ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ที่คนไทยกำลังจับตามอง ซึ่งเป็นวันเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ทำให้หลายคนเกรงกลัวว่าเลขนี้จะนำความโชคร้ายและสิ่งไม่ดีมาให้บ้านเมือง ก่อเกิดความวินาศ อุบัติเหตุร้ายแรง หรือการจราจลนองเลือด ทุกความวิตกกังวลเท่าที่จะคิดได้ ดังเช่นตามความเชื่อถือของชาวตะวันตก
ขณะที่หลายคนรอผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างใจจดใจจ่อ ถึงเรื่องการวินิจฉัยคำร้องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามมาตรา 68 หรือไม่นั้น ได้สร้างความหนักใจถึงผลของคำพิพากษา ที่ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร อาจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งต่างเฝ้าจับตามอง ด้วยเชื่อกันว่า ศุกร์ 13 เป็นวันดวงเมืองแตกตามคำร่ำลือ
สำหรับประเทศไทย วันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทิศทางใด เลวร้ายอย่างที่คิดกันหรือไม่ โดยเฉพาะความเชื่อทางโหราศาสตร์ กับ “ศุกร์ 13” ฤาวันอาถรรพ์
“ศุกร์ 13” จุดเปลี่ยนการเมือง
ต้องบอกก่อนว่าตามความเชื่อของฝรั่งนั้นเลข 13 เป็นเลขอับโชค ยิ่งถ้าตรงกับศุกร์ 13 ด้วยแล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นความโชคร้ายยกกำลังสอง ช่วยตอกย้ำซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่สำหรับประเทศไทย ศุกร์ 13 จะเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากการโคจรของดวงดาวเหมือนกับการรัฐประหารปี 2490 ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
โหรภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงเลข 13 ตามความเชื่อของคนไทยว่าเป็นคู่ศัตรูกัน มีความใหญ่ มีสรรพกำลังมาก และเมื่อวิเคราะห์วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ ตามหลักโหราศาสตร์การโคจรของดวงดาวปรากฏว่าจะมีการช่วงชิงอำนาจ โดยดาวมฤตยูเล็งดาวเสาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐสภา หรือผู้มีอำนาจบริหารประเทศ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ และจะมีดาวอังคารซึ่งเป็นตัวแทนของกองทัพ หรือทหาร อาจมีการยึดอำนาจ และปฏิวัติเงียบ
“อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น เกิดจากการโคจรของดาวเสาร์ ที่กำลังเป็นคู่ศัตรูกับดาวอังคารอยู่ขณะนี้ จึงอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง มีอุบัติเหตุ มีอุปสรรค เรียกว่าดาวเคราะห์คู่บาป จึงเกิดปัญหาที่ยุ่งยากทั้งฝั่งรัฐบาลและกองทัพ”
ขณะเดียวกันฝากฝั่งประชาชนก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว แต่ก็ยังมีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายเกิดขึ้นเหมือนเดิม มีร่วมตัวกับกลุ่มทหาร กองทัพ กองกำลัง ซึ่งอาจจะมีการลุกฮือขึ้นมา เพื่อรวมกับทหารที่อาจมีการยึดอำนาจอีกครั้ง
“แต่ที่น่าเป็นห่วงมาก คือดาวมฤตยูที่กำลังเล็งดาวเสาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล ผู้บริหารประเทศ อาจส่งผลถึงความล่าช้าด้านการทำงานของรัฐบาล หรือการตัดสินคดีความของศาลรัฐธรรมนูญที่มีความอืดอาด ไม่เด็ดขาด ในขณะที่มีดาวราหูเล็งดาวพฤหัสบดี ซึ่งหมายถึงชะตาเมืองกำลังโดนบีบให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตามดาวพฤหัสบดี ก็จะคอยยับยั้งความเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้ แต่มีกำลังไม่มากพอ เนื่องจากดาวทั้ง 4 ดวง ได้แก่ ดาวราหู ดาวเสาร์ ดาวอังคาร และดาวมฤตยู กำลังรุมดวงเมืองอยู่ บีบบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รัฐสภา และการเคลื่อนไหวของประชาชน”
