ในทางวิชาโหราศาสตร์ได้แบ่งดาวออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. บาปพระเคราะห์ อันได้แก่ เสาร์ ราหู อังคาร และอาทิตย์
2. ศุกระพระเคราะห์ อันได้แก่ พฤหัสบดี ศุกร์ พุธ และจันทร์
ใน 2 ประเภทนี้ บาปพระเคราะห์ถ้าโคจรมาอยู่ในเรือนที่ให้โทษ เช่น ทับ โยก หรือเล็ง จะให้โทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวใหญ่สองดวงคือ เสาร์หรือที่เขียนเป็นเลข ๗ และราหูที่เขียนเป็นเลข ๘
ส่วนดาวศุกระเคราะห์ โดยปกติถ้าอยู่ในเรือนที่ให้คุณ คือ ทัน โยก ตรีโกณ หรือเล็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวพฤหัสบดี
อีกประการหนึ่ง ในทางโหราศาสตร์ไทยได้นำทักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งศรี และกาลกิณีเข้ามาเพิ่มคุณและโทษด้วย
ดวงกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้บันทึกไว้ในปูมโหรโบราณว่าได้พระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง ณ วันอาทิตย์ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 สุริยคติกำหนดวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325 เวลา 06.54 น. เฉลิมรูปดวงพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ดังนี้
ตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ คำนวณตามโหราศาสตร์ระบบนิรายนะ คือสมมติเอาศูนย์องศาในราศีเมษเป็นจุดที่อยู่คงที่ จะได้องศาของพระเคราะห์ต่างๆ โดยประมาณดังนี้
ดาวอาทิตย์สถิตราศีเมษ 10 องศา 11 ลิปดา
ดาวจันทร์สถิตราศีกรกฎ 18 องศา 20 ลิปดา
ดาวอังคารสถิตราศีพฤษภ 20 องศา 2 ลิปดา
ดาวพุธสถิตราศีมีน 13 องศา 25 ลิปดา
ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีธนู 8 องศา 16 ลิปดา
ดาวศุกร์สถิตราศีมีน 4 องศา 11 ลิปดา
ดาวเสาร์สถิตราศีธนู 9 องศา 30 ลิปดา
ดาวราหูสถิตราศีมีน 22 องศา 42 ลิปดา
ลัคนาของดวงพระฤกษ์สถิตราศีเมษ
ที่มา : โหราศาสตร์ในวรรณคดี
รวบรวมโดย เทพ สาริกบุตร
(จากดาวพระฤกษ์ ถ้าท่านผู้สังเกตจะพบว่ามีดาวอยู่ 8 ดวงเท่านั้น ไม่ปรากฏดาวเกตุ และดาวมฤตยูซึ่งได้เพิ่มเข้ามาในภายหลัง)
ถ้านำพื้นดวงเมืองมาวิเคราะห์ในทางการพยากรณ์ก็จะพบว่า
มีดาวที่ได้ตำแหน่งเกษตรซึ่งถือว่าให้คุณในด้านความมั่นคงยั่งยืน 2 ดวง คือ ดาวพฤหัสบดี และดาวจันทร์ โดยที่ดาวพฤหัสบดีเป็นเกษตรในเรือนศุกระอันหมายถึงว่าผู้ที่จะเข้ามาปกครองบ้านเมืองจะต้องมีคุณธรรมนำหน้า และเมื่อดาวพฤหัสบดีทำมุมตรีโกณลัคนาซึ่งมีดาวอาทิตย์ร่วมด้วย ก็บ่งบอกชัดเจนว่า จะต้องเป็นขุนนาง และมีเกียรติยศได้รับการยอมรับจากนักปราชญ์ รวมทั้งมีดาวเสาร์ร่วมราศีเดียวกับพฤหัสบดีหรือกุม ก็หมายถึงว่าจะต้องเป็นที่พึ่งแก่เกษตรกร