ดาวบาปพระเคราะห์ทำมุมเล็งยาวนานเช่นนี้เองทำให้บรรดาโหรทั้งหลายกังวล และห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะเกิดความแตกแยกและวุ่นวาย

อะไรเป็นเหตุให้โหรทั้งหลายกังวล และออกมาทำนายทายทักไปในทิศทางเป็นลบแก่บ้านเมืองค่อนข้างมาก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนในฐานะโหรสมัครเล่น และพอจะมีสถิติเกี่ยวกับดาวเสาร์และดาวราหูซึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2516 จึงใคร่ขอนำมาอธิบายขยายความดังต่อไปนี้

เริ่มด้วยดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวใหญ่หรือดาวประธานฝ่ายบาปพระเคราะห์ มีระยะเวลาโคจรในแต่ละราศีสองปีครึ่ง ครบรวม 12 ราศีประมาณ 30 ปี

ส่วนดาวราหูเป็นเพียงเงาของโลกมิได้เป็นดาวในความหมายแห่งดาราศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม ในโหราศาสตร์ไทยถือว่ามีความสำคัญในการพยากรณ์ มีระยะเวลาแห่งการโคจรหนึ่งปีครึ่งในแต่ละราศี ครบ 12 ราศีใช้เวลาประมาณ 18 ปี

นอกจากดาวเสาร์และราหูแล้ว การพยากรณ์เหตุการณ์บ้านเมืองยังต้องนำดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวใหญ่หรือดาวประธานฝ่ายศุภเคราะห์มาพิจารณาควบคู่กันไปในลักษณะเป็นการถ่วงดุลความรุนแรงของเสาร์และราหู

ส่วนประเด็นว่าทำไมบรรดาโหรถึงออกมาทำนายทายทักว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีเนื่องจากดาวเสาร์และราหูเล็งลัคนาดวงเมืองนั้น มีที่มาจากทฤษฎีที่ว่าดาวเสาร์และราหูในตำแหน่งเล็งลัคนาถือว่าเป็นภินทุบาทว์หรือดวงแตก และถ้าไม่มีดาวพฤหัสบดี มาถ่วงดุลโดยโคจรมาอยู่ในเรือนให้คุณคือเป็นโยค (3) ตรีโกณ (5) หรือเล็ง (7) ก็จะทำให้เจ้าดวงชะตาประสบเหตุการณ์ไม่ดีนานัปการได้

นอกจากเล็งแล้ว แม้ดาวเสาร์หรือราหูจะอยู่ในเรือนเบียนคือเป็น 3, 5 หรือ 7 ก็ทำนองเดียวกัน ตัวอย่างในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ที่เกิดเหตุการณ์วิปโยคในประเทศไทย ก็จะพบว่าดาวเสาร์โคจรในราศีเมถุนประมาณ 6.53 ํ เกาะนวางค์พฤหัสบดี อันเป็นนวางค์ศุภะของดวงเมือง และราหูโคจรในเรือนธนูในตำแหน่งเล็งเสาร์ 5.29 ํ เกาะนวางค์ศุกร์

ส่วนดาวพฤหัสบดี โคจรในตำแหน่งนิจในราศีมังกร 15.4 ํ เกาะนวางค์ศุกร์ซึ่งเป็นนวางค์เดียวกับราหู จะเห็นได้ว่าดาวพฤหัสบดี ถูกราหูครอบงำอย่างสนิท จึงทำให้ความนึกคิดทางศีลธรรมก็ดี ความรู้ก็ดี อ่อนด้อยเนื่องจากถูกโมหะครอบงำ จึงทำให้นักคิดซึ่งมีเจตนาดีถูกครอบงำ และตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองควบคุมไม่ได้หรืออยู่เหนือการควบคุม สุดท้ายตกเป็นเหยื่อแห่งความอยากแห่งตน ดังที่ปรากฏมาแล้ว

จากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จะเห็นว่าทั้งดาวเสาร์และราหูให้โทษแก่ดวงเมือง และดาวพฤหัสบดี อยู่ในฐานะอ่อนกำลังที่จะไปถ่วงดุล จึงทำให้เหตุการณ์วุ่นวายและสูญเสียเกิดขึ้น