การที่ดาวราหูกำลังเล็งดาวพฤหัสบดีอยู่นั้น ดาวราหูอยู่ราศีพฤษภ ส่วนดาวพฤหัสบดีอยู่ราศีพิจิก โหรภิญโญบอกว่า การโคจรของดวงดาวในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่เป็นลักษณะที่ตำแหน่งดวงดาวสลับด้านกัน ซึ่งอยู่ในปี 2490 จนนำไปสู่การรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ซึ่งมี พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
พอรู้อย่างนี้แล้วหลายคนคงตื่นตระหนกตกใจว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมเหมือน 65 ปีก่อนหรือไม่ เนื่องจากดวงดาวโคจรอยู่ในตำแหน่งเดียวกันตามคำทำนาย หยุดความคิดไว้ตรงนั้นก่อน ลองมาฟังคำทำนายของหมอดูชื่อดังอีกท่านหนึ่งว่าจะมอง “ศุกร์ 13” นี้เป็นอย่างไร
ด้านหมอช้าง หรือ อ.ทศพร ศรีตุลา กล่าวว่า ปีนี้มันเป็นปีที่ดวงเมืองไทยมีจุดพลิกผันและเปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุด ซึ่งไม่เหมือนช่วงปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งปีที่ผ่านๆ มาปีหนึ่งอาจมีจุดเปลี่ยนสักครั้งหนึ่ง พอมีจุดเปลี่ยนครั้งเดียว มันจึงมีเหตุเกิดในทางที่ค่อนข้างแรง แต่ว่าในปีนี้มีจุดเปลี่ยนถึง 2-3 ครั้ง เลยทำให้แต่ละครั้งไม่ได้อยู่จุดที่แรงมาก แต่ก็จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นบ่อยๆ
“ในประเด็นของวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม ถ้าในเชิงจังหวะของดวงเมืองต้องบอกว่ายังไม่ได้เป็นจุดพลิกที่สุดของดวงเมือง ตามหลักโหราศาตร์ไทย ดวงดาวที่เป็นจุดพลิกผันหรือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ นี่ ไม่ได้มีในวันศุกร์ 13 แต่อาจบอกได้ว่า ศุกร์ 13 นี้เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น
วันนี้คาดว่าจะมีความหวังของแต่ละฝ่ายไม่เหมือนกัน เมื่อผลของการวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมา แต่ไม่ใช่ว่าผลออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วคนต้องสมหวังหรือผิดหวังเสมอไป เพราะจุดไฮไลต์สำคัญยังไม่มาถึง บางคนที่ผิดหวังในศุกร์ 13 นี้ อาจจะสมหวังในช่วงอื่นๆ ก็ได้”
หมอช้าง กล่าวอย่างประนีประนอมต่อว่า เรื่องที่เราคิดอาจจะไม่เกิด เรื่องที่เกิดอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราคาดคิดไว้ บางครั้งเราอาจมองตัวแปรทางการเมืองหลายๆ อย่างแล้วมาประมวลผล แต่ในความเป็นจริง มันอาจจะมีประเด็นอื่นๆ ที่เรายังมองไม่เห็นอีก ซึ่งจะมาเป็นตัวแปรร่วมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
อาจถือได้ว่าศุกร์ 13 เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่ หรือเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปในอนาคตก็เป็นได้ คำว่า “จุดเริ่มต้น” เหมือนเป็นสัญญาณเตือนบางอย่าง ซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
ปลายปีวินาศกว่าศุกร์ 13
หลังจากที่โหรภิญโญทำนายทายทัก “ศุกร์ 13” ไว้อย่างดุดัน แต่ก็ยังตอกย้ำว่าปลายปีน่ากลัวกว่านี้อีก เช่นเดียวกับหมอช้าง ที่ฟันธงเหมือนกันว่าในช่วงปลายปี 2555 ดวงเมืองเข้าสู่ภาวะราหู ทำให้เกิดความวุ่นวายสับสน และสร้างความแตกหักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงการทำนายในช่วงปลายปีนี้ว่า ดาวเสาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของคณะรัฐมนตรี มีความเข้มแข็งก็จริง แต่ทำให้ดวงเมืองเกิดความสับสน ในวันที่ 10 ธันวาคม ปีนี้ เข้าเล็งลักษณะพินทุบาทว์ มาจากคำว่า พินทุ แปลว่าจุด อุบาทว์ แปลว่า ไม่ดี จึงเป็นลักษณะดวงเมืองถูกบาปเคราะห์ใหญ่ หรือที่เรียกว่าเกิดจุดพินทุบาทว์
“จุดแรก คือเกิดจากดาวเสาร์ เป็นตัวแทนของผู้บริหาร รัฐมนตรี จุดสอง คือเกิดจากดาวราหู เป็นตัวแทนรัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวที่ทำให้เกิดความโกลาหลในบ้านเมือง เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ ให้ระวังในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคม”
สอดคล้องกับหมอช้างที่กล่าวว่า ความวุ่นวายหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุด คือในช่วงประมาณปลายเดือนสิงหาคมต่อด้วยเดือนกันยายน และเดือนธันวาคมที่จะมีแต่ความโกลาหลวุ่นวายไม่จบสิ้น
“ในช่วงปลายสิงหาคมเข้ากันยายนจะเป็นช่วงดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดาวที่แรงในทางดวงเมือง มีการโคจรและย้ายราศีเกิดขึ้น ส่งผลให้ดวงเมืองเข้าสู่ภาวะราหู จึงเกิดความวุ่นวายอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่เป็นช่วงที่มีอิทธิพลของดาวราหูเข้ามาร่วม ช่วงนั้นจึงเป็นช่วงพลังของมวลชนจะเป็นสิ่งที่มีอำนาจมีบทบาทในการกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองมากขึ้น มากกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ยังมีช่วงสิ้นปีอีกที่มีการเปลี่ยนแปลงของดวงเมือง ประมาณปลายเดือนธันวาคม แต่ความวุ่นวายไม่ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือต้องจบลงในเดือนนี้ ในช่วงระยะนี้จะมีการพลิกผันตามที่หลายๆ คนรอคอยอยู่”
หมอช้าง กล่าวอีกว่า ปลายปีดาวเสาร์กับดาวราหูที่โคจรมาเจอกันในทางโหราศาสตร์ต้องถือว่าเป็นตัวแทนมวลชนขนาดใหญ่ ดาวเสาร์ คือมวลชน ดาวราหู คือเป็นสิ่งที่มีพลัง พอมาจับคู่กันจึงทำให้เกิดแรงเหนี่ยวนำ เกิดกระแส เกิดความตื่นตัวในเรื่องของการเมืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นจุดพลิกอย่างหนึ่งในเชิงของดวงดาว เพราะว่าช่วงนั้นมวลชนจะเป็นกลุ่มคนที่มากำหนด ซึ่งแต่ก่อนคนที่มากำหนดทิศทางของประเทศเป็นนักการเมือง แต่ว่าในช่วงนั้นสิทธิ์เสียงของประชาชนจะเป็นตัวสำคัญในการเปลี่ยนสถานการณ์บ้านเมือง อาจจะมีการเปลี่ยนขั้วการเมือง หรือยุบสภา เลือกตั้ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น
“ขณะที่นักการเมืองจะเป็นตำแหน่งของดาวพฤหัสบดี ซึ่งดาวนี้เป็นตัวแทนในเรื่องของบ้านเมือง แต่ถ้ามองกันในภาพของดวงเมือง ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา ดาวยังมีผลต่อบ้านเมือง พอในช่วงปลายปี ดาวพฤหัสบดีจะย้ายออก ฉะนั้นดาวที่มีอิทธิพลต่อดวงเมืองจะเป็นดาวเสาร์และดาวราหูมากกว่า นั่นคือกลุ่มมวลชน จึงเป็นคำตอบว่าทำไมช่วงสิ้นปีคลื่นมวลชนทั้งหลายมีพลัง มีอำนาจมากขึ้น และเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองไทยได้”
ไม่ว่าคำทำนายใดจะบ่งชี้ว่าผลการวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นเช่นไร สร้างความกดดันให้คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ ความคาดหวังที่ยังมาไม่ถึงเหล่านั้น ไม่ได้มีอิทธิพลไปกว่าการมีสติ ความยั้งคิด และการใช้วิจารณญาณส่วนตัว เพื่อพิจารณาก่อนที่จะตื่นตระหนก
และควรตระหนักอยู่เสมอว่า ผลของการทำนาย คือเรื่องของอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น จึงควรมีสติอยู่กับปัจจุบันและทำให้ดีที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วไม่ว่าประเทศไทยจะเกิดภยันตรายใด เราทุกคนก็จะผ่านพ้นไปได้
ทีมข่าว ผู้จัดการ LIVE รายงาน