และผู้ใช้แรงงานด้วย รวมความง่ายๆ ก็คือ ผู้ที่จะปกครองประเทศได้จะต้องมียศ มีศักดิ์ มีคุณธรรม และเป็นที่พึ่งแก่เกษตรกรและผู้ใช้แรงงานได้นั่นเอง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ที่เข้ามาปกครองประเทศไม่มีคุณธรรม ไม่ได้รับการยอมรับจากปัญญาชนจะอยู่ในตำแหน่งปกครองประเทศไม่ได้นาน ถึงไม่แพ้ใครก็แพ้ตัวเอง และกาลเวลา มีอันต้องเป็นไปก่อนกาลเวลาอันเกิดจากดาวฤกษ์กำหนดให้ราหู และศุกร์อันหมายถึงพ่อค้ามักแสวงหากำไรโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมได้อยู่ในภพวินาศนั่นเอง
ส่วนดาวที่ได้ตำแหน่งอื่นก็คือ ดาวอังคารอันเป็นตนุลัคน์ เป็นราชาโชคในเรือนกฎุมพะ และทำมุมสัมพันธ์อันเป็นโยกกับจันทร์ ถ้าผู้นำประเทศไม่หนักแน่น และขาดคุณธรรมประจำใจแล้ว จะตกเป็นข่าวทางสังคมอันเนื่องมาจากผิดศีลธรรมทางเพศได้ง่าย
ดาว 3 ดวง คือ พุธ ศุกร์ และราหู กุมกันในเรือนวินาศ อันหมายถึงว่าการเงินของประเทศจะตกอยู่ในภาวะหนี้สินเกือบทุกครั้งเมื่อดาวราหูจรเข้ามาในเรือนที่ทำมุมสัมพันธ์กับดาวพุธเดิม เช่น เมื่อปี 2535-2536 และในปี 2554-2555 ดังที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ทั้งหมดที่นำมาเล่าก็เพียงการปูทางการพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต โดยยึดดาวใหญ่ 3 ดวงคือ พฤหัสบดี เสาร์ และราหู ซึ่งจะโคจรเข้ามาสัมพันธ์กับดาวเดิม
เริ่มด้วยดาวเสาร์จะยกเข้าสู่เรือนปัตนิหรือเล็งลัคนาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.เป็นต้นไป และจะยังคงอยู่ในเรือนนี้จนถึงวันที่ 21 ต.ค. 2557 หรือประมาณสองปีครึ่งนับจากวันที่ 6 ก.ย.นี้
ในขณะที่ดาวเสาร์โคจรในเรือนปัตนิในระยะ 3 องศา ซึ่งเป็นระยะที่เสาร์เกาะนวางค์ศุกร์อันเป็นคู่อริ จะเป็นเหตุให้รัฐบาลพบกับปัญหาขัดแย้งภายในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งในพรรคอันเป็นแกนนำเองแต่ต่างกลุ่มกันก็ขัดแย้งกันเอง จนถึงขั้นปรับ ครม. และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
อีกประการหนึ่ง ในแง่ของปัจเจกบุคคล ถ้านักการเมืองท่านใดมีลัคนาอยู่ตุลย์หรือเมษจะได้รับอิทธิพลในทางลบจากเสาร์ด้วย และดาวประเภทนี้ถ้ามีการปรับ ครม.ก็มีโอกาสหลุดจากตำแหน่งด้วย
ยิ่งกว่านี้ เมื่อถึงวันที่ 10 ธ.ค. 2555 ดาวราหูจะโคจรเข้าเล็งลัคนาร่วมกับเสาร์ จะทำให้คนในรัฐบาลขัดแย้งกันเองมากยิ่งขึ้น และสาเหตุแห่งความขัดแย้งส่วนใหญ่จะมาจากการแบ่งปันผลประโยชน์ไม่ลงตัวประกอบกับมีนักการเมืองบางคนถูกความโลภครอบงำ กอบโกยผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และเป็นธรรมแก่คนในสังคมส่วนรวมอันเป็นฐานทางการเมืองของทุกพรรค จึงทำให้ประชาชนหมดศรัทธา และเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านหรือผู้ต่อต้านรัฐบาลถือเป็นจุดด้อยโจมตีทางการเมืองจนทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมได้
ในขณะที่ดาวเสาร์และราหูให้โทษแก่ดวงเมือง ดาวพฤหัสบดีทับอังคารเจ้าเรือนลัคนา อันหมายถึงคุณธรรมและศีลธรรมจะเป็นตัวเร่งให้การแก้ไขปัญหาการโกงกินได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นจุดโจมตีรัฐบาลได้แผ่ขยายวงออกไปค่อนข้างรวดเร็วในหมู่นักวิชาการ และบุคลากรในกองทัพที่ยืนข้างประชาชน จึงอาจเป็นมูลเหตุจูงใจให้เกิดการกระทำการใดๆ อันเป็นการโค่นล้มรัฐบาลได้เร็วขึ้น
อีกประการหนึ่ง ดาวพฤหัสบดีในเรือนกฎุมพะและทับอังคาร จะมีองค์กรทางตุลาการเข้ามาต่อเชื่อมในการแก้ไขขบวนการโกงของนักการเมืองด้วย
ดังนั้น การที่เหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นด้วยอิทธิพลของเสาร์กับราหู นำไปสู่การแก้ไขด้วยการใช้กระบวนการทางกฎหมาย เช่น ดำเนินคดีต่อคนโกงและนำไปสู่การยุบพรรคก็ได้ ถูกโค่นล้มก็ได้ หรือแม้กระทั่งถูกขับไล่ด้วยประชาชนก็เป็นได้ หรือทั้ง 3 กระบวนการเกิดพร้อมกันในลักษณะ 3 ประสานร่วมงานแก้การโกงก็เป็นไปได้ ขอให้จับตาดูในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ให้ดี รับรองได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างแน่นอน
1. บาปพระเคราะห์ อันได้แก่ เสาร์ ราหู อังคาร และอาทิตย์
2. ศุกระพระเคราะห์ อันได้แก่ พฤหัสบดี ศุกร์ พุธ และจันทร์
ใน 2 ประเภทนี้ บาปพระเคราะห์ถ้าโคจรมาอยู่ในเรือนที่ให้โทษ เช่น ทับ โยก หรือเล็ง จะให้โทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวใหญ่สองดวงคือ เสาร์หรือที่เขียนเป็นเลข ๗ และราหูที่เขียนเป็นเลข ๘
ส่วนดาวศุกระเคราะห์ โดยปกติถ้าอยู่ในเรือนที่ให้คุณ คือ ทัน โยก ตรีโกณ หรือเล็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวพฤหัสบดี
อีกประการหนึ่ง ในทางโหราศาสตร์ไทยได้นำทักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งศรี และกาลกิณีเข้ามาเพิ่มคุณและโทษด้วย
ดวงกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้บันทึกไว้ในปูมโหรโบราณว่าได้พระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง ณ วันอาทิตย์ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 สุริยคติกำหนดวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325 เวลา 06.54 น. เฉลิมรูปดวงพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ดังนี้
ตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ คำนวณตามโหราศาสตร์ระบบนิรายนะ คือสมมติเอาศูนย์องศาในราศีเมษเป็นจุดที่อยู่คงที่ จะได้องศาของพระเคราะห์ต่างๆ โดยประมาณดังนี้
ดาวอาทิตย์สถิตราศีเมษ 10 องศา 11 ลิปดา
ดาวจันทร์สถิตราศีกรกฎ 18 องศา 20 ลิปดา
ดาวอังคารสถิตราศีพฤษภ 20 องศา 2 ลิปดา
ดาวพุธสถิตราศีมีน 13 องศา 25 ลิปดา
ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีธนู 8 องศา 16 ลิปดา
ดาวศุกร์สถิตราศีมีน 4 องศา 11 ลิปดา
ดาวเสาร์สถิตราศีธนู 9 องศา 30 ลิปดา
ดาวราหูสถิตราศีมีน 22 องศา 42 ลิปดา
ลัคนาของดวงพระฤกษ์สถิตราศีเมษ
ที่มา : โหราศาสตร์ในวรรณคดี
รวบรวมโดย เทพ สาริกบุตร
(จากดาวพระฤกษ์ ถ้าท่านผู้สังเกตจะพบว่ามีดาวอยู่ 8 ดวงเท่านั้น ไม่ปรากฏดาวเกตุ และดาวมฤตยูซึ่งได้เพิ่มเข้ามาในภายหลัง)
ถ้านำพื้นดวงเมืองมาวิเคราะห์ในทางการพยากรณ์ก็จะพบว่า
มีดาวที่ได้ตำแหน่งเกษตรซึ่งถือว่าให้คุณในด้านความมั่นคงยั่งยืน 2 ดวง คือ ดาวพฤหัสบดี และดาวจันทร์ โดยที่ดาวพฤหัสบดีเป็นเกษตรในเรือนศุกระอันหมายถึงว่าผู้ที่จะเข้ามาปกครองบ้านเมืองจะต้องมีคุณธรรมนำหน้า และเมื่อดาวพฤหัสบดีทำมุมตรีโกณลัคนาซึ่งมีดาวอาทิตย์ร่วมด้วย ก็บ่งบอกชัดเจนว่า จะต้องเป็นขุนนาง และมีเกียรติยศได้รับการยอมรับจากนักปราชญ์ รวมทั้งมีดาวเสาร์ร่วมราศีเดียวกับพฤหัสบดีหรือกุม ก็หมายถึงว่าจะต้องเป็นที่พึ่งแก่เกษตรกร และผู้ใช้แรงงานด้วย รวมความง่ายๆ ก็คือ ผู้ที่จะปกครองประเทศได้จะต้องมียศ มีศักดิ์ มีคุณธรรม และเป็นที่พึ่งแก่เกษตรกรและผู้ใช้แรงงานได้นั่นเอง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ที่เข้ามาปกครองประเทศไม่มีคุณธรรม ไม่ได้รับการยอมรับจากปัญญาชนจะอยู่ในตำแหน่งปกครองประเทศไม่ได้นาน ถึงไม่แพ้ใครก็แพ้ตัวเอง และกาลเวลา มีอันต้องเป็นไปก่อนกาลเวลาอันเกิดจากดาวฤกษ์กำหนดให้ราหู และศุกร์อันหมายถึงพ่อค้ามักแสวงหากำไรโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมได้อยู่ในภพวินาศนั่นเอง
ส่วนดาวที่ได้ตำแหน่งอื่นก็คือ ดาวอังคารอันเป็นตนุลัคน์ เป็นราชาโชคในเรือนกฎุมพะ และทำมุมสัมพันธ์อันเป็นโยกกับจันทร์ ถ้าผู้นำประเทศไม่หนักแน่น และขาดคุณธรรมประจำใจแล้ว จะตกเป็นข่าวทางสังคมอันเนื่องมาจากผิดศีลธรรมทางเพศได้ง่าย
ดาว 3 ดวง คือ พุธ ศุกร์ และราหู กุมกันในเรือนวินาศ อันหมายถึงว่าการเงินของประเทศจะตกอยู่ในภาวะหนี้สินเกือบทุกครั้งเมื่อดาวราหูจรเข้ามาในเรือนที่ทำมุมสัมพันธ์กับดาวพุธเดิม เช่น เมื่อปี 2535-2536 และในปี 2554-2555 ดังที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ทั้งหมดที่นำมาเล่าก็เพียงการปูทางการพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต โดยยึดดาวใหญ่ 3 ดวงคือ พฤหัสบดี เสาร์ และราหู ซึ่งจะโคจรเข้ามาสัมพันธ์กับดาวเดิม
เริ่มด้วยดาวเสาร์จะยกเข้าสู่เรือนปัตนิหรือเล็งลัคนาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.เป็นต้นไป และจะยังคงอยู่ในเรือนนี้จนถึงวันที่ 21 ต.ค. 2557 หรือประมาณสองปีครึ่งนับจากวันที่ 6 ก.ย.นี้
ในขณะที่ดาวเสาร์โคจรในเรือนปัตนิในระยะ 3 องศา ซึ่งเป็นระยะที่เสาร์เกาะนวางค์ศุกร์อันเป็นคู่อริ จะเป็นเหตุให้รัฐบาลพบกับปัญหาขัดแย้งภายในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งในพรรคอันเป็นแกนนำเองแต่ต่างกลุ่มกันก็ขัดแย้งกันเอง จนถึงขั้นปรับ ครม. และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
อีกประการหนึ่ง ในแง่ของปัจเจกบุคคล ถ้านักการเมืองท่านใดมีลัคนาอยู่ตุลย์หรือเมษจะได้รับอิทธิพลในทางลบจากเสาร์ด้วย และดาวประเภทนี้ถ้ามีการปรับ ครม.ก็มีโอกาสหลุดจากตำแหน่งด้วย
ยิ่งกว่านี้ เมื่อถึงวันที่ 10 ธ.ค. 2555 ดาวราหูจะโคจรเข้าเล็งลัคนาร่วมกับเสาร์ จะทำให้คนในรัฐบาลขัดแย้งกันเองมากยิ่งขึ้น และสาเหตุแห่งความขัดแย้งส่วนใหญ่จะมาจากการแบ่งปันผลประโยชน์ไม่ลงตัวประกอบกับมีนักการเมืองบางคนถูกความโลภครอบงำ กอบโกยผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และเป็นธรรมแก่คนในสังคมส่วนรวมอันเป็นฐานทางการเมืองของทุกพรรค จึงทำให้ประชาชนหมดศรัทธา และเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านหรือผู้ต่อต้านรัฐบาลถือเป็นจุดด้อยโจมตีทางการเมืองจนทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมได้
ในขณะที่ดาวเสาร์และราหูให้โทษแก่ดวงเมือง ดาวพฤหัสบดีทับอังคารเจ้าเรือนลัคนา อันหมายถึงคุณธรรมและศีลธรรมจะเป็นตัวเร่งให้การแก้ไขปัญหาการโกงกินได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นจุดโจมตีรัฐบาลได้แผ่ขยายวงออกไปค่อนข้างรวดเร็วในหมู่นักวิชาการ และบุคลากรในกองทัพที่ยืนข้างประชาชน จึงอาจเป็นมูลเหตุจูงใจให้เกิดการกระทำการใดๆ อันเป็นการโค่นล้มรัฐบาลได้เร็วขึ้น
อีกประการหนึ่ง ดาวพฤหัสบดีในเรือนกฎุมพะและทับอังคาร จะมีองค์กรทางตุลาการเข้ามาต่อเชื่อมในการแก้ไขขบวนการโกงของนักการเมืองด้วย
ดังนั้น การที่เหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นด้วยอิทธิพลของเสาร์กับราหู นำไปสู่การแก้ไขด้วยการใช้กระบวนการทางกฎหมาย เช่น ดำเนินคดีต่อคนโกงและนำไปสู่การยุบพรรคก็ได้ ถูกโค่นล้มก็ได้ หรือแม้กระทั่งถูกขับไล่ด้วยประชาชนก็เป็นได้ หรือทั้ง 3 กระบวนการเกิดพร้อมกันในลักษณะ 3 ประสานร่วมงานแก้การโกงก็เป็นไปได้ ขอให้จับตาดูในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ให้ดี รับรองได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างแน่นอน