ส่วนดวงดาวในช่วงนี้ต่อเนื่องไปอีก 1 ปี 6 เดือน หรือปีครึ่งจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือไม่ก็จะดูได้จากดาว 3 ดวงในทำนองเดียวกัน ก็จะพบว่าเริ่มตั้งแต่ 31 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไปถึงเดือนธันวาคมดาวเสาร์จะโคจรในนวางค์พฤหัสบดี ในทำนองเดียวกับปี 2516 และในขณะเดียวกัน ดาวพฤหัสบดีจะโคจรถอยองศาในเดือนพฤศจิกายนจะมาอยู่ในนวางค์ในราศีเมถุน

ดังนั้น จากเดือนพฤศจิกยน-ธันวาคม 55 ถือได้ว่าเป็นจุดเสี่ยงของดวงเมืองในอันที่จะเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองขึ้นได้ ในทำนองเดียวกับปี 2516 ส่วนว่าจะรุนแรงเท่ากันหรือมากกว่า และมีรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ก็จะต้องลงลึกไปถึงรายละเอียดของดวงดาวแต่ละดวงตามนัยแห่งศาสตร์พยากรณ์ดังต่อไปนี้

ถ้าดูจากดาวจรในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม หรือไม่เกินเดือนมกราคม 56 จะพบว่าดาวเสาร์เกาะนวางค์พฤหัสบดี อันหมายถึงนักวิชาการจะจับมือกับผู้ใช้แรงงานต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม รวมไปถึงเกษตรกรด้วย และจะนำเอาประเด็นของการทุจริตมาเป็นจุดใหญ่ในการลุกขึ้นต่อต้านเรียกร้อง ในทำนองเดียวกับการจับประเด็นการล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรขึ้นมาโจมตีเป็นการเปิดแผล ทั้งนี้เกิดจากการที่ราหูกุมนวางค์ศุกร์เจ้าเรือนการเงิน อันหมายถึงพฤติกรรมการแสวงหาในทางทุจริตโดยตรง จะเป็นเหตุให้เกิดการลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล และเมื่อมีแนวร่วมมากขึ้นคงจะลุกลามไปยังประเด็นอื่นจนควบคุมให้อยู่ในกรอบแห่งการต่อสู้ แล้วนำไปสู่การใช้กำลังจากกองทัพออกมารักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นจุดล่มสลายของรัฐบาล ณ จุดนี้

พูดง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ก็คือ จะมีประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลด้วยข้อหาทุจริต และสุดท้ายจบลงด้วยความรุนแรงจนถึงกับทำให้กองทัพต้องออกมาตามหลังประชาชน ด้วยเหตุผลเดียวคือรักษาความสงบของประเทศ

ทั้งหมดที่ว่ามาอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม หรือไม่เกินเดือนมกราคม 56

แต่ถ้ายืดเยื้อไปไกลกว่านี้ก็จะมีความรุนแรงอีกครั้งประมาณเดือนพฤษภาคม 56

ส่วนว่าจะเกิดช่วงไหนนั้น จากการดูดาวด้วยการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 แล้วมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งสองช่วง เพราะดาวทำมุมคล้ายคลึงกันทั้งสองระยะ

แต่ประเด็นที่ว่าจะไม่เกิดขึ้นเลยคงเป็นไปได้ยาก เพราะจากสถิติที่ผ่านมา ถ้าดาวโคจรทำนองนี้มักจะเกิดทุกครั้ง และรุนแรงทุกครั้ง มากน้อยตามความแรงของดวงดาวในขณะนั้น

สุดท้ายขอสรุปว่า ที่บรรดาโหรทั้งหลายออกมาแสดงทัศนะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และไม่ควรประมาทเพราะนี่คือศาสตร์แห่งการคาดการณ์ มิใช่การเดาแบบส่งเดชอย่างที่บางท่านเข้าใจ จะมีโอกาสผิดก็เป็นเรื่องของความรุนแรง แต่จะไม่เกิดลยคงไม่ใช่แน่นอน

อีกประการหนึ่ง ในการพยากรณ์เหตุการณ์ทำนองนี้จะมีประโยชน์ถ้าทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจ และนำไปประกอบการวางแผนแก้ไขและป้องกัน หรือทั้งสองอย่าง ให้รู้จักการถอยเพื่อให้ประเทศสูญเสียน้อย ย่อมดีกว่าดื้อดึงต่อสู้จนทำให้ประเทศย่อยยับด้วยความเห็นแก่ตัวและยึดติดอำนาจ
กำลังโหลดความคิดเห็